คอฟฟี่เบรก

พล.อ.อาทร โลหิตกุล

“นั่ง ! นั่ง ! กินกาแฟก่อน” เสียงกล่าวต้อนรับแขก หรือเพื่อผู้มาเยือน หรือ

“ไปนั่งคุยกันที่ห้องกาแฟดีกว่า”

คำพูดเหล่านี้มักได้ยินเสมอ ๐ ในสำนักงาน หรือในสถานที่สาธารณะ แม้กระทั่งในโรงแรมฯ

กาแฟจึงถือว่าเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่โดดเด่นกว่าเครื่องดื่มชนิดใด ๆ ในสังคม ที่ใช้ในการรับรองแขก เพื่อนฝูง หรือญาติมิตร

ความนิยมในการดื่มกาแฟ หรือใช้กาแฟเป็นเครื่องดื่มในการรับรองแขกมีมาช้านาน และนับวันก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้กาแฟเป็นสินค้าที่ขายดีมาก นิยมดื่มกันอย่างแพร่หลาย ก็น่าแปลกใจว่าในสำนักงาน หรือสถานที่ต่าง ๆ ทำไมไม่ใช้เครื่องดื่มอย่างอื่นในการรับรอง แต่มักจะใช้กาแฟเป็นหลัก บางแห่งพยายามรณรงค์ใช้น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นมาทดแทนแต่ก็ไม่ได้ผล

เหตุผลที่กาแฟเป็นที่นิยมในการดื่มกันหลาย ๆ วงการ หากจะให้สันนิษฐานก็อาจจะเป็นเพราะว่ากาแฟนั้นมีกลิ่นหอม ยั่วยวนใจ ในตัวของกาแฟนั้นมีคาแฟอีนที่เมื่อดื่มแล้วทำให้ผู้ดื่มได้รับสารกระตุ้น ทำให้กระชุ่มกระชวย สดชื่น กระปรี้กระเปร่า อารมณ์ดี จะคิดจะทำอะไรก็ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง นอกจากนั้นแล้วยังง่ายต่อการปรุงหรือชง เพราะใช้เพียงน้ำร้อนชงลงในผงกาแฟสำเร็จ น้ำตาล และครีม (คอฟฟี่เมท) ซึ่งบางคนอาจนิยมดื่มเฉพาะกาแฟเปล่า ๆ ชงกับน้ำร้อนเท่านั้น หรืออาจจะใส่น้ำตาลเล็กน้อย  และในปัจจุบันยิ่งมีความสะดวกมากขึ้น ที่มีกาแฟผสมสำเร็จที่เรียกว่า “ทรี อิน วัน” อยู่ในซองเดียวกัน คือ มีทั้งเนื้อกาแฟ น้ำตาล และครีมอยู่ในซองเดียวกัน เพียงแต่ใช้น้ำร้อนชงก็สามารถดื่มได้ทันที

คนที่ชอบดื่มกาแฟ โดยใช้กาแฟสำเร็จผสมน้ำตาล และครีม หรือคอฟฟี่เมท นั้นมักจะมีสูตรของตนเองตามความชอบ เช่น บอกคนชงว่า ๑-๒-๓ หมายความว่า กาแฟ ๑ ช้อน น้ำตาล ๒ ช้อน คอฟฟี่เมท ๓ ช้อน หรือสูตรของบางคนก็อาจจะเป็น ๑-๑-๒ หรือ ๑-๑-๑ ก็แล้วแต่รสนิยมของแต่ละคน

สำหรับนักดื่มกาแฟ หรือที่เรียกว่า “คอกาแฟ” นั้น มักนิยมดื่มกาแฟล้วน ๆ โยไม่ปรุงแต่งอะไรเลย เขาไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม เพราะจะทำให้กาแฟเสียรสชาติ เขาต้องการรสของกาแฟล้วน ๆ รวมทั้งกลิ่นกาแฟด้วย ยิ่งในปัจจุบันมีกาแฟสดจำหน่ายมากมายหลายแห่ง ยิ่งทำให้ถูกใจคอกาแฟเป็นอย่างยิ่ง เพราะกาแฟสดนั้นมีกลิ่นหอม และรสกาแฟเข้มข้น

การดื่มกาแฟนั้นบางคนนิยมดื่มตอนเช้าก่อนอาหาร หรือหลังอาหารเช้า บางคนดื่มขณะทำงาน หรือใช้ความคิด บางคนดื่มได้ทั้งวัน เรียกว่าดื่มกาแฟแทนน้ำเลยก็มี บางคนดื่มเป็นอาหารเช้า กล่าวคือ หลังจากตื่นนอนตอนเช้าก่อนไปทำงาน ดื่มกาแฟเพียงแก้วเดียวแล้วไปรับประทานอาหารอีกครั้งตอนเที่ยงเลยก็มีส่วนในงานเลี้ยงใหญ่ ๆ ในตอนเย็นก็มักจะมีกาแฟปิดท้าย หรือหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว

ในชีวิตประวันของคนปัจจุบันนี้มีการดื่มกาแฟกันอย่างแพร่หลาย นอกจากนิยมดื่มกันตามบ้าน ตามสำนักงาน ตามงานเลี้ยงต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่เห็นไอย่างเด่นชัดก็คือในการประชุมหรือการสัมมนาไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ มีผู้ร่วมประชุม หรือสัมมนาเป็นสิบเป็นร้อย หรือพันคนก็ขาดกาแฟไม่ได้ ในกำหนดการของการประชุม หรือสัมมนา จะมีช่วงเวลาที่เรียกว่า คอฟฟี่เบรก

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ในช่วงบ่ายเวลาประมาณ ๑๔.๓๐ ก็จะเป็นเวลาคอฟฟี่เบรก ๑ ห้วง

ในเวลาเบรก ที่เรียกว่า คอฟฟี่เบรก ก็จะมีกาแฟร้อน และชาร้อน (สำหรับผู้ไม่ดื่มกาแฟ) พร้อมอาหารว่าง เช่น เค้ก, คุกกี้, หรือผลไม้ หรือขมหวานอื่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ใช้กินควบคู่กับกาแฟ  ?

แล้วอย่างนี้จะไม่ทำให้กาแฟขายดีได้อย่างไร ?

เมื่อกาแฟเป็นสินค้าขายดี มีคนนิยมดื่มมากมาย บริษัทห้างร้านต่าง ๆ จึงสนองตอบลูกค้าด้วยการผลิตกาแฟหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรสชาติออกจำหน่ายตามท้องตลาด รวมทั้งกาแฟสดที่ใช้เม็ดกาแฟคั่วแล้วมาชงด้วยเครื่องซึ่งมีจำหน่ายโดยทั่วไปโดยเฉพาะตามปั้มน้ำมัน หรือระหว่างทางที่มีผู้เดินทางระหว่างจังหวัดกับจังหวัด ซึ่งในปัจจุบันได้รับความนิยมมากสำหรับผู้ที่ ขับรถหรือเดินทางไกล

ตามห้างสรรพสินค้า หรือแหล่งชุมชนต่าง ๆ ก็จะมีร้านจำหน่ายกาแฟ และมีกาแฟอย่างดี ตกแต่งร้านอย่างมีบรรยากาศน่านั่ง ประกอบกับกลิ่นกาแฟที่หอมหวนชวนลิ้มลองเรียกลูกค้าเข้าไปอุดหนุน ซึ่งกาแฟของร้านเหล่านี้มีราคาสูงพอสมควรที่เดียว แต่สำหรับ “คอกาแฟ” แล้วเขายินดีจะจ่าย

ในทรรศนะของคนดื่มกาแฟนั้น กล่าวกันว่า กาแฟที่ต้องมีคุณสมบัติ ๕ ประการคือ

๑. ดำอย่างปีศาจ

๒. ขมดั่งบอระเพ็ด

๓. กลิ่นดั่งนางฟ้า

๔. รสดั่งความรัก

๕. ร้อนดั่งไฟนรก

ฟังแล้วเห็นภาพพจน์ แต่ไม่อาจพิสูจน์ได้ทั้งหมด เช่น รู้ว่าปีศาจนั้นดำ แต่ไม่เคยเห็นตัว ส่วนขมดั่งบอระเพ็ดนั้น รู้ว่าขมแค่ไหน เพราะเคยลิ้มรสมาแล้ว สำหรับกลิ่นดั่งนางฟ้านั้น รู้ว่านางฟ้านั้นสวยแน่ ๆ แต่ยังไม่เคยได้กลิ่นของเธอเลย ส่วนรสดั่งความรักนั้น ก็คงเป็นประจักษ์สำหรับคนที่เคยมี “รัก” มาแล้ว แต่  ประการสุดท้ายที่บอกว่าร้อนดั่งไฟนรกนั้น ผมไม่เคยไปเลยไม่รู้ว่านรกมันร้อนแค่ไหน หรือร้อนอย่างไร และก็ไม่ขอไปรู้ไปเห็นด้วย…บรื่อ !

ในการจำหน่ายหรือการเสิร์ฟกาแฟนั้นมีแทบทุกแห่ง ไม่ว่าจะตามร้านค้า ตามโรงแรมในขณะเดินทางโดยรถทัวร์ โดยเฉพาะบนเครื่องบิน ก็จะมีการบริการเครื่องดื่มต่าง ๆ มากมายหลายชนิดแต่ขาดไม่ได้ก็คือกาแฟ

พนักงานบริการสาวสวยบนเครื่องบินที่เรียกว่า แอร์โฮสเตสมักจะเดินถือกาน้ำบรรจุกาแฟที่ชงสำเร็จแล้ว ถามผู้โดยสารแต่ละท่านว่า

“กาแฟร้อนไม๊คะ ? …กาแฟร้อนไม๊คะ ?

ชายหนุ่มหน้าทะเล้น (ไม่ทราบว่าเชื้อสายเวียดนามด้วยหรือเปล่า) มองหน้าแอร์โฮสเตสแล้วตอบว่า

“ผมจะไปรู้เร๊อะ ร้อนหรือไม่ร้อน อยากรู้ก็ลองจับดูซิ”

หลังจากนั้นสายการบินต่าง ๆ ต้องอบรมชี้แจงแอร์โฮสเตสให้ใช้คำถามใหม่ว่า

“รับกาแฟร้อนไม๊คะ ?”

อนิจจา ! ภาษาไทย