หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เรื่องลึกลับ ฉบับวังหลวง!!! ต่อจากคราวที่เเล้ว

เนื้อหาโดย คุณกิน นะจ๊ะ สวยค่ะ

สิ่งลี้ลับกับทหารมหาดเล็ก

มีเรื่องเล่าจากบันทึกของตำรวจหลวงในวังท่านหนึ่ง ซึ่งท่านเล่าไว้ว่า เมื่อครั้งงานพระราชพิธีพระบรมศพล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 8 ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เรื่องมีอยู่ว่าในเวลาดึกช่วงระหว่างงานพระราชพิธีนั้นพอพระบรมวงศานุวงศ์แขกระดับผู้ใหญ่กลับกันหมดแล้วก็จะมีทหารยามและตำรวจวังเฝ้าพระบรมศพอยู่โดยทหารจะยืนยาม 4 มุมของพระบรมศพ และจะมีการเปลี่ยนเวรกันเป็นกะ

ในส่วนของการยืนยามด้านในซึ่งเป็นที่ไว้พระโกศศพทำด้วยทองคำแท้ๆ นั้นจะมีทหารมารักษาการณ์เฉพาะตอนกลางคืน เนื่องจากยืนยามมาทั้งคืนพอใกล้สว่างก็ชักไม่ไหวต้องทรุดลงนั่งและหลับไปงีบหนึ่งแต่พอเจ้านายมาตรวจเวรก็จะมีเสียงคนมาปลุกและเขย่าตัวบอกให้"ตื่นเจ้านายมาแล้ว" เป็นเสียงกระสิบเบาๆที่ที่หูโดยที่ไม่มีใครเคยเห็นตัวคนปลุกซักครั้งเดียว

และของเรื่อง โคมมะหวดตุ้งติ้ง เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า มีทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ที่ต้องอยู่เฝ้าพระบรมศพตลอดทั้งคือ เผลอหลับขณะปฏิบัติหน้าที่ในเวลากลางคืน ซึ่งได้ปิดพระทวาร(ประตู) และพระบัญชร(หน้าต่าง)ไว้หมดแล้ว ไม่มีลมที่จะสามารถพัดให้โคมมะหวดตุ้งติ้งสั่นไหวได้ แต่อยู่ๆกลางคืนนั้นก็เกิดเสียงกระทบกันของโคมมะหวดตุ้งติ้งดังขึ้นแรงๆ เหมือนมีใครไปแกว่ง จึงทำให้ทหารที่หลับเวรตื่น รวมทั้งพระที่สวดพิธีธรรม ก็สดุ้งไปตามๆกัน

Posted Image

สระน้ำลี้ลับ สระพระองค์อรไทย

สระแห่งนี้สร้างขึ้นภายหลังที่พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าอรไทยเทพกัญญาสิ้นพระชนม์แล้ว โดยมีเหตุคือ หลังจากที่พระเจ้าน้องนางเธอพระองค์เจ้าอรไทยเทพกัญญาสิ้นพระชนม์ลงด้วยประชวรพระโรคเรื้อรังกระเสาะกระแสะ ซึ่งกล่าวกันว่า ทรงเป็นพระโรคประสาท ทรงกระทำวัติธิพิฆาตกรรมพระองค์ ( ฆ่าตัวตาย ) ได้มีข่าวโจษจันว่ามีผู้ได้ยินเสียงเปรตร้องโหยหวนในยามวิกาล และกล่าวขวัญกันต่อไปในทางที่ไม่เป็นมงคลต่าง ๆ เหมาเอาว่าเป็นเพราะพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์นั้นพึ่งจะสิ้นพระชนม์ลงไปไม่นาน คงจะไปทนทุกเวทนาอยู่ ซึ่งข่าวโจษจันนี้เป็นที่กล่าวขานกันทั่วไปและไม่อาจยุติได้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงมีพระราชดำริให้แก้ไขข่าวโจษจันอันไม่เป็นมงคลนี้ ด้วยบำเพ็ญพระราชกุศลถวายสังฆทาน แล้วทรงสั่งให้ขุดสระน้ำนี้ขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลส่งไปโปรดพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์นั้นให้พ้นทุกข์ เมื่อวันที่สระน้ำสร้างเสร็จตามพระบรมราชโองการได้มีพิธีฉลองสระนั้น โดยให้มีการลอยสลากเป็นกุศลทานลงในสระเป็นที่ครึกครื้น ตั้งแต่นั้นมาเรื่องโจษจันอันไม่เป็นมงคลก็ค่อยเงียบหายไป

พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอรไทยเทพกัญญา เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในเจ้าจอมมารดาบัว ประสูติเมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2402 และสิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2449 รวมพระชันษา 47 ปี

Posted Image


รูปพระเจ้าน้องนางเธอพระองค์เจ้าอรไทยเทพกัญญา

เเละเรื่องต่อมา

สนม นางใน หม่อมห้าม คนเดิมยังอยู่

"เรื่องลี้ลับชาววัง" ที่เคยเป็นเรื่องเล่าในสมัยก่อนก็ยังไม่จางหายไป ยังคงเล่าสืบทอดมายังรุ่นสู่รุ่น แม้ในปัจจุบันข้าราชบริพาร ที่ทำงานในพระบรมมหาราชวังก็ยังตั้งวงเล่าเรื่องชวนขนหัวลุกกันอยู่หลังพระอาทิตย์ตกดิน จะไม่มีใครอยู่ทำงานขนาดมีงานพระราชพิธีเปิดไฟสว่างคนเยอะก็ยังไม่กล้าเดินคนเดียวพวกรุ่นพี่จะบอกรุ่นน้องที่มาทำงานใหม่

เสมอๆ ว่า"เลิกงานแล้วกลับบ้านเลยนะ ใครอยู่ดึกรับรองเจอดีแน่!" จากที่เคยเดินเที่ยวชมพระบรมมหาราชวังไปกันเป็นหมู่คณะไม่ต้องรออาทิตย์ตกดินก็เสียงสันหลังได้ ?!?!

เรื่องมีอยู่ว่า สำนักพระราชวังมีที่พักไม่พอให้ข้าราชการที่บ้านอยู่ไกลได้พักจึงต้องจัดให้พักตามหมู่พระตำหนักและเรือนเก่าของเหล่าบรรดาพระสนม เจ้าจอมมารดา หรือเจ้าจอมในเขตพระราชฐานชั้นในข้าราชการคนหนึ่งได้พักในพระตำหนักพระองค์เจ้าประเวศวรสมัย(พระราชธิดาในล้นเกล้า ร.5 กับเจ้าจอมมารดาทับทิมฯ)เป็นพระตำหนักแบบตะวันตกรูปตัวยู ก่ออิฐปูนถึง 2 ชั้น

คืนแรกไปนอน อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีใครมาอยู่ด้วย เหมือนมีคนเดินผ่านบางทีก็นอนตกเตียงเพราะมีมือดีมาดึง ก็เลยอยู่ไม่ไหวด้วยเกรงในพระเดชานุภาพในพระบรมวงศานุวงศ์ ที่เคยสิ้นพระชนม์ในพระตำหนักนี้ จึงขอขมาลาโทษ และลงมานอนข้างล่างหรือห้องนั่งเล่น ถึงพอจะนอนหลับได้ โดยไม่มีอะไรรบกวนรุนแรงอีก อีกเหตุการณ์หนึ่ง ข้าราชสำนักเจอดีที่หน้าเรือนของ เจ้าจอมก๊ก อ.ซึ่งเจ้าจอมก๊ก อ. นี้เป็นเหล่าธิดาของเจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ (เทศ บุนนาค) เจ้าเมืองเพชรบุรี กับท่านผู้หญิงอู่ บุนนาค โดย เป็นพี่น้องกัน 5 คน ได้แก่ เจ้าจอมมารดาอ่อน, เจ้าจอมมารดาเอี่ยม, เจ้าจอมเอิบ, เจ้าจอมอาบ และเจ้าจอมเอื้อน แห่งราชินิกุล "บุนนาค"

เรือนของเจ้าจอมมารดาทั้ง 5 อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน ตัวเรือนใช้โครงสร้างเป็นไม้ทั้งหลังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูงสี่ชั้น ประตูทางเข้าอยู่ทิศเหนือ ทำเป็นรูปครึ่งวงกลม มีหน้าต่างเจาะเป็นรูปโค้งอยู่ตรงกันทุกชั้น ด้านหน้าชั้นที่สองและชั้นที่สามทำเป็นเฉลียงส่วนชั้นบนสุดเป็นดาดฟ้า ชั้นล่างเป็นที่อยู่ของข้าราชบริพารส่วนชั้นที่สองเป็นที่อยู่ของเจ้าจอมมารดาทั้งหลาย และไว้ใช้รับแขก เรือนหลังนี้มีเรื่องเล่าว่าวันหนึ่ง ขณะที่ว่างจากงานในหน้าที่ข้าราชการฝ่ายในกลุ่มหนึ่งเห็นว่าสถานที่หน้าเรือนเจ้าจอมก๊ก อ. เงียบสงบ เลยชวนกันมานั่งเล่นพักผ่อนกันในบริเวณสนามหญ้าขณะกำลังคุยกันออกรส เสียงหัวเราะอาจจะดังไปหน่อยจู่ๆ มีน้ำมาจากไหนไม่รู้ เหมือนใครเทราดสาดลงมาจากข้างบนเสียงคุยเฮฮาเมื่อครู่เงียบกริบ ?!?!? เนื้อตัวเปียกปอนกันหมดแหงนดูข้างบนก็ไม่มีใครเพราะเรือนนี้ถูกปล่อยร้างไม่มีใครอยู่มานานแล้วเป็นเรื่องที่น่าประหลาดจับมือใครดมก็ไม่ได้ และเชื่อกันว่าเจ้าของผลงานนี้ไม่น่าจะมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้แล้ว !!!!
โอปปาติกะ กับรัชกาลที่6

เมื่อพูดถึง "ผี" หรือ "วิญญาณ" พวกเราชาวนอกรั้ววังคงอยากจะได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "ผี" ในรั้ววังกันบ้าง ยายผีป่าจึงไปเสาะหาจากนิตยสารหญิงไทยมาให้อ่านค่ะ ขอนำเรื่องราวของ "โอปปาติกะ" ที่มาปรากฏให้เห็นเฉพาะพระพักตร์ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 6 มาเล่าให้ฟัง

เรื่อง นี้เกิดขึ้นในสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อครั้งที่พระองค์ยังคงประทับอยู่ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันหนึ่งมีงานบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันเกิด ท่านจอมพลเจ้าพระยาบดินทร์ เดชานุชิต เสนาบดีกระทรวงกลาโหมในสมัยนั้น ซึ่งล้นเกล้าฯรัชการที่ 6 ก็จะต้องไปในงานนี้ด้วย การแต่งพระองค์ในวันนั้นต้องทรงเครื่องยศทหารรักษาวัง เพียงครึ่งยศ เพราะเจ้าพระยาบดินทร์ เดชานุชิตเป็นนายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารรักษาวัง และยังเป็นงานแบบสโมสรกลางแจ้ง

งานในวันนี้มีข้าราชบริพาร สมุหราชองครักษ์และราชองครักษ์ เตรียมโดยเสด็จอย่างพรั่งพร้อม เมื่อได้เวลาเสด็จพระราชดำเนิน พระองค์ก็ได้เสด็จขึ้นประทับรถยนต์พระที่นั่ง ณ ทหารเรือ ทหารม้า ทหารราบทั่วไปและตำรวจ จะต้องมายืนรับเสด็จอยู่ริมรถพระที่นั่งตามอย่างราชประเพณีเป็นปกติ และยังมีราชองครักษ์เวรสมทบราชองครักษ์ประจำ ซึ่งมีพันโทพระยาสรชาติ โยธี พันตรีหลวงอาจหาญณรงค์ นาวาโทหลวงสวัสดิ์ นาวายุทธ ร้อยเอกหลวงวรภักดิ์ภูบาล และนายพันตำรวจโทหลวงอภิบาลนครเขตต์

นอก จากพระองค์จะทอดพระเนตรเห็นบุคคลเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว ก็ยังทอดพระเนตรเห็น "พันเอกจมื่นฤทธิ์รณจักร" ผู้บังคับกองพันทหารรักษาวังแต่งตัวเต็มยศมายืนอยู่ด้วยในหมู่ราชองครักษ์ โดยสวมหมวกแบบนโปเลียนและมีปลอกคอ ปลอกข้อมือใช้กระบี่แบบไทยหัวเป็นพญานาค พระองค์ทรงตรัสเล่าให้มหาเล็กคนสนิทคือนายรองเล่ห์อาวุธ หรือ "จมื่นมานิตย์นเรศร์" ฟังว่า เมื่อทอดพระเนตรเห็นก็ทรงฉงนพระราชหฤทัยเหมือนกันว่าทำไม "จมื่นฤทธิ์รณจักร" จึงแต่งกายเต็มยศ แต่ก็มิได้ออกพระโอษฐ์กับใคร แม้กระทั่งสมุหราชองครักษ์ทีโดยเสด็จฯ ไปในรถพระที่นั่งนั้นด้วย

เมื่อ เสด็จฯมาถึงงานก็ทรงมีพระราชภาระที่จะต้องพระราชทานน้ำสังข์และทรงเจิม ต้องพระราชทานประคำทองคำกับแหวนนพเก้าเป็นพิเศษตามอย่างโบราณราชประเพณีให้ แก่เจ้าพระยานาหมื่นชั้นแม่ทัพนายกองเป็นของขวัญและยังทรงมีพระราชภาระ ทีจะต้องพระราชทานพระบรมราโชวาทในงานเลี้ยง เมื่อทรงพระราชทานพรและทอดพระเนตรงานมหรสพจนเสร็จงานก็เป็นเวลาเกือบตีสาม จึงเสด็จกลับพระตำหนัก

กระทั่ง ถึงตำหนักที่ประทับ ณ วังสวนจิตรลดา ก็จะเสด็จเข้าห้องแต่งพระองค์แต่ก่อนจะถึงห้องแต่งพระองค์ได้เสด็จผ่านห้อง โถง และได้ทอดพระเนตรเห็นพานกะไหล่ทอง ซึ่งบนพานใบนั้นมีธูปกระแจะขนาดใหญ่กับเทียนไส้ใหญ่อย่างละ 1 เล่ม แบบเผาศพ พร้อมด้วยกระทงดอกไม้ตั้งอยู่ และยังมีข้อความเขียนไว้ว่า "ดอกไม้ธูปเทียนของข้าพระพุทธเจ้า จมื่นฤทธิ์รณจักร ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายบังคมลาไปปรโลก"

สิ่ง ที่นำมาถวายและข้อความที่เขียนไว้นี้ เป็นแบบอย่างการถวายบังคมทูลลาตายของพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชบริพาร ซึ่งทรงรู้จักคุ้นเคย โดยครอบครัวผู้ตายจะจัดขึ้นทูลเกล้าฯถวาย จากนั้นพระองค์ก็จะโปรดเกล้าฯให้มหาดเล็กรับใช้หรือ มหาดเล็กห้องที่พระบรรทม นำไปจุดบูชาที่หอพระ

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรเห็นดังนั้นนก็ให้ฉงนในพระราช หฤทัยไม่ใช่น้อย จึงโปรดฯให้มหาดเล็กเวรเชิญพระราชกระแสไปสอบถาม เพื่อให้แน่แก่พระทัยที่บ้านจมื่นฤทธิ์รณจักร มหาดเล็กก็กลับมาถวายบังคมทูลพระกรุณาว่า "จมื่นฤทธิ์รณจักรถึงแก่กรรมแล้วเมื่อเช้านี้และในตอนเย็นก็ได้รับพระราชทาน น้ำหลวงอาบศพ ทางครอบครัวได้แต่งตัวศพด้วยเครื่องเต็มยศทั้งชุดของทหารรักษาวัง"

เมื่อ ความได้ทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเช่นนั้น พระองค์ทรงเสียพระราชหฤทัย และเสียดายจมื่นฤทธิ์รณจักร เป็นอย่างมาก ถึงกับออกพระโอษฐ์ว่า "จมื่นฤทธิ์รณจักร แกรักฉัน อุตส่าห์นำวิญญาณในเครื่องแบบเต็มยศมาลาฉัน"

"จมื่น ฤทธิ์ รณจักร" ผู้นี้ เป็นนายทหารที่มีตำแหน่งเป็นถึงผู้บังคับกองพันทหารรักษาวัง และราชองครักษ์ เป็นนายทหารที่ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 6 ไว้วางพระราชหฤทัย ทรงโปรดปรานสนิทสนมด้วยเป็นอย่างมาก ดังนั้นในงานศพของนายทหารท่านนี้ พระองค์จึงโปรดเกล้าฯพระราชทาน พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อเป็นค่าจัดงานศพตลอดงานนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ ครอบครัวจมื่นฤทธิ์รณจักรสุดคณานับ

เรื่องนี้จัดเป็นเรื่องที่เชื่อ ถือได้ เพราะผู้เล่าคือจมื่นมานิตย์นเรศร์มหาดเล็กคนสนิทในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ซึ่งได้เล่าไว้ในรายการรอบเมืองไทยทางวิทยุ ท.ท.ท. ออกอากาศเมื่อหลายสิบปีก่อน

ขอเเถมกับเรื่องสุดท้ายกัน

เรื่องลี้ลับ : ตำนานสวนสุนันทา

มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในวังเก่า ดังนั้นถายในสถาบันจึงรายล้อมไปด้วยพระตำหนักน้อยใหญ่ สร้างบรรยากาศความขลังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนกลางคืน ความขลัง+ความเงียบ+ความมืด ทำให้ไม่ค่อยมีนักศึกษาคนไหนกล้าอยู่เกิน 2 ทุ่มเลย ว่าแล้วพื้นที่แห่งนี้ มีมุมไหนที่ขึ้นชื่อเรื่องลี้ลับกันบ้าง ไปดูกันครับ

ห้องสมุดเก่าที่ทุบไปแล้ว (ปัจจุบันสร้างเป็นตึกอธิการบดี) รู้หรือไม่ว่าสมัยก่อนช่วงที่จะปิดไป มีชมรม MMA-Mix Martial Arts เข้าไปใช้สถานที่ฝึกกันจนถึงกลางค่ำกลางคืน เผอิญนักศึกษาคนหนึ่งที่อยู่ในชมรมเป็นพวกเล่นของ ก็เล่าให้ฟังว่า ตอนกลับบ้านเห็นมีคนมาส่งเต็มไปหมดทั้งหน้าต่างและประตู!! ทุกคนแต่งชุดไทยแล้วจ้องมอง

บริเวณใต้ตึก 56 เดิมเคยเป็นโรงเลี้ยงเด็ก อาจารย์ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยอยู่ทำงานดึกๆ เท่าไหร่นักถ้าไม่จำเป็น เพราะจะถูกพวก "เจ้าจุก" มาเล่นซนอยู่เสมอตอนช่วงกลางคืน ไม่เชื่อไปที่ห้องพักอาจารย์ สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจที่ปัจจุบันมียันแปะอยู่ด้วย และหากสังเกตดีๆ อาจารย์เอกนี้จะมีตุ๊กตาคนละตัวว่างไว้บนโต๊ะ (ให้ใครเล่น....คิดเอา)

รู้หรือไม่ว่า ชั้นใต้ดินของเอก ID นะสุดยอดมาก ขั้นชื่อเรื่องชวนขนหัวลุกมากที่สุด มีหลายคนเล่าเหมือนกันว่าช่วงเวลาดึกๆ มักจะได้ยินเสียงคนลากตรวนอยู่บ่อยๆ (ที่ขังทาส นักโทษ) จนว่ากันว่า มีนักศึกษาอยู่คนนึง เป็นคนมีสัมผัสซิกเซ้นส์ มาเรียนได้ไม่ถึงเทอมก็ลาออก เขาเล่าให้ฟังว่า "อยู่ไม่ได้เลย เพราะสวนสุนันทามีผีในวังเยอะมาก"

ว่ากันว่าตึกที่เก่าที่สุดของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ก่อสร้างตั้งแต่สมัย ร.5 นักศึกษามักเรียกกันว่า "ตึกเหลือง" สมัยก่อนเป็นที่ประทับของเชื่อพระวงศ์ในวัง ปัจจุบันตึกนี้ได้เปิดให้ใช้บริการนวดแผนโบราณให้แก่คนนอกได้ด้วย (ปล.ชั้นบนสุดมีเรื่องราวลี้ลับเกี่ยวกับสวนสุนันทาสมัยก่อน มีรูปภาพ และ โมเดลแผนที่ ในสมัยที่ยังเป็นวังเก่า)

เด็กสวนสุนันทาจะรู้ดีว่า สถาบันแห่งนี้ต้นไม้ค่อนข้างเยอะ บางมุมถึงขึ้นปกคลุมทางเดินเลยก็มี เคยมีเรื่องเล่ามาว่า มีเด็กมหาวิทยาลัยรั้วติดกันอย่าง "มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต" เดินเข้ามาในสวนสุนันทาตอนประมาณ 2 ทุ่มเพื่อลัดไปออกประตูเทเวศน์ ระหว่างได้เห็นขาคนห้อยลงมาต้นไม้ด้านบน พอมองขึ้นไปก็เห็นเป็น "ผู้หญิงสวมสะไบสีชมพู" นั่งจ้องลงมาจากบนต้นไม้ !!

ปิดว่ากันว่า สวนหย่อมที่อยู่หัวมุมตรงข้ามกับท่าวาสุกรี เคยมีหญิงถูกข่มขืนเมื่อหลายสิบปีก่อน ปัจจุบันได้สร้างศาลพระภูมิ และผูกผ้าสามสีกับต้นไม้ใหญ่ ถ้าไม่สังเกตุจะไม่เห็นศาลนี้อย่างชัดเจน และอีกเรื่องหนึ่งที่รุ่นพี่ๆ ของสถาบันแห่งนี้เล่ากันปากต่อปากจากรุ่นสู่รุ่นนั้นก็คือ หากใครอยากสัมผัสเรื่องลี้ลับในสถาบันของสวนสุนันทา ให้ก้มลงมองใต้หว่างขา แล้วคุณจะเห็นเอง (มีใครเคยลองไหมเอ่ยย)

ทั้งหมดนี้เป็นตำนานลี้ลับที่ถูกบอกเล่าสืบต่อกันมา จากในรั้วมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทานะครับ

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
80 VOTES (4/5 จาก 20 คน)
VOTED: วรลักษณ์, มณีสวาท, Precure, Ayame, บูเก้จัง, cutiebarbie, Carrrot, Alohaaz, PRP, เคโร๊ะ เคโร๊ะ, beebugbunny, meltxxx, pumpum
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
แพนด้า อาละวาดทำร้ายผู้ดูแล ต่อหน้านักท่องเที่ยวสาวเครียด! โพสค์ระบาย เหมือนไร้ตัวตนในที่ทำงาน?สื่อดัง "วอยซ์ทีวี" ประกาศปิดกิจการ 31 พ.ค.นี้ เลิกจ้างพนักงานกว่า 100 ชีวิต ด้าน "แขก คำผกา"เคลื่อนไหวแล้ว อดีตหัวหน้าพรรคคนดัง ย้ายซบ ปชป. ตอบแทนบุญคุณช่วยเป็น สส. สมัยแรกดาราดัง โพสอาลัยหลังสิ้นนักแต่งเพลงเลขเด็ด อ.โกย บ้านไร่ งวด 2 พฤษภาคม 2567ป่วน ! 3 จว.ใต้ ใบปลิวเกลื่อนยะลา ขณะที่ชาวบ้านไปละหมาดวันศุกร์อดีตผู้บริหารหญิง Google ไทย เมาแล้วขับ ลาออกเมื่อต้นปี..ทั้งนี้ยังมาก่อเหตุซ้ำอีก!มาแล้ว "หวยควายนำโชค" งวดวันที่ 2/5/2567
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
อดีตหัวหน้าพรรคคนดัง ย้ายซบ ปชป. ตอบแทนบุญคุณช่วยเป็น สส. สมัยแรกป่วน ! 3 จว.ใต้ ใบปลิวเกลื่อนยะลา ขณะที่ชาวบ้านไปละหมาดวันศุกร์สื่อดัง "วอยซ์ทีวี" ประกาศปิดกิจการ 31 พ.ค.นี้ เลิกจ้างพนักงานกว่า 100 ชีวิต ด้าน "แขก คำผกา"เคลื่อนไหวแล้ว กินอย่างไรไม่ให้เป็น (เบาหวาน)สาวเครียด! โพสค์ระบาย เหมือนไร้ตัวตนในที่ทำงาน?
ตั้งกระทู้ใหม่