แชทหน้าคอมฯ-มือถือนาน เสี่ยงโรคซีวีเอส
นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ ได้เปิดเผยว่า การติดต่อสื่อสารในปัจจุบัน ในรูปแบบสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ผ่านทางโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ ที่มีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงาน เนื่องจากมีความทันสมัยและสะดวกรวดเร็ว แต่การใช้งานที่มากเกินความจำเป็น อาจส่งผลเสียต่อร่างกายของเราได้ โดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัว ซึ่งหนึ่งในโรคที่อาจส่งกระทบต่อสุขภาพ คือ“คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม” (Computer Vision Syndrome) หรือ “โรคซีวีเอส”
คนที่ทำงานโดยอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ เช่น เกินสองถึงสามชั่วโมง มักจะมีอาการปวดตา แสบตา ตามัว และบ่อยครั้งที่จะมีอาการปวดหัวร่วมอยู่ด้วย อาการทางสายตาเหล่านี้ เกิดจากการจ้องดูข้อมูลบนคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป อาการเหล่านี้พบได้ถึงร้อยละ 75 ของบุคคลที่ใช้คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ในบางคนอาจจะมีอาการเล็กๆน้อยๆ ไม่บั่นทอนการทำงาน หรือ พักการใช้คอมพิวเตอร์สักครู่ก็หายไป บางคนอาจต้องว่างเว้นการใช้เป็นวัน และในบางรายอาจต้องใช้ยาระงับอาการ
สาเหตุของโรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม เกิดขึ้นจากการใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานๆ และไม่ค่อยกระพริบตา หากเราอ่านหนังสือหรือนั่งจ้องคอมพิวเตอร์ อัตราการกระพริบจะลดลง ประกอบกับแสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์ ทำให้ตาเมื่อยล้า ทั้งแสงจ้าและแสงสะท้อนมายังจอภาพ อาจเกิดจากแสงสว่างไม่พอเหมาะ มีไฟส่องเข้าหน้าหรือหลังจอภาพโดยตรง หรือแม้แต่แสงสว่างจากหน้าต่างที่ปะทะกับหน้าจอภาพโดยตรง ทำให้เกิดแสงจ้าและแสงสะท้อนเข้าตาผู้ใช้ ทำให้เมื่อยล้าตาได้ง่าย ระยะทำงานที่ห่างจากจอภาพไม่เหมาะสม มีสายตาผิดปกติ เช่น สายตายาวไม่มาก โดยการทำงานตามปกติไม่ก่อให้เกิดอาการ แต่ถ้ามาทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์จะเกิดอาการเมื่อยล้าตาทันที หรือ มีโรคตาบางอย่างประจำตัวอยู่แล้ว เช่น ต้อหินเรื้อรัง ม่านตาอักเสบ เยื่อบุตาอักเสบเรื้อรัง ตลอดจนโรคทางกาย เช่น ไซนัสอักเสบ โรคหวัด ภูมิแพ้เรื้อรัง หรือ ร่างกายอ่อนเพลีย เมื่อต้องปรับสายตามากเวลาใช้คอมพิวเตอร์ จึงก่อให้เกิดอาการเมื่อยตาได้ง่าย การทำงานจ้องจอภาพที่นานจนเกินไป ย่อมก่อให้เกิดอาการทางสายตาได้ง่าย เพราะเกิดจากการเกร็งกล้ามเนื้อตาตลอดเวลา
สำหรับการแก้ไขและป้องกันคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรมหรือ โรคซีวีเอส คือ ฝึกกระพริบตาบ่อยๆในขณะที่เราทำงานตรงหน้าจอ และหากแสบตามาก อาจใช้น้ำตาเทียมช่วยก็ได้ค่ะ แล้วควรปรึกษาแพทย์ หรือ เภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ รวมถึงการปรับห้องและบริเวณที่เราทำงาน โดยอย่าให้มีแสงสะท้อนจากหน้าต่าง หลอดไฟบริเวณเพดานห้อง ไม่ควรให้แสงสะท้อนเข้าตา และไม่หันจอภาพเข้าหน้าต่าง ควรใช้แผ่นกรองแสงวางหน้าจอหรือใส่แว่นกรองแสง จัดวางคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม ในระยะที่ตามองได้สบายๆ ปรับเก้าอี้นั่งให้พอเหมาะ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ใช้แว่นตา 2ชั้น จะต้องตั้งจอภาพให้ต่ำกว่าระดับสายตา เพื่อที่จะได้ตรงกับเลนส์แว่นตาส่วนที่ใช้มองใกล้ ถ้าต้องใช้คอมพิวเตอร์นานๆและต่อเนื่อง ควรปรึกษาจักษุแพทย์ ใช้แว่นตาเฉพาะดูได้ทั้งระยะอ่านหนังสือ ระยะจอภาพ และระยะไกล เป็นกรณีพิเศษ หากมีสายตาผิดปกติหรือโรคตาบางอย่างอยู่ ควรแก้ไขและรักษาโรคตาที่เป็นอยู่ควบคู่ไปด้วยค่ะ และหากงานในหน้าที่ต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ทุก1–2ชม.ควรมีการพักสายตาโดยละสายตาจากหน้าจอแล้วมองออกไปไกลๆ หรือหลับตาสักระยะหนึ่งแล้วค่อยกลับมาทำงานใหม่ก็ได้ค่ะ