ประวัติและแหล่งกำเนิดของกาแฟ
โพสท์โดย I AM THOR
- ประวัติความเป็นมาของกาแฟในโลก
- กาแฟ โดยแหล่งกำเนิดแล้วเป็นพืชพื้นเมืองของอาบีซีเนีย (Abyssinia) และอาราเบีย (Arabia) ถูกค้นพบในศตวรรษที่ 6 ราวปี ค.ศ. 575 ในประเทศอาระเบีย (Arabia) และในขณะเดียวกันบางท่านก็กล่าวว่ากาแฟเป็นพืชพื้นเมืองที่พบในเมืองคัพฟา (Kaffa) ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศเอธิโอเปีย (Ethiopia) กาแฟจึงได้ชื่อเรียกตามจังหวัดนี้ และยังได้เรียกแตกต่างกันออกไปอีกมาก แหล่งกำเนิดเดิมของกาแฟมาจากประเทศอาบีซีเนีย หรือแถบประเทศอาราเบียน หรือประเทศอาหรับ ตะวันออกกลาง สมัยนั้นไม่มีผู้ใดให้ความสนใจเท่าใดนักจนกระทั่งล่วงเลยมาถึงศตวรรษที่ 9 มีการเลี้ยงแพะชาวอาราเบียคนหนึ่งชื่อ คาลดี (Kaldi) นำแพะออกไปเลี้ยงตามปกติ แพะได้กินผลไม้สีแดงชนิดหนึ่งเข้าไปแล้วเกิดความคึกคะนองผิดปกติ จึงได้นำเรื่องไปเล่าให้พระImageมุสลิม องค์หนึ่งฟัง พระองค์นั้นจึงได้นำผลของต้นไม้นั้นมากะเทาะเปลือกเอาเมล็ดไปคั่วแล้วต้มใน น้ำร้อนดื่มเห็นว่ามีความกระปรี้กระเปร่า จึงนำไปเล่าให้คนอื่นฟังต่อไป ชาวอาราเบียจึงได้เริ่มรู้จักต้นกาแฟมากขึ้น จึงทำให้กาแฟแพร่หลายเพิ่มขึ้นจากประเทศอาราเบีย เข้าสู่ประเทศอิตาลี เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส
- ชาว อาระเบียเรียกพืชนี้ว่า “คะวาฮ์” (Kawah) หรือ “คะเวฮ์” (Kaweh) ซึ่งแปลว่าพลัง (strength) หรือความกระปรี้กระเปร่า (vigor) ชาวตุรกีเรียกว่า “คะเวฮ์” (Kaveh) ต่อมาการเรียกชื่อกาแฟจึงเปลี่ยนแปลงไปตามแหล่งต่างๆของโลก เช่น คัฟฟี (Koffee) ในอังกฤษเรียกว่า “คอฟฟี” (coffee) อันเป็นชื่อที่รู้จักและใช้ในปัจจุบันนี้ เมื่อมาถึงประเทศไทยคนไทยเรียกว่า โกปี๊ ข้าวแฝ่ และกาแฟในที่สุดImage
- ประวัติความเป็นมาของกาแฟในประเทศไทย
- เมื่อ ทราบประวัติความเป็นมาของกาแฟในโลก ก็ควรจะได้รับทราบถึงความเป็นมาของกาแฟในประเทศไทยเราบ้าง กาแฟ ข้าวแฝ่ โกปี๊ หรือ ค้อฟฟี่ ตลอดจนค้อฟฟี่ช้อป (coffee shop) และคาเฟ่ (Café) เป็นภาษาที่คุ้นหูและคุ้นเคยกับคนไทยมากพอสมควรในปัจจุบันนี้
- กาแฟใน ประเทศไทยมีต้นกำเนิดจากที่คนไทยผู้ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามคนหนึ่ง ชื่อนายดีหมุน ได้มีโอกาสไปแสวงบุญ ณ เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้นำเมล็ดพันธุ์กาแฟมาเพาะปลูกที่บ้าน คือ ต.บ้านโหนด อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ในปี พ.ศ. 2447 กาแฟที่นำมาปรากฏว่าเป็นพันธุ์โรบัสต้าการปลูกได้ผลดีพอสมควร จากนั้นจึงได้มีการขยายพันธุ์และมีการส่งเสริมการปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้านี้ ออกไปอย่างกว้างขวางในภาคใต้ของประเทศwทย โดยส่งเสริมเป็นพืชปลูกสลับในสวนยางเป็นรายได้สำรองจากการกรีดยาง ปัจจุบันการปลูกกาแฟในภาคใต้ได้มีการพัฒนาการอย่างมากมายสามารถปลูกเป็นพืช หลักและทำรายได้ให้เกษตรกรเป็นอย่างดี พื้นที่ปลูกทั้งสิ้นประมาณ 147,647 ไร่
- สำหรับกาแฟพันธุ์อาราบิก้า (C. Arabica) ซึ่งเป็นกาแฟพันธุ์หลักและมีผลผลิตประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของโลกนั้น ได้ถูกนำเข้ามาปลูกในประเทศไทย ประมาณปี พ.ศ. 2493 ทั้งนี้ตามบันทึกของพระสารศาสตร์พลขันธ์ ซึ่งเป็นชาวอิตาลี
- ต่อมาในปี พ.ศ. 2516 โครงการปลูกพืชทดแทนและพัฒนาเศรษฐกิจชาวไทยภูเขา ไทย/สหประชาชาติ ได้เริ่มโครงการทดลองทำการเกษตรหลายชนิด โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญในการค้นหาพันธุ์พืชและสัตว์ มาทดแทนการปลูกและผลิตยาเสพย์ติดฝิ่นของชาวไทยภูเขา และเพื่อทำการพัฒนาเศรษฐกิจของชาวไทยภูเขาอีกด้วย และต่อมาในปี พ.ศ. 2520 โครงการได้ขยายเวลาการดำเนินการต่อไปอีก 5 ปี โดยเปลี่ยนชื่อเป็นโครงการปลูกพืชทดแทนและการตลาดที่สูง ทั้งนี้เป็นผลจากการทดลองใช้พืชหลายชนิดในการปลูกทดแทนฝิ่นซึ่งได้ผลดี ทำให้พื้นที่และปริมาณการผลิตฝิ่นลดลงไปมาก ในการส่งเสริมปลูกพืชทดแทนฝิ่นนี้ กาแฟพันธุ์อาราบิก้าเป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญและเป็นความหวังในการทด แทนฝิ่นและสามารถทำรายได้แก่เกษตรกรชาวเขาได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เนื่องจากสภาพความเหมาะสมของพื้นที่สูงและความต้องการในตลาดยังมี อยู่มากนั่นเอง
- เอกสารอ้างอิง
- การ ปลูกและผลิตกาแฟอาราบิก้าบนที่สูง (Highland Arabica Coffee Production) ศูนย์วิจัยและพัฒนากาแฟบนที่สูง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- กาแฟอราบิก้า
- กาแฟ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของโลก กาแฟเกือบทุกพันธุ์มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในทวีปแอฟริกา แต่ที่ปลูกกันแพร่หลายในเชิงธุรกิจมีเพียง 2 พันธุ์ คือ กาแฟ อาราบิก้า ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Coffea arabica L. และ กาแฟ โรบัสต้า ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Coffea canephora Pierre ผลผลิตของเมล็ดกาแฟในโลกมีมากว่าหกล้านตัน ในจำนวนนี้เป็นเมล็ดกาแฟ อาราบิก้ามากกว่า 70% ที่เหลือเป็นเมล็ดกาแฟ โรบัสต้าและพันธุ์อื่น ๆ
- กาแฟ อาราบิก้ามีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมบนพื้นที่สูงของประเทศเอธิโอเปีย (อะบิสซีเนีย เดิม) ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 6-9 องศาเหนือ แต่อาจพบต้นกาแฟอาราบิก้า ตรงช่วงรอยต่อบนภูเขาระหว่างเอธิโอเปียกับซูดาน และเอธิโอเปียกับเคนยา ในเอธิโอเปียสามารถพบต้นกาแฟอาราบิก้า เจริญงอกงามอยู่ทั่วไป ภายใต้ร่มเงาไม้ใหญ่บนพื้นที่สูง ระหว่าง 1,370 -1,830 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง สภาพอากาศในแถบนั้น ค่อนข้างหนาวเย็น อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี อยู่ระหว่าง 15-24 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 1,900 มิลลิเมตร สภาพดินเป็นดินร่วนสีแดง มีหน้าดินลึก สภาพอากาศโดยทั่วไปในแถบนี้ มี 2 ฤดู คือ ฤดูฝนและฤดูแล้ง ซึ่งมีพร้อมๆ กับฤดูหนาว
- ใน ยุคเริ่มต้นของกาแฟอาราบิก้า ประวัติและความเป็นมาค่อนข้างสับสน เพราะมีผู้พบเห็นต้นกาแฟอาราบิก้าเจริญงอกงามอยู่ทั่วไปใต้ต้นอินทผาลัม แถบเชิงเขาประเทศเยเมน แต่จากการศึกษาและสำรวจ โดยคณะผู้เชี่ยวชาญในด้านกาแฟอาราบิก้าของประเทศต่าง ๆ ที่ร่วมมือกัน ภายใต้ความช่วยเหลือขององค์กรระหว่างประเทศ สรุปว่า ในสมัยโบราณ ชาวเขาบางเผ่า ที่อาศัยอยู่บนที่สูงของประเทศเอธิโอเปีย ได้อพยพขึ้นเหนือมายังตะวันออกกลาง ได้นำเมล็ดกาแฟติดตัวมาด้วย และได้ปลูกไว้ตามเชิงเขา ชาวเขาเหล่านี้ ใช้เมล็ดกาแฟอาราบิก้าผสมกับไขสัตว์ ปั้นเป็นก้อนกลมๆ ใช้เป็นอาหารเวลาเดินทางไกล ต่อมาเมื่อชาวเปอร์เซียเรืองอำนาจ ได้ขยายอาณาจักรมาสู่ตะวันออกกลาง ได้ขับไล่ชาวเขาเหล่านี้กลับสู่ป่าเอธิโอเปียดังเดิม ส่วนต้นกาแฟอาราบิก้ายังคงเจริญงอกงาม และขยายพันธุ์ตามธรรมชาติต่อๆกันมาแถบเชิงเขาประเทศเยเมน แต่มีบางกระแสเชื่อว่า ในศตวรรษที่ 15 นักเดินทางชาวอิสลามได้นำต้นกาแฟอาราบิก้าจากเอธิโอเปียมาปลูกไว้ ที่อาราเบีย ชาวดัชท์ได้เดินทางมายังอาราเบียในศตวรรษที่ 16 ได้พบต้นกาแฟอาราบิก้า เจริญอยู่ทั่วไป จึงนำเมล็ดกาแฟไปเพาะและปลูกไว้ ตามแหล่งอื่นๆของโลก ในศตวรรษที่ 17 นักแสวงบุญอิสลาม ชาวอินเดีย ได้นำเมล็ดกาแฟอาราบิก้าจากประเทศเยเมน มาปลูกไว้ตามเชิงเขาของรัฐคาร์นาตากา ในประเทศอินเดีย และชาวฝรั่งเศสได้นำเมล็ดกาแฟอาราบิก้า จากอาราเบียไปปลูกที่เมืองเบอร์บอง เกาะรี-ยูเนียน กาแฟอาราบิก้าจากแหล่งปลูกเหล่านี้ ได้แพร่กระจากไปทั่วโลก ซึ่งใช้เวลามากกว่า 2 ศตวรรษ
- ใน ประเทศไทย พระสารศาสตร์พลขันธ์ ชาวอิตาลี ที่มารับราชการในประเทศไทย ได้นำเมล็ดกาแฟอาราบิก้า มาปลูกไว้ที่จังหวัดจันทบุรีในปี พ.ศ 2393 มีชื่อเรียกกาแฟสมัยนั้นว่า "กาแฟจันทบูร" ต่อมาในปีพ.ศ. 2500 กรมกสิกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้นำเมล็ดกาแฟอาราบิก้าหลายสายพันธุ์ จากประเทศบราซิล มาปลูกไว้ตามสถานีต่างๆของกรมกสิกรรมในภาคเหนือ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2518 มูลนิธิโครงการหลวง ภายใต้ความช่วยเหลือของกระทรวงเกษตร สหรัฐอเมริกา นำเมล็ดกาแฟอาราบิก้าลูกผสมที่ผสมขึ้นมา เพื่อความต้านทานโรคราสนิมจากประเทศโปรตุเกส มาปลูกไว้ในพื้นที่ของมูลนิธิโครงการหลวง เพื่อส่งเสริมชาวไทยภูเขา ปลูกทดแทนการปลูกฝิ่นบนภูเขาในภาคเหนือ
- กาแฟ เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก มูลค่าการซื้อขายในตลาดโลก เป็นลำดับที่สอง รองจากน้ำมันปิโตเลียม รายได้ของประชากร มากกว่า 50 ประเทศ ขึ้นอยู่กับกาแฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในแถบลาตินอเมริกาและแอฟริกา กาแฟอาราบิก้าส่วนใหญ่ จะปลูกกันมากในประเทศแถบลาตินอเมริกา เช่น บราซิล โคลอมเบีย คอสตาริก้า กัวเตมาลา เม็กซิโก เอลซัลวาดอร์ฯ ในทวีปแอฟริกาประเทศที่ปลูกกาแฟอาราบิก้า ได้แก่ อินโดนีเซีย อินเดีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และไทย แต่เป็นปริมาณที่ยังไม่มากนัก เมื่อเทียบกับแหล่งอื่นๆ ของโลก
- เมล็ด กาแฟอาราบิก้า เป็นกาแฟที่มีคุณภาพดี ให้ทั้งรสชาติ (flavour) และกลิ่นหอม (aroma) มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องอยู่หลายปัจจัยในเรื่องของรสชาติ และกลิ่นหอมของกาแฟอาราบิก้า เช่น สายพันธุ์ที่ปลูก ชนิดของดิน สภาพแวดล้อม ความสูงจากระดับน้ำทะเลของพื้นที่ซึ่งจะเกี่ยวข้องในเรื่องอุณหภูมิ การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยว และ กรรมวิธีปรุงรส เมล็ดกาแฟอาราบิก้า สามารถนำมาผลิต กาแฟคั่วบด (roasted coffee) และ กาแฟสำเร็จรูป (instant coffee) แต่ส่วนใหญ่นิยมนำมาผลิตกาแฟคั่วบด เพราะจะให้กลิ่นหอมและรสชาติที่ดีเวลาดื่ม ในเมล็ดกาแฟอาราบิก้า มีองค์ประกอบทางเคมีของสารประกอบจำพวกแป้ง น้ำตาล รวมทั้งวิตามิน และเกลือแร่หลายชนิด แต่องค์ประกอบที่สำคัญที่สุด คือ สารคาเฟอีน (caffeine) ในเมล็ดกาแฟอาราบิกา มีปริมาณคาเฟอีนอยู่ระหว่างร้อยละ 1.0 - 1.5 แต่ก็ยังขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ และสภาพแวดล้อมของพื้นที่ที่ปลูกด้วย สารคาเฟอีนในกาแฟ เมื่อดื่มเข้าไปจะไปกระตุ้นประสาท ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า แต่มีบางกระแสเตือนว่า สารคาเฟอีมีบทบาทต่อการเต้นของหัวใจ ซึ่งอาจจะมีผลต่อโรคหัวใจ อย่างไรก็ตาม กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล ที่แพร่หลายในชีวิตประจำวันของคนทั่วโลก แต่จะดื่มได้มากน้อยแค่ไหนในแต่ละวัน อาจจะขึ้นอยู่กับความเคยชิน และสภาพของร่างกายของแต่ละบุคคล
- กาแฟโรบัสต้า
- ชื่ออื่นๆ : กาแฟใบใหญ่
- ชื่อสามัญ : Robusta coffee
- ชื่อวิทยาศาสตร์ : Coffea robusta Pierre ex Froehner L.
- ลักษณะทรงพุ่ม : ไม้พุ่มเตี้ยขนาดเล็ก ทรงพุ่มแน่น มีการแตกกิ่งก้านสาขามาก
- วงศ์ : Rubiaceae
- ถิ่นกำเนิด : ประเทศเอธิโอเปีย
- ลักษณะทั่วไป : ไม้พุ่มเตี้ยขนาดเล็ก
- ฤดูการออกดอก : อยู่ในระหว่างรอการออกดอก
- เวลาที่ดอกหอม : อยู่ในระหว่างรอการออกดอก
- การขยายพันธุ์ : การเพาะเมล็ด (จากการค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล)
- ข้อดีของพันธุ์ไม้ :
- ปลูกได้ดีในพื้นที่ราบ ไม่พบอาการใบไหม้ในช่วงเริ่มปลูก
- ปลูกง่าย ให้ผลผลิตสูง และต้านทานต่อโรคได้มากกว่าสายพันธุ์อาราบีก้า
- กาแฟสายพันธุ์นี้เป็นกาแฟที่ปลูกกันทางภาคใต้ของประเทศไทย และสามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ราบได้ดีกว่ากาแฟสายพันธุ์อาราบีก้า
- ข้อแนะนำ :
- ตาม ลักษณะการใช้ประโยชน์ กาแฟเป็นพืชที่เราผลิตกันเพื่อใช้ในการทำเป็นเครื่องดื่ม ผู้ที่ปลูกควรตระหนักในข้อนี้ด้วย เพราะว่าเราจะได้ชื่นชมดอกเพียงไม่นานเท่านั้น หากท่านทำใจได้ในเรื่องนี้ก็ควรปลูก จำนวนต้นที่แนะนำให้ปลูกคือเพียง 1- 2 ต้นก็เพียงพอ
- มีความต้องการแสงแดดสูงกว่าสายพันธุ์อาราบิก้าเล็กน้อย (60-70%)
- หาก ต้องการให้ออกดอกบ่อยๆ ควรเด็ดผลที่ติดภายหลังดอกบานทิ้งให้หมด (โดยธรรมชาติของพันธุ์ไม้ที่มีผล จะส่งอาหารที่สังเคราะห์ได้ไปเลี้ยงผล หากผลถูกทำลาย อาหารที่มีอยู่จะใช้ในกิจกรรมอื่นๆ รวมทั้งการออกดอกในช่วงเวลาที่เร็วขึ้น)
- ข้อมูลอื่นๆ :
- ประเทศ ที่ผลิตกาแฟ (เรียงจากมากไปหาน้อย) บราซิล เวียดนาม โคลัมเบีย อินโดนีเซีย เม็กซิโก อินเดีย โกตดิวัวร์ เอธิโอเปีย กัวเตมาลา และไทย (คิดเป็นร้อยละ 1.12 ของผลผลิตโลก)
- ชนิดของกาแฟในรูปแบบต่างๆ มีดังนี้
- เอสเปรสโซ (Espresso)
- เป็น กาแฟที่ถูกเตรียมด้วยเครื่องพิเศษจากเมล็ดกาแฟบดละเอียด ถูกขับผ่านออกมาในรูปของไอน้ำภายใต้ความดันสูง กรรมวิธีนี้ใช้เวลาประมาณ 18-25 วินาที 1 ช็อทของเอสเปรสโซมีปริมาณ 1-2 ออนซ์ ผิวหน้าของกาแฟจะเป็นฟองครีมสีทอง ซึ่งควรจะใส่ด้วยถ้วยที่จะเสริฟ โดยตรง
- คาปูชิโน (Cappucino)
- เป็นเครื่องดื่มเอสเปรสโซที่มีการใส่นมและฟองนมลงไปในส่วนที่เหลือของถ้วยในอัตราส่วนที่เท่ากัน
- ลาเต้ (Latta)
- เป็นเครื่องดื่มเอสเปรสโซที่เติมนมร้อนลงไป แล้วปิดหน้าด้วยฟองนมจำนวนเล็กน้อย (ประมาณ 1/2 นิ้ว)
- มอคคา (Mocha)
- เป็น เครื่องดื่มเอสเปรสโซที่มีการผสมน้ำเชื่อมช็อกโกแลตและนมร้อนลงไป ก่อนที่จะปิดด้วยวิปครีม มอคคา ก็คือลาเต้ที่แต่งกลิ่นรสด้วยน้ำเชื่อมรสช็อกโกแลตนั่นเอง
- อเมริกาโน (Americano)
- อเมริกาโน ก็คือเครื่องดื่มเอสเปรสโซที่ถูกทำให้เจือจางลงด้วยน้ำร้อน เพื่อทำให้ได้กาแฟรสชาติเยี่ยมเต็มถ้วย
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
28 VOTES (4/5 จาก 7 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ก๊วนปอร์เช่ “ครูกะปิ-นาย ณภัทร” ยกขบวนโรดทริปน่าน ขับขึ้นลง 550 กม. พร้อมความตื่นเต้นตลอดทางเชียร์ลีดเดอร์ รร.ดัง ขอนแก่น สวยหล่อเป๊ะสุดๆ..ชาวเน็ตให้ 10 เต็มผ่านฉลุย!รวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ วันที่แดดยังแรง แต่ก็มีสายลมเย็นๆอยู่น๊า...บรรยากาศชักเหมือนช่วงใกล้สิ้นปีเรื่อยๆแล้วเน่อดราม่าปฏิทินช่อง 3 บุคคลโพสต์พาดพิงด้านลบ"อีลอน มัสก์" โพสต์เหยียด "มิสยูนิเวิร์ส ปีนี้!!"อ่านคำพิพากษาเต็ม ศาลมีคำตัดสินประหๅรชีวิต แอม ไซยาไนด์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเปิดตัว “น้องเอวา” เสือสาวตาแป๋วสุดน่ารัก กระแสแรงจนโซเชียลแตกศาลตัดสินประหๅร'แอม ไซยาไนด์'ชมภาพร่างทองหุ่นฟิตเปรี๊ยะของ ฟิล์ม ธนภัทร กาวิละเปิดประวัติ "วัดปราสาท" วัดเก่าแก่ในสมัยอยุธยา เผยอาถรรพ์..คุ้ม "พระนางอุษาวดีเทวี" ใครลบหลู่ถึงต้องกลับมาขอขมากันยกใหญ่ญี่ปุ่นพบแร่ธาตุหายากสุดล้ำค่าใต้ทะเลลึกผบ.ทร.เดินหน้าซื้อเรือฟริเกต 2 ลำHot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ตำรวจทลายคลังจำหน่ายนมผงผู้สูงอายุปลอมผบ.ทร.เดินหน้าซื้อเรือฟริเกต 2 ลำก๊วนปอร์เช่ “ครูกะปิ-นาย ณภัทร” ยกขบวนโรดทริปน่าน ขับขึ้นลง 550 กม. พร้อมความตื่นเต้นตลอดทางส่องหนุ่มน้อยสุดหล่อ! รักครั้งใหม่ของแพรรี่ มิสเปรียญเก้าเพจดัง เปิดคลิป ท่าเต้นมันก็ดูยั่วตีuจริงๆ แหละ แต่มันก็คือพื้นที่ของเค้าไม่รู้ว่าจะไปทำเค้าทำไม