หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

10 ผู้หญิงฆาตกรโหด-โรคจิต โลกตะลึง...

โพสท์โดย EmoRock

10 ผู้หญิง... ฆาตกรโหด-โรคจิต... โลกตะลึง...

 

 

 

 

ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาผู้หญิงบางคนพยายามก่ออาชญากรรมที่น่ากลัว

 

หลายครั้งสังคมและคนทั่วโลกถึงกับช็อกการกระทำของพวกเธอเหล่านั้น ที่ฆ่าเหยื่อผู้บริสุทธิ์

 

โดยปราศจากแรงจูงใจและเลือดเย็น และนี้คือ 10 รายการฆาตกรหญิงที่สุดแสนจะอันตราย

 

10. Diane Downs (วันที่ 7 สิงหาคม 1955)

 

ไดแอน ดาวน์ เธออาจเป็นนักเขียนหนังสือเล่มเล็กๆ ในชื่อ Ann Rule

 

แต่หลายคนรู้จักเธอในฐานะหญิงสาวชาวอเมริกันที่ฆ่าลูกของเธอมากกว่า

 

โดยสาเหตุที่ฆ่าลูกนั้นก็คือแฟนใหม่ของเธอไม่อยากเลี้ยงลูกติดของเธอ

 

ดังนั้นเธอเลยกำจัดลูกที่เป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของเธอออก 

 

เมื่อ 19 พฤษภาคม 1983 เธอได้พาลูกๆ สามคนชื่อ คริสตี้,เชอริล และแดนนี่ ขึ้นรถ

 

แล้วไปที่ทางไร้ผู้คนสัญจร จากนั้นก็หยุดรถแล้วก็ยิงลูกสามคนอย่างเลือดเย็น

 

เชอริลบุตรคนที่สองของเธออายุ 7 ปีเสียชีวิตเกือบทันที ส่วนเด็กคนอื่นๆ รอดชีวิตมาได้

 

แต่ก็พิการ คริสอายุ 8 ปี อัมพาตตั้งแต่เอวลงมาหลังจากถูกยิงในระยะเผาขน

 

ส่วนแดนนี่ถูกยิงจนอัมพาตด้านหนึ่งของร่างกายและมีปัญหาการพูด

 

จากนั้นทำเป็นแม่ที่แสนดีพาไปรักษาพยาบาลใกล้ๆ โดยเธอบอกตำรวจว่า

 

ถูกคนแปลกหน้าผิวดำที่พยายามขโมยรถโจมตีเธอและลูกๆ หากแต่เมื่อทำการสอบสวน

 

ก็พบว่าเธอโกหกแต่ เธอนั้นแหละที่ฆ่าเด็ก  

 

แต่กระนั้นเธอก็ทำตัวเป็นแม่ผู้น่าสงสารไร้เดียงสาเจ้าน้ำตาออกสื่อมากมายหาว่า

 

โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจใส่ร้ายอยากให้สังคมเห็นอกเห็นใจ แต่สุดท้ายเธอก็จำนน

 

เมื่อลูกของเธอให้การต่อศาลว่าแม่เป็นฆาตกร ส่งผลทำให้ศาลตัดสินเธอในปี 1984

 

โดยพิพากษาให้จำคุก 50 ปี ในปี 1987 เธอหนีออกจากเรือนจำ

 

ก่อนที่จะถูกจับกลับมาอีกครั้ง

 

 

9. Susan Smith (เกิด 26 กันยายน 1971)เรื่องราวของซูซาน สมิทนั้นน่ากลัวกว่าอันดับ 10 นิดหน่อแม้เนื้อหาหลักๆ จะเหมือนกันก็เถอะ โดย

 

เรื่องราวของซูซาน สมิทนั้นน่ากลัวกว่าอันดับ 10 นิดหน่อย

 

แม้เนื้อหาหลักๆ จะเหมือนกันก็เถอะ โดยของซูซาน สมิท นั้นเป็นหญิงชาวอเมริกัน

 

ที่ทำการฆาตกรรมลูกชายแท้ๆ ของเธอ 2 คนคือไมเคิล 3 ขวบ และอเล็กซ์ 1 ขวบ

 

ที่ยังเด็กมาก โดยเธอพาเด็กขึ้นในรถยนต์แล้วขับรถพาไปยังขอบสระน้ำ

 

รัฐเซาท์แคโรไลนา สหรัฐอเมริกา เมื่อมาถึงสระน้ำเธอก็ออกจากรถ

 

ส่วนเด็กสองคนซึ่งตอนนั้นกำลังหลับอยู่ด้านหลัง เธอก็ทำการล็อกให้ขังอยู่ในรถ

 

ไม่ให้ไปไหน จากนั้นก็ทำให้การปล่อยเบรก รถพุ่งลงไปสระน้ำ

 

เธอยืนดูรถกำลังจมอย่างช้าๆ จากนั้นเธอก็สวมบทคุณแม่รักลูกเจ้าน้ำตาโทรไปหาตำรวจ

 

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 1994 ว่าถูกคนร้าย คนดำ” จี้บังคับให้เธอลงจากรถยนต์ของเธอ

 

และขโมยรถยนต์ซึ่งมีบุตรเล็กๆ ของเธอ คน ติดไปกับรถยนต์คันดังกล่าวด้วย 

 

ตำรวจใช้เวลาในการค้นหารถยนต์และเด็กทั้งสองนาน 10 วัน จนพบรถยนต์คันดังกล่าว

 

จมอยู่ใต้ทะเลสาบ ศพเด็กทั้งสองถูกคาดเข็มขัดนิรภัยติดกับที่นั่ง

 

แต่ก็ไม่พบร่องรอยคนร้ายแต่อย่างใด ซึ่งในระหว่างนี้คนทั่วประเทศและทั่วโลก

 

ต่างส่งกำลังใจมากมาย และเริ่มมีปัญหาเหยียดเชื้อชาติเกิดขึ้นด้วย

 

เนื่องจากพวกเขาโทษ คนผิวดำ ว่าเป็นผู้สร้างปัญหานี้ทั้งหมด

 

 

 

 

อย่างไรก็ตามตำรวจเชื่อว่าซูซาน สมิธฆ่าลูกของเธอและอำพรางคดีอย่างแน่นอน

 

ทำให้การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเต็มไปด้วยเข้มข้น หักเหลี่ยม เพื่อเอาตัวซูซาน

 

มาลงโทษตามกฎหมายให้จงได้ ผลสุดท้ายพวกเขาจึงจับซูซานเข้าเครื่องจับเท็จ

 

จนกระทั้งเอ่ยปากรับสารภาพถึงแผนการก่ออาชญากรรมที่น่าสยดสยองที่เธอก่อทั้งหมด

 

(ทั้ง ๆ ที่ตำรวจไม่มีหลักฐานอย่างอื่นจะเอาผิดกับเธอได้)

 

 

 

 

เธอเล่าวัยเด็กเธอถูกละเมิดทางเพศและร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง เคยมีความสัมพันธ์

 

ทางเพศกับพ่อเลี้ยงพร้อมกับแม่ แถมบางครั้งก็ทำกันในที่สาธารณะด้วย

 

ส่งผลทำให้เธอกลายเป็นเด็กที่เต็มไปด้วยปัญหาหมกมุ่นทางเพศ ต้องการความรักอุดมคติ

 

และต้องการมีชีวิตอยู่อย่างงดงาม สิ่งเหล่านี้เป็นอาการทางจิตของพวกที่มีบุคลิกภาพ

 

บูชาตนเอง และสาเหตุที่เธอฆ่าบุตรนั้นก็เหมือนกรณีเช่นกันไดแอน ดาวน์

โดยคนรักคนใหม่ของเธอรับไม่ได้หากอยู่กับเธอโดยมีลูกสองคนติดมาด้วย

 

จนเป็นเหตุทำให้ซูซานฆ่าเด็กเพื่อตัดปัญหา ผลสุดท้ายเธอถูกจับคุก 30 ปี

 

ปัจจุบันเธอยังคงอยู่ในเรือนจำที่เซาท์แคโรไลนา แต่กระนั้นก็ยังมีข่าวเล็ดรอดสู่โลกภายนอก

 

ว่าเธอมีเพศสัมพันธ์กับยามสองคนในคุก จนเธอเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

 

 

8. Karla Homolka (4 พฤษภาคม 1970)

 

 

 

 

คาร์ล่า โฮมอลก้า ฆาตกรต่อเนื่องชาวแคนาดาผมสีบลอนด์นี้เป็นที่รู้จักของชาวแคนาดา

 

ในฐานะฆาตกรที่น่าเกลียดชังและคนทรยศเพศหญิง เธอได้ร่วมมือกับแฟนของเธอ

 

พอล เบอร์นาร์โด ในการช่วยเหลือแฟนข่มขืนน้องสาวแท้ๆ ของตนเอง

 

จนน้องสาวเธอขาดใจตาย (เนื่องจากพิษสารมึนเมา) แสดงให้เห็นว่าเธอบูชาแฟนของเธอ

 

มากยิ่งกว่าครอบครัวของเธอเสียอีก

 

 

 

 

แต่แฟนของเธอยังไม่หยุดแต่เพียงเท่านั้น เขายังบังคับให้เธอร่วมมือล่อลวง ลักพาตัว

 

ข่มขืน และฆ่าเด็กสาวสองคน รวมไปถึงให้เธอถ่ายวีดีโอเทปอัดเก็บไว้ด้วย

 

มีทั้งตอนขับถ่าย ข่มขืน ทรมาน และเซ็กต์วิตถาร (เช่นใช้ขวดไวท์ทิ่มทวารหนัก,

 

ฉี่รดตัวเหยื่อ) ก่อนที่จะฆ่ารัดคอตายและเอาศพไปทิ้ง

 

ก่อนที่เรื่องจะจบลงเมื่อปี1993 เมื่อคาร์ล่าทนแฟนตบตีไม่ไหวเลยออกมาแฉเรื่องราว

 

สิ่งที่ทั้งสองทำทั้งหมดให้ตำรวจฟัง

 

 

 

 

หลังจากที่พอลถูกจับกุม ความจริงคาร์ล่าน่าจะโดนด้วย ในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด

 

หากแต่เธอได้ใช้ความเป็นผู้หญิง สวมบทเป็นเหยื่อผู้น่าสงสารที่โดนสามีบังคับให้ร่วมมือ

 

ไม่งั้นเธอจะเป็นเหยื่ออีกคน แถมเธอยังสามารถเจรจาต่อรองในชั้นศาลโดยแลกโทษเบา

 

เพื่อให้เธอเป็นพยานให้โทษแก่นายพอล เบอร์นาร์โด ซึ่งมันก็ได้ผล

 

แฟนของเธอโดนจำคุกตลอดชีวิต ส่วนเธอใช้เวลา 12 ปีในคุก และถูกปล่อยเป็นอิสระ

 

ในปี 2005 หลังออกจากคุกเธอยังสวมบทบาทเป็นหญิงสาวผู้น่าสงสารออกสถานีโทรทัศน์

 

จนเป็นที่เกลียดชังของคนทั้งแคนาดา ใน2007 คาร์ล่าตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนหน้า

 

พาลูกชายอายุขวบกว่าๆ อพยพไปต่างประเทศ  ในปี 2009 คาร์ล่าก็กลับมาอีกครั้ง

มีข่าวลื่อว่าเธอกลับไปเรียนกฎหมายและใช้ชีวิตใหม่

 

 

7. Beverly Allitt (4 ตุลาคม 1968)

 

 

 

เบเวอรี่ เอลลิทท์ เธอมีฉายาว่า ยมทูตแห่งความตาย” เป็นนางพยาบาลที่ได้รับฉายา

ว่า ยมทูต เป้าหมายของเธอคือเหล่าเด็กที่ไร้เดียงสาที่ไร้ทางสู้

 

ในขณะที่เธอทำงานเป็นนักเรียนพยาบาลในแผนกผู้ป่วยเด็กใน น็อตติงแฮม

 

และเคสเตเวน โดยวิธีการสังหารของเธอคือการใช้โพแทสเซียมคลอดไรด์หรืออินซูลิน

 

เข้าสู่ร่างกายของเด็กเหล่านั้น เพื่อทำให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น

 

ส่งผลทำให้เด็กในหอผู้ป่วยที่เธอรับผิดชอบเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำถึง 13 ชีวิต

 

 

 

 

การโจมตีเหล่านี้เกิดขึ้นเพียงสองสัปดาห์ โดยเด็กที่ตายเหล่านี้มีอายุเพียงเจ็ดสัปดาห์

 

หรือห้าขวบเท่านั้น หลังเธอถูกจับกุมจิตแพทย์ผู้ทำการตรวจสอบสุขภาพจิต

 

แต่เธอได้อ้างถึงความผิดปกติของสุขภาพจิตของเธอที่เรียกว่า Munchausen Syndrome 

 

ซึ่งโรคดังกล่าวนี้ไม่มีอยู่จริง แต่เป็นการสมมุติของเธอเอง โดยเธออ้างว่าเธอทำร้าย

 

และฆ่าเด็กเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นๆ ให้มองเธอบ้าง

 

สุดท้ายเธอถูกพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต ในน็อตติ้งแฮมคราวน์คอร์ทในปี 1993

 

และรักษาทางจิตที่โรงพยาบาล Rampton Secure

 

 

 

6. Andrea Yates(กรกฎาคม 1964)

 

 

 

 

บางครั้งอาการป่วยทางจิตก็สามารถก่อให้เกิดอาชญากรรมได้เช่นกัน จำพวกความผิดปกติ

 

ของบุคลิกภาพเช่นได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง (จำพวกเสียงสวรรค์) ให้ทำอะไรบางอย่าง

 

ที่แสนจะโหดร้าย เช่น อย่างกรณีของแอนเดรีย เยทส์ที่เธอฆ่าลูกชายของเธอทั้งหมดห้าคน

 

โดยการจับกดน้ำตายหมด

 

 

 แอนเดรีย เยทส์ไม่ได้ถูกวินิจฉัยว่าเป็นจิตเภท แต่เธอมีอาการเจ็บป่วยทางจิต

 

รวมไปถึงสุขภาพมาช้านาน เธอพยายามฆ่าตัวตาย และเกือบเสียชีวิตหลังคลอดบุตรมาแล้ว

 

เธอเป็นคนคลั่งศาสนาอย่างน่ากลัว และมีโรคอารมณ์แปรปรวนหลังคลอด 

 

จิตแพทย์ได้ให้คำแนะนำเธอว่าอย่ามีบุตรมาก แต่ปรากฏว่าเธอคลอดเด็กจำนวนมากเกินไป

 

เธอเลี้ยงลูกทั้งห้าของเธอไม่ไหว เด็กพวกนี้รำคาญเกินไปสำหรับเธอ สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจ

 

สังหารลูกๆ ของเธอ

 

 

 เมื่อวันที่ วันที่ 20 มิถุนายน 2001 นางแอนเดรียเข้ามาในห้องนอนของเด็ก

 

และปลุกเด็กทุกคน และให้กินอาหารเช้า ระหว่างที่เด็กกินอาหาร เธอก็ไปห้องอาบน้ำ

 

แล้วปล่อยน้ำให้เต็มอ่าง จากนั้นเธอก็ฆ่าลูกโดยการกดน้ำจนตาย โดยเธอฆ่าลูกตามลำดับ

 

เป็นรายตัว ทีละคนทีละคน หลังจากที่เธอฆ่าลูกเธอสี่คนแล้วทั้งหมดถูกห่อด้วยผ้าเช็ดตัว

 

เปียกแล้วเอามานอนบนเตียง ส่วนเด็กอีกคนปล่อยทิ้งไว้ที่อ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยอุจาระและอาเจียน

 

 

 หลังจากทำการฆาตกรรมเธอโทรไป 911 รายงานการกระทำทั้งหมดของเธอ ก่อนที่จะโทร

 

ไปหาสามีของเธอว่า เธอฆ่าลูกทั้งหมดหลังการจับกุมมีสีหน้าที่เรียบเฉยไม่รู้สึกสำนึกผิด

 

ที่ฆ่าลูกเธอแต่อย่างใด จากการสัมภาษณ์เธอในคุก เธอเพิ่มสาเหตุการฆาตกรรมครั้งนี้อีก

 

ว่า เพราะลูกของเธอไม่เป็นคริสเตียนที่ดี เธอเลยหยุดพวกเขาก่อนโตเป็นผู้ใหญ่ นี่คือการตัดสินใจที่ดี ก่อนจะทิ้งท้ายว่า "พวกมันคือบาปทั้งเจ็ด

 

5. Aileen Wuornos29 กุมภาพันธ์ 1959-9 ตุลาคม 2002)

 

 

 

 

 ไอลีน วอร์นอสเป็นฆาตกรต่อเนื่อง 8 ศพชาวอเมริกัน ที่มีอดีตวัยเด็กที่น่ากลัว

เธอเกิดที่มิชิแกน ในครอบครัวบ้านแตกสาแหรกขาด จนต้องไปอยู่กับตา

ซึ่งในช่วงนั้นเธอถูกทารุณกรรมอย่างสุดแสนสาหัส ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย

และทางเพศ และการร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง จนเธอขายตัวตั้งแต่ยังเด็ก

(เอาบุหรี่มาแลกก็เอา) จนท้องตั้งแต่อายุ 13 (ซึ่งเมื่อคลอดเด็กก็ถูกไปเลี้ยงต่อที่สถานสงเคราะห์)

จากนั้นพออายุ 15 ก็ออกจากบ้านทำงานเป็นโสเภณีและปล้นลักเล็กขโมยน้อย

มีชีวิตสมรสที่เลวร้ายแต่งงานกับชายอายุ 70 ปีและหย่าขาดอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้เธอเป็นโรคบุคลิกภาพต่อต้านสังคม

ในเวลาต่อมาเธอพบคนรักเลสเบี้ยนเพศเดียวกันที่ชื่อทีเรีย

และเธอทำงานเป็นโสเภณีเลี้ยงคู่ขาของตน และนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง

เธอก่อคดีฆ่าผู้ชายไป 8 ศพระหว่างทำกิจกรรมทางเพศ โดยการใช้ปืนจุด .22 ยิง

หลังถูกจับกุมไอลีนอ้างว่าเธอถูกข่มขืนอย่างหฤโหด เธอฆ่าพวกเขาเพื่อเป็นการป้องกันตัว

แต่สุดท้ายศาลสั่งให้ประหารชีวิต ซึ่งไอลีนยอมรับคำพิพากษานั้นแถมยังเร่งศาลให้ประหารชีวิตเธอให้เร็วขึ้นอีก

 

 

 สุดท้ายไอลีนถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาเข้าเส้นเลือดในวันที่ ตุลาคม 2002

เวลา 9.47 น. เมื่ออายุได้ 46 ปี หลังจากการฟื้นฟูโทษประหารเมื่อปี 1976 

เธอเป็นผู้หญิงคนที่ 10 ของอเมริกา และคนที่ ของรัฐฟลอริด้าที่ถูกประหารชีวิตเธอปฏิเสธอาหารมื้อสุดท้าย แต่ขอกาแฟถ้วยหนึ่ง

 

 

 เรื่องราวของไอรีนถูกนำมาใช้ในสื่อต่างๆ มากมาก ไม่ว่าจะเป็นสารคดี หนังสือ อุปรากรละครโทรทัศน์

และนำมาสร้างภาพยนตร์เรื่อง Monster(2003) ซึ่งคนรับบทเป็นเธอได้รับรางวัลออสการ์นักแสดงหญิงที่ดีที่สุด

 

4. Rosemary west (29 พฤศจิกายน 1953)

 

เรื่องราวของนางโรสแมรี เวสต์ (หรือเรียกสั้นๆ ว่าโรส) และเฟร็ด เวสต์ (ที่หน้าเหมือนมนุษย์วานรดึกดำบรรพ์)

 

 

คู่สามีภรรยานั้นน่าขนลุกและน่าเหลือเชื่อว่าคู่สามีภรรยานี้

 

จะฆ่าเด็กสาวและลูกในไส้ของตนเองได้อย่างโหดเหี้ยมลงคอ นอกจากทำการฆาตกรรม

 

และยังหั่นศพเอาไปซ่อนในบ้านเลขที่ 25 บนถนนครอมเวลล์ (ในเมืองเมืองกลูเซสเตอร์)

 

ของพวกตน ที่รายล้อมด้วยเพื่อนบ้านมากมาย จนกลายเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง

 

ที่กล่าวขวัญถึงมากที่สุดในประเทศอังกฤษคดีหนึ่งทีเดียว

 

 

 ในช่วงชีวิตเด็กของโรสแมรี่นั้นเธอเกิดมาพร้อมอาการผิดปกติทางจิต ชอบซาดิสต์

 

และมีอารมณ์ทางเพศสูง เธอได้สามีคือนายเฟรดที่มีประวัติก่ออาชญากรรม

 

ทั้งคู่มีความบ้าคลั่งทางเพศไม่รู้จักพอ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงทำการฆาตกรรมหญิงสาว

 

เพื่อเป็นเครื่องระบายความเครียดแก่พวกเขา

 

 

 นางโรสแมรี เวสต์ได้ร่วมมือกับสามี นายเฟร็ด เวสต์ ก่อคดีล่อลวง ลักพาตัวข่มขืน

 

และฆ่าสตรีและเด็กสาวมากกว่า 10 ราย พวกเขาฆ่าเหยื่อแล้วเอาศพไปซ่อนที่ห้อง

 

ใต้เพดาน (แต่ศพ ฮีทเธอร์ ถูกฝังอยู่ใต้ลานในสวนหลังบ้าน) เมื่อเวลาผ่านไปนานวัน

 

กลิ่นศพเน่าก็เหม็นอย่างร้ายกาจ จนกระทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมสามีภรรยาถึงได้รู้ที่มา

 

ของกลิ่นนี้คืออะไร ตำรวจบางนายถึงขั้นจำกลิ่นนี้เก็บเป็นความทรงจำไม่จางหาย

 

 

 แต่ที่น่าตกใจคือเหยื่อ ในนั้นเป็น ฮีทเธอร์ ลูกสาวคนโตวัย 16 ของทั้งคู่

 

โดยประวัติชีวิตของฮีทเธอร์นั้นช่างน่าสงสารจับใจ เพราะเธอถูกพ่อแม่บังคับร่วมเพศ

 

อยู่บ่อยครั้ง จนกระทั้งเธอเอาเรื่องนี้ไปบอกเพื่อนที่โรงเรียน

 

และเมื่อเรื่องนี้ถึงหูโรสและเฟรดทั้งคู่ถึงกับเดือดดานลูกสาว ถึงขั้นจับทรมานอย่างป่าเถื่อน

 

ลูกสาวร้องขอให้พ่อแม่สงสารเธอเถอะ ปล่อยหนูได้แล้ว สุดท้ายพ่อแม่ก็เอาเชือดรัดคอ

 

ลูกสาวจนตายคามือ ก่อนที่จะถูกหั่นศพเป็นชิ้นๆ แล้วไปฝังที่สวนหลังบ้าน...

 

 

 เฟร็ด ผู้สามี ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม แต่เขาชิงผูกคอตายในห้องขังก่อนจะถูกนำตัวขึ้นศาล

 

ส่วนโรสไม่ยอมรับสารภาพ ซ้ำเธอไม่เคยหลั่งน้ำตาให้แก่ เหยื่อของเธอ ไม่รู้สึกรู้สากับ

 

ความเจ็บปวดของครอบครัวที่สูญเสียสมาชิกไปเพราะการกระทำของเธอและสามี

 

สุดท้ายศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ทุกวันนี้โรสยังชดใช้ความผิดอยู่ในเรือนจำบรอนซ์ฟิลด์

 

ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ ตั้งอยู่ใกล้เขตแอชฟอร์ด เมืองมิดเดิลเส็กซ์

 

 

 

 

 3. Elizabeth Báthory (วันที่ 17 สิงหาคม 1560-วันที่ 21 สิงหาคม 1614)

 

 

หลายคนถึงกับอุทานว่า ทำไมชื่อของเอลิซาเบธ บาโธรี่ ถึงไม่ติดอันดับหนึ่ง

อันเนื่องมาจากอันดับในเว็บจัดอันดับดังกล่าวนั้น

ค่อนข้างยึดข้อมูลหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้มากกว่าจะเน้นตำนาน

ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่าเรื่องราวของอลิซาเบธนั้นความจริงแล้วยังไม่สามารถอธิบายแน่ชัดว่า

เธอเป็นฆาตกรสาวกระหายเลือดอย่างที่ตำนานเล่าลือหรือไม่ หรือเธอก็เป็นอีกคนที่ถูกใส่ร้ายในหน้าประวัติศาสตร์เหมือนบุคคลดังคนอื่นๆในอดีต

 

 

 หากเราจะเชื่อแบบตำนานล่ะก็ เอลิซาเบธ บาโธรี่ เป็นภรรยาของขุนนางในฮังการีตระกูลบาโธรี่

เธอได้รับฉายาว่า สาวเลือดแห่งเซติซ อันเนื่องจากพฤติกรรมและความโหดเหี้ยมที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ว่าเธอได้ร่วมมือกับคนรับใช้ทั้งสี่

ฆ่าหญิงสาวจำนวนมากกว่า 650 คน (แต่หลายคนเชื่อว่า 80 คน)

ด้วยเหตุผลคือหากได้อาบเลือดของหญิงสาวพรหมจารีแล้ว จะทำให้รักษาความอ่อนเยาว์ของตนได้ตลอดไป 

 

 

 โดยเธอนำตัวเหยื่อมาฆ่าที่ปราสาทเซติซ (ตั้งอยู่ในประเทศสโลวาเกียซึ่งในอดีตเป็นส่วนหนึ่งราชอาณาจักรฮังการี)

ด้วยวิธีที่หลากหลายเพื่อรีดเลือดเหยื่อไหลมากที่สุด

เธอทำเช่นนี้มานานหลายปี กษัตริย์แมทเทียสที่ ได้ทราบข่าวลือว่า

หลายปีมานี้มีเด็กผู้หญิงชาวไร่ชาวนาหายไปในเขตการปกครองของพระองค์

จนต้องออกมาทำการตรวจค้นที่ปราสาทของเธอ และจนได้พบศพของเด็กหญิงที่ตายอย่างโหดร้ายสุดจะบรรยาย

เช่น ร่างพรุนด้วยเข็ม ศพไหม้ หรือศพโดนตัดแขนหรือขาหรือส่วนสำคัญของร่างกายออก

บางศพมีการบิดเนื้อบิดหน้าแขน และส่วนเกี่ยวกับร่างกายอื่นๆ และทำให้อดอาหารตาย

โดยเหยื่อทั้งหมดถูกคำนวณไว้เกินกว่าร้อยศพ แต่เนื่องจากสถานะเกี่ยวกับสังคมของเธอ

เอลิซาเบธ บาโธรี่ จึงไม่ถูกประหาร แต่ให้ขังตลอดชีวิตในห้องขังเดี่ยวๆ ใต้หอคอยแทนจนกระทั้งขาดใจตายในที่สุด 

 

 

 แต่ปัจจุบันหลายๆ ฝ่ายพยายามศึกษาประวัติศาสตร์ว่าเรื่องจริงของอลิซาเบธเป็นอย่างไรกันแน่

เพราะว่าจากหลักฐานประวัติศาสตร์ที่ออกมานั้น ได้ขัดแย้งกับตำนานที่เรารู้จัก

ชนิดเรียกว่าคนละเรื่อง ใช่ เธอเป็นผู้หญิงฆาตกรโรคจิตแน่นอน ประวัติของเธอเป็นบ้าจริง

และนับถือลัทธินอกรีต เป็นผลทำให้คริสตจักรไม่ชอบขี้หน้าเธอเท่าไหร่

 

 

 ที่แน่ๆ โดยตำนานของอลิซาเบธนั้นปรากฏครั้งแรกใน ปี 1729

จากหนังสือของสมาชิกนิกายโรมันคาทอลิก

ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าทางโบสถ์คาทอลิกนำเรื่องของเธอมาแต่งเป็นนิทานเพื่อช่วยให้ลัทธิของพวกเขามีความเชื่อถือในเรื่องพระเจ้ากับซาตาน

 

 

 ส่วนตำนานที่อ้างว่าเธอตบสาวใช้จนเลือดสาวใช้ติดมือ แล้วเมื่อเธอล้างออก

เธอก็เชื่อว่าผิวหนังสดใสนั้นมีผู้เสนอแย้งว่าถึงแต่งเติมขึ้นภายหลัง หากเป็นเรื่องจริง

คงเป็นเพียงแค่เธอมีความรู้สึกตื่นเต้นทางเพศเมื่อเห็นเลือด หรือใช้เลือดในการ

ประกอบพิธีกรรมมนต์ดำของเธอเท่านั้น ส่วนเรื่องเธอฆ่าสาวใช้ก็ไม่ได้ผิดกฎหมาย

ในสมัยนั้นแต่อย่างใด ในกฎหมายยุโรปกลางได้ระบุว่าเจ้านายสามารถลงโทษคนใช้อย่างไร

ก็ได้เพราะเจ้านายเป็นเจ้าชีวิตของพวกเขา และอลิซาเบธนั้นทรงโปรดปานการทรมาน

นักโทษจริงแต่นักโทษเหล่านี้ไม่ใช้สาวบริสุทธิ์อย่างที่เข้าใจกัน หากแต่นักโทษเหล่านั้นคือพวกตุรกีที่เป็นเชลยศึกสงครามในช่วงเวลานั้น

 

 

 

นอกจากนั้นพวกนักโทษก็ยังมีชาวบ้านที่เป็นกบฏที่ถูกลงโทษด้วยวิธีที่โหดร้ายซึ่งถือว่า

เป็นวิธีประหารชีวิตธรรมดาในสมัยนั้น ส่วนเรื่องราวนอกเหนือจากนั้นเป็นข่าวลือที่แต่งเติม

จนเกินความจริง แต่กลายเป็นว่าเธอกลายเป็นหญิงสาวกระหายเลือด

นอกจากนี้คนที่ทำการจับกุมคือกษัตริย์แมทเทียสที่ 2

ซึ่งประวัติได้ระบุว่าเขาเป็นลูกหนี้ของอลิซาเบธที่ยืมเงินเธอไปรบในสงครามมากมายแล้วไม่สามารถจ่ายหนี้ได้

เขาจึงใส่ร้ายอลิซาเบธซึ่งตามกฎหมายยุโรปกลางระบุว่า หากเจ้าหนี้ติดคุกถือว่าเรื่องหนี้สินที่แล้วมันต้องมีอันยกเลิกไป

 

 

 

และปัจจุบันทางการฮังการีพยายามที่จะล้างมลทินให้แก่เธออยู่

แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าเรื่องราวจริงๆ ของอลิซาเบธนั้นเป็นอย่างไรกันแน่

แต่กระนั้นตำนานของเคาส์เตสผู้สูงศักดิ์ที่ชอบเลือดของหญิงสาวพรหมจารีเพื่อรักษาความอ่อนเยาว์นั้นถูกนำไปสร้างเป็นตำนาน

บทใหม่ในฐานะแวมไพร์หญิงที่หลายคนรู้จักกันทั่วโลกปัจจุบันเรื่องราวของอลิซาเบธถูกนำไปสร้างภาพยนตร์หลายเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเธอ

เช่น Countess Dracula (1971),Stay Alive (2006), Bathory(2008)

ส่วนเว็บข้างล่างคือผลวิจัยล่าสุดของอลิซาเบธในหัวข้อ เธอถูกใส่ร้ายว่าเป็นสาวกระหายเลือด

 

2. Jane Toppan (1857-1938)

 

เรื่องราวของเจน ท็อปพิน ราวกับตำนานสยองขวัญในหัวข้อ คนบ้าย่อมไม่มีความผิด 

 

ช่วงชีวิตของเจนนั้นเต็มไปด้วยความเสื่อมโทรม แม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก

 

พ่อเป็นคนเมาแล้วอาละวาด ทำให้เจนต้องถูกนำไปเลี้ยงในสถานกำพร้า และเมื่ออายุ 12

 

ก็อยู่ในวันวนการค้าประเวณีและโรคติดเหล้าในสภาพที่น่าสงสาร ก่อนที่จะกลายเป็น

 

ฆาตกรต่อเนื่องในปี 1885 -1901 ซึ่งเป็นช่วงที่เจนเริ่มฝึกอบรมเพื่อเป็นนางพยาบาล

 

ในโรงพยาบาลเคมบริดจ์ ในแมสซาชูเซต ประเทศสหรัฐอเมริกา

 

 

 

 

ระหว่างนั้นเจมส์เริ่มใช้ผู้ป่วยมาเป็นหนูตะเภาในการทดลองกับมอร์ฟินและแอโทรพีน

 

เธอมักกระทำเช่นนี้เมื่ออยู่คนเดียวกับผู้ป่วย เธอมักมีอารมณ์ทางเพศเมื่อเห็นสีหน้าผู้ป่วย

 

ทนทุกข์ทรมาน ซึ่งแตกต่างจากฆาตกรต่อเนื่องชนิดนี้มาก เพราะนักฆ่าผู้หญิงส่วนใหญ่

 

มักมีแรงจูงใจเรื่องเงินและไม่ตื่นเต้นทางเพศและไม่มีใครจับผิดเธอได้

 

 

 

 

นอกเหนือจากนั้นเธอยังฆ่าเจ้าของบ้านที่เธอเป็นคนใช้ และฆ่าน้องสาวด้วยยาเบื่อ

 

ในปี 1901 เธอกลายเป็นหญิงชราและถูกส่งไปยังบ้านพักของชรา แต่กระนั้นเธอยังคงมี

 

ฤทธิ์เดชอยู่เนื่องๆ เพราะเธอได้ใช้ยาพิษของเธอฆ่าญาติเจ้าของที่พักที่เธออาศัยอยู่กับเขา

 

ก่อนที่จะถูกจับกุมจากการตายของเหยื่อรายหนึ่ง ซึ่งพนักงานสอบส่วนพบว่าเหยื่อรายนี้

 

ตายเพราะพิษ

 

 

สุดท้ายเจนได้สารภาพว่าเธอได้ฆ่าเหยื่อไป 31 ราย โดยเธอเล่าถึงจูงใจว่า เกิดจาก

 

ความตื่นเต้นทางเพศเวลาผู้ป่วยใกล้ตายกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่กระนั้นจากการวินิจฉัย

 

ของแพทย์พบว่าเธอเป็นบ้า เลยไม่ได้ถูกนำตัวขึ้นศาล เธอถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลบ้า

 

ในช่วงสั้นๆ ก่อนถูกปล่อยตัวออกมา หากแต่ไม่รู้ว่าปั่นปลายชีวิตของเธอนั้นเป็นอย่างไร

 

รู้แต่ว่าเธอเสียชีวิตในปี 1938(รวมอายุ 84 ปี)ด้วยโรคชราโดยไม่ได้รับผลกรรมที่ก่อขึ้นเลย

 

 

 

 

 1. Belle Sorenson Gunness (ค.ศ. 1859)

 

เบลล์ กันเนส เป็นฆาตกรต่อเนื่องชาวนอร์เวย์ที่ฆ่าคนที่เกี่ยวข้องกับเธอในอินลินอยล์และอินเดียน่า

ในระหว่าง 1900-1908 เรื่องราวประวัติชีวิตของเบลล์ กันเนสในแต่ละสื่อนั้น

มีหลากหลายมากมายจนไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าอันไหนเป็นเรื่องจริงกันแน่

แต่อย่างน้อยสิ่งที่พอรู้แน่ๆ คือเบลล์ กันเนส มีฉายา ผู้หญิงเคราน้ำเงิน เป็นหนึ่งในฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนมากที่สุดในอเมริกา ด้วยส่วนสูง 6 ฟุต (183 เซนติเมตร) และหนักกว่า 200 ปอนด์(91 กิโลกรัม) ที่ตัวใหญ่และแข็งแรง

 

 

 โดยเธอใช้ร่างกายอันใหญ่ยักษ์นี้สังหารสามีของเธอ (หลายคน) ผู้ชายที่เกี่ยวข้องกับเธอหรือแม้แต่ลูกแท้ๆ ของเธอเอง โดยเธอฆ่าคนเหล่านี้เพราะความโลภ ที่หวังเงินประกันชีวิตและขโมยทรัพย์สินเอามาเข้ากระเป๋าของเธอ

 

 

 ประวัติชีวิตของเบลล์นั้นเต็มไปด้วยความโลภ เธอเกิดในนอร์เวย

ก่อนย้ายมาในประเทศสหรัฐแต่งงานกับนักธุรกิจชิคาโก หลายคนเชื่อว่าในตอนนั้นเบลล์มีลูกสาวสองคน

แต่ต้องตายตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยอาการลำไส้ใหญ่บวมแต่อาการโรคเหล่านี้คล้ายคลึงกับยาพิษมากกว่า

 

 

 ต่อมาสามีของนางก็เสียชีวิตต้องอาการแปลกประหลาด และเช่นกันเบลล์ได้เงินประกัน

จากสามี จากนั้น เบลล์ ก็ใช้เงินนั้นซื้อฟาร์มใน La Porte, Indiana และต่อมาไม่นาน

ในปี 1902 สามีคนที่สองก็ตายด้วยอุบัติเหตุเครื่องบดไส้กรอกหล่นใส่หัว (มันหล่นได้ไงวุ้ย)

แม้จะน่าสงสัยแต่บริษัทประกันยินดีจ่ายเงินประกันให้กับเธอ จากนั้นเบลล์ก็ประกาศหาสามี

ในหนังสือพิมพ์ สองปีต่อมามีชายหลายคนหายไปในฟาร์มเธอไปหลายราย

 

 

 และแล้วความโลภของเธอนั้นส่งผลทำให้มีหลายคนกว่า 42 ชีวิตต้องจบชีวิตด้วยมือของเธอ

สุดท้ายเธอชิงฆ่าตัวตายก่อนโดยการเผาตนเองพร้อมลูกพร้อมบ้าน และศพไร้หัวของเธอ

ก็ถูกพบในเวลาต่อ หลังจากที่เธอตายมีการขุดค้นฟาร์มกันเนสและพบศพ 13 ศพ ทุกศพถูกตัดแขนขาและห่อไว้ด้วยกระดาษน้ำมัน

 

 

 แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ เมื่อมีหลายฝ่ายออกมาตั้งข้อสังเกตว่าศพไร้หัวที่พวกเขาพบนั้น

ไม่ใช้เบลล์ตัวจริง  เพราะหลายปีต่อมารายงานว่ามีผู้พบเห็นเบลล์ตามเมืองต่างๆของอเมริกา

จากรายงานล่าสุดพบว่าเบลล์อาศัยอยู่ที่มิสซิสซิปปี้ในฐานะสุภาพสตรีอาวุโสผู้มีฐานะ

 

 

 ในวันที่ 5พฤศจิกายน2007 ศพของร่างกายไร้หัวของเบลล์ กันเนสไป(ที่คาดว่า)

ถูกขุดออกจากหลุมศพป่า เพื่อพิสูจน์ DNA จนกระทั้งผลออกมาพิสูจน์ว่าศพที่อยู่ในโลงนั้น

ไม่ใช้ศพของเบลล์ กันเนสตัวจริง รวมไปถึงสองเด็กนั้นก็ไม่ใช้ศพลูกของเบลล์ กันเนสด้วย

โดยพวกเขาใช้จดหมายที่ค้นพบที่ฟาร์มของเหยื่อที่มี DNA ในการเปรียบเทียบ วิเคราะห์

รวมไปถึงโครงสร้าง และกะโหลก นั้นแสดงให้เห็นว่าเบลล์ กันเนสนั้นยังมีชีวิตอยู่และตาย

อย่างเสวยสุขท่ามกลางมรดกที่เปื้อนเลือดในบ้านหรู ณ ที่ใดที่หนึ่งบนโลกใบนี้

 

 

 

 

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
EmoRock's profile


โพสท์โดย: EmoRock
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
95 VOTES (4.1/5 จาก 23 คน)
VOTED: อรุณ กลา มาศ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
แม่สุดเหี้ยมโยนลูก 6 ขวบ ให้จระเข้กิน เหตุเพราะลูกพิการด่วน ! ฝนกระหน่ำตกหลาย ชม.ภูเก็ต-กระบี่ น้ำท่วมหลายจุดข้าราชการราชวงศ์ชิงออกเยี่ยม: ภาพที่น่าตกตะลึงของผู้แบกเกี้ยว"อ.เฉลิมชัย" ฝากถึงรุ่นน้องอย่าง "โน้ส อุดม"..อย่าพาดพิงถึงศิลปินแห่งชาติตัวตึงประจำค่าย “ผมเป็นทหารที่นี่ ผมไม่ขออะไรมาก ขอแค่อย่าสบู่ตกใกล้ๆผม”ลาบูบู้หลบไป ลิซ่าไปสอยDimooแล้วสุดเศร้าหนุ่มนักแคสเกมจบชีวิต เพราะผู้หญิงที่รัก ยอมให้หมดตัวแม้ไม่ได้กินของโปรดของตัวเองอาหารป่าหายาก 4 ชนิด บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์เอ๊ะยังไง! พอแฟนใส่ชุดพยาบาล..แล้วไม่ยอมให้โดนตัว
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ด่วน ! ฝนกระหน่ำตกหลาย ชม.ภูเก็ต-กระบี่ น้ำท่วมหลายจุด"โน้ส อุดม" ขอยอมแพ้ บุก สนง.ใหญ่ "Netflix"..เพราะทนกระแสกดดันไม่ไหวสุดเศร้าหนุ่มนักแคสเกมจบชีวิต เพราะผู้หญิงที่รัก ยอมให้หมดตัวแม้ไม่ได้กินของโปรดของตัวเองนักการเมืองชาวไทย ที่ร่ำรวยและมีมูลค่าทรัพย์สินมากที่สุด
ตั้งกระทู้ใหม่