ยุทธศาสตร์ป้องกันอ่าว … บันทึกเรื่องเรือ ส
ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 สยามประเทศเป็นประเทศแรกๆในอุษาคเนย์ ที่มีเรือดำน้ำประจำการ ตามที่พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ และสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ได้เคยทรงทำข้อพิจารณาอย่างละเอียดไว้ให้แก่ราชนาวี
ในปัจจุบันเรือดำน้ำถือว่าเป็นยุทโธปกรณ์ที่มีสมรรถภาพสูง มีขีดความสามารถที่หลากหลาย สำหรับลักษณะทะเลไทยทั้งสองฝั่ง เรือดำน้ำยังคงเป็นกำลังปฏิบัติการในแนวป้องกันชั้นนอกสุด และจากขีดความสามารถในปัจจุบันยังสามารถใช้เรือดำน้ำในการโจมตีเรือผิวน้ำ การปราบเรือดำน้ำ การวางทุ่นระเบิด การลำเลียงหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หรือการหาข่าวทางลับได้อีกด้วย ทั้งนี้ในปัจจุบันกองทัพเรือยังคงมีบุคคลากรที่ผ่านการศึกษาในด้านเรือดำน้ำมาโดยต่อเนื่องถึงแม้ยังไม่มีเรือดำน้ำประจำการอยู่
รายชื่ออดีตเรือดำน้ำที่เคยประจำการในราชนาวีไทย
1.เรือหลวงมัจฉาณุ
2.เรือหลวงสินสมุทร
3.เรือหลวงพลายชุมพล
4.เรือหลวงวิรุณ
ทั้งหมดเป็นเรือดำน้ำที่เคยประจำในกองทัพเรือไทย เป็นประเภทเรือดำน้ำรักษาฝั่งขนาดเล็ก (ระวางขับน้ำต่ำกว่า 500 ตัน) ประกอบขึ้นที่อู่ต่อเรือบริษัทมิตซูบิชิ เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกันทั้ง4 ลำ
เรือหลวงมัจฉาณุและเรือหลวงวิรุณ หลังจากประกอบเสร็จเมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2480 ทางบริษัทมิตซูบิชิได้จัดพิธีส่งมอบให้เป็นกรรมสิทธิของกองทัพเรือไทย และนำลูกเรือเข้าประจำเรือ กองทัพเรือไทยจึงถือว่าวันที่ 4 กันยายน เป็น วันที่ระลึกเรือดำน้ำ
เรือดำน้ำของไทยทั้ง4ลำ ได้ออกเดินทางออกจากเมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2481 ถึงกรุงเทพเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2481 เข้าประจำการเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2481 ได้ออกปฏิบัติการในสงครามอินโดจีนกับฝรั่งเศสและสงครามโลกครั้งที่ 2
ตอนเกิดกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส เรือดำน้ำราชนาวีไทยทั้ง 4 ลำ ได้ออกไปลาดตระเวนบริเวณหน้าฐานทัพเรือเรียม (กัมพูชา) โดยได้ใช้เวลาดำอยู่ใต้น้ำทั้งสิ้นลำละ 12 ชั่วโมงขึ้นไป นับได้ว่าเป็นการดำที่นานที่สุดเลยก็ว่าได้
เรือหลวงทั้ง 4 ลำได้ปลดประจำการเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 พร้อมกันทั้ง 4 ลำ เนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนอะไหล่ สาเหตุเพราะหลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่2 ได้ลงนามยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขกับชาติพันธมิตรและไม่ได้รับอนุญาตให้ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงโรงงานแบตเตอรีของไทยที่ตั้งขึ้นก็ไม่สามารถผลิตแบตเตอรีที่ใช้สำหรับประจำเรือได้ ประกอบกับเหตุการณ์กบฏแมนฮัตตัน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2494 ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ในกองทัพเรือ โดยมีคำสั่งยุบหมวดเรือดำน้ำและโอนย้ายไปรวมกับหมวดเรือตรวจฝั่งที่ตั้งขึ้นใหม่
ภายหลังปลดประจำการ เรือทั้งสี่ลำได้นำมาจอดเทียบที่ท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้กับโรงพยาบาลศิริราช ต่อมาได้มีการขายเรือให้กับบริษัทปูนซีเมนต์ไทย เพื่อทำการศึกษาและ Reverse engineering คงเหลือแต่หอบังคับการ อาวุธปืน และกล้องส่อง ที่ทางกองทัพเรือได้นำมาจัดสร้างสะพานเรือจำลอง จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ หน้าโรงเรียนนายเรือ จังหวัดสมุทรปราการ
ส่วนคำถามที่หลายคนอยากจะถามว่า ทำมั้ยกองทัพไทยถึงไม่ผลิตเรือดำน้ำ เครื่องบินรบและอาวุธหลักชนิดต่างๆไว้ใช้เอง
ขอตอบว่า ถ้าทำได้คงไม่มีใครกล้าหือ แต่ถ้าทำไม่ได้คงมีอีกหลายคนหัวเราะเยาะ การที่จะสร้างสุดยอดอาวุธแบบนี้ต้องอาศัยสุดยอดวิศวกรรมชั้นสูงไม่ใช่เอาเด็กช่าง หรือ เด็กวิศวะที่เพิ่งจบใหม่ มาสร้างขึ้นมา
โอเค ตอนนี้ในไทยนี้มีนักอุตสาหกรรมชั้นยอดมากพอที่จะสร้าง และมีนักออกแบบเครื่องจักรกลเก่งๆที่มีไม่ใช่น้อย เคยถามคนพวกนั้นหรือยังว่าทำมั้ยพวกเขาถึงไม่ทำ
คนเหล่านี้ที่พูดถึง ไม่ใช่ครูบาอาจารย์ในมหาวิทยาลัยนะ เพราะคนพวกนั้นสกิลไม่ถึงขั้นสร้างอะไหล่ขั้นสูงแบบนี้ได้หรอก เอาแค่ก็อปปี้อะไหล่โตโยต้าแล้วทำมันออกมาเองได้นี้ก็อ้วกละ
Gcode Mcode ที่ใช้ควบคุมเครื่องจักรอย่างCNC ในการสร้างอะไหล่ขั้นสูงสุด คนเหล่านี้รู้ถึงขั้นเชี่ยวชาญหรือเปล่า ลองๆหาข้อมูลตรงนี้ให้ดีมากๆก่อนแล้วค่อยคิดสร้างจะดีกว่าค่ะ