หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

จังหวัด สตูล สวรรค์เมืองอันดามัน

เนื้อหาโดย -= ห น า ม เ ต ย =-

คุณรู้จักจังหวัดสตูล มากน้อยแค่ไหน 

 

Summer นี้มาเที่ยวจังหวัดสตูลกัน

 

 

 

สตูล แม้เป็นเพียงจังหวัดชายแดนเล็ก ๆ บริเวณชายฝั่งทะเลอันดามันทางภาคใต้ของประเทศไทย แต่มีเกาะแก่งที่งดงามเป็นที่กล่าวขาน ทั้งยังอุดมด้วยธรรมชาติป่าเขาที่สมบูรณ์ ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิม
สตูล อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 973 กิโลเมตร มีพื้นที่ 2,478 ตารางกิโลเมตร มีชายฝั่งทะเลยาว 80 กิโลเมตร สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นเนินสูง มีที่ราบป่าเขา ห้วยลำธารในเขตภาคตะวันออกของจังหวัด ตอนกลางใกล้ชายทะเลเป็นที่ราบ มีภูเขาและที่ราบลุ่ม ส่วนชายฝั่งทะเลเป็นที่ราบและป่าชายเลนน้ำท่วมถึง มีป่าโกงกางและไม้แสมมาก นอกจากนี้ในเขตจังหวัดสตูลยังมีหมู่เกาะต่างๆ อีกกว่าร้อยเกาะ ที่รู้จักกันดีได้แก่ หมู่เกาะตะรุเตา เกาะอาดัง-ราวี และหมู่เกาะเภตรา
สตูล แบ่งออกเป็น 6 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอควนโดน อำเภอท่าแพ อำเภอควนกาหลง อำเภอละงู อำเภอทุ่งหว้า และกิ่งอำเภอมะนัง

 

 

 

คำขวัญจังหวัดสตูล

สตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติ บริสุทธิ์

 

 

 

สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดสตูล

จังหวัดสตูลโชคดีที่มีธรรมชาติแวดล้อมด้วยภูเขาละทางทะเล  ด้านทิศใต้มีทิวเขาสันกาลาคีรีกั้นเขตแดนจังหวัดกับประเทศมาเลเซีย  ด้านทิศตะวันออกและทิศเหนือมีแนวทิวเขานครศรีธรรมราช  เป็นปราการกั้นเมืองเอาไว้  ส่วนทิศตะวันตกมีเส้นชายฝั่งทะเลยาวเหยียด  144.80  กิโลเมตร  มีเกาะจำนวน  105  เกาะ  สมญาจังหวัดนี้ว่าเมืองร้อยเกาะก็น่าจะได้  จังหวัดสตูลอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้  ทั้งป่าธรรมชาติละป่าชายเลน  มีอุทยานแห่งชาติ 3  แห่ง  ดังนั้น  จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย  แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของจังหวัดมีดังต่อไปนี้

 

อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ......มรดกแห่งอาเซียน เกาะประวัติศาสตร์

ต. เกาะสาหร่าย อ.เมือง

        เมื่อเอ่ยชื่อจังหวัดสตูล  ทุกคนต้องรู้จักเกาะตะรุเตา  เนื่องจากเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงโด่งดังในประวัติศาสตร์  เมื่อสมัย  60  ปีที่แล้ว  เกาะแห่งนี้เคยใช้เป็นสถานที่กักกันนักโทษเป็นที่มาของโจรสลัดตะรุเตาที่อื้อฉาว  ล่วงมาเมื่อวันที่ 20 เมษายน  2517  ได้ประกาศจัดตั้งเป็น “ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา” เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่  8  ถือเป็นอุทยานทางทะเลแห่งแรกและใหญ่ที่สุดของประเทศไทย  ต่อมาองค์การยูเนสโกได้ประกาศให้อุทยานแห่งชาติตะรุเตาเป็น “มรดกแห่งอาเซียน” ( ASEAN  Heritage  Parks and  Reserves ) เป็นสถานที่ที่ต้องช่วยกันดูแลรักษา  เพื่อให้ผู้คนทั่วโลกมาศึกษาและเยี่ยมชมตลอดไป

        อุทยานแห่งชาติตะรุเตาตั้งอยู่ในหมู่ที่ 7  ตำบลเกาะสาหร่าย  อำเภอเมืองสตูล  บริเวณช่องแคบ มะละกาในทะเลอันดามัน  มหาสมุทรอินเดีย   ระยะห่างจากตัวจังหวัด  ประมาณ  40  กิโลเมตร  และห่างจากเกาะลังกาวีของประเทศมาเลเซีย  ประมาณ  5  กิโลเมตร  อุทยานแห่งชาติตะรุเตามีพื้นที่ทั้งหมด  1,490  ตารางกิโลเมตร  หรือประมาณ  931,250.00 ไร่  แบ่งเป็นพื้นที่ทะเล  763,625.00 ไร่  และพื้นที่บกและป่าไม้  167,625.00  ไร่  ประกอบด้วยหมู่เกาะสำคัญ  2   หมู่เกาะ ได้แก่  หมู่เกาะตะรุเตา กับ หมู่เกาะอาดัง – ราวี  มีเกาะใหญ่น้อยจำนวน 51 เกาะ  กระจายกันอยู่ในทะเลอันดามัน
 การเดินทางไปท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตามี  2  เส้นทาง  เส้นทางแรกคือ  ท่าเทียบเรือปากบารา  ตั้งอยู่หมู่ที่ 2  ตำบลปากน้ำ  อำเภอละงู  เป็นท่าเรือน้ำลึกมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของอุทยาน  ท่าเรือปากบาราอยู่ห่างจากอ่าวพันเตมะละกา  22  กิโลเมตร  เส้นทางที่สองคือท่าเรือตำมะลัง  อำเภอเมืองสตูล  มีเรือเฟอร์รี่เดินทางติดต่อกับอ่าวตะโละวาว  ด้านตะวันออกของเกาะตะรุเตา  สำหรับผู้ที่ต้องการไปท่องเที่ยวที่หมู่เกาะอาดัง  สามารถออกเดินทางจากท่าเรือปากบาราและท่าเรือตำมะลัง  ได้เช่นกัน

 

 

 

 

 

 

 

    

 

 

 

 

หมู่เกาะอาดัง-ราวี เกาะหินงาม เกาะยาง เกาะดง เกาะลองกวย

หมู่เกาะอาดัง-ราวี เป็นเกาะกลุ่มสุดท้ายของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา และเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ จึงมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เรือนแถวรับรอง ลานกางเต็นท์ และร้านอาหารที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอุทยานฯ และยังมีชายหาดที่สวยงาม มีป่าไม้ที่สมบูรณ์ มีนกป่านานาชนิด รวมทั้งยังมีปะการังน้ำตื้นซึ่งเหมาะสำหรับการดำน้ำแบบสน๊อกเกิ้ล

เกาะไข่  เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาวเนียนละเอียดและมีช่องหินที่สามารถลอดผ่านได้ อันเป็นปฎิมากรรมปั้นแต่งจากธรรมชาติที่สวยงามจึงได้รับเลือกเป็นเกาะสัญลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดสตูล

เกาะหินงาม เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่ไม่มีหาดทรายแต่เป็นหาดที่มีก้อนหิน กรม รี วางเรียงรายอยู่เต็มเกาะ ยามน้ำทะเลซัดขึ้นมาก้อนหินเหล่านี้จะเปียกชุ่ม ส่องประกายมันวาวสะท้อนไปทั่วหาดหิน ยามน้ำลงแนวหาดหินจะปรากฏกว้างยิ่งขึ้นและจะตัดกับน้ำทะเลสีมรกต  ซึ่งเป็นธรรมชาติที่สวยงามที่หาดูได้ยากในที่อื่น ๆ

เกาะยาง  เป็นแหล่งดำน้ำชมปะการังและฝูงปลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่ง ด้านหน้าเกาะมีหาดทรายขาวนวล น้ำทะเลสีสวย

เกาะดง เป็นเกาะใหญ่และมีเกาะบริวารเล็ก ๆ ทางทิศใต้อีก 6 เกาะ ภูมิประเทศบนเกาะส่วนใหญ่เป็นโขดหินและหน้าผาสูงชัน มีป่าที่สมบูรณ์ ส่วนเกาะบริวารที่รายรอบนั้นเป็นเกาะหินขนาดเล็ก เช่น เกาะหินซ้อน ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะดงประมาณ 200  เมตร ลักษณะโดดเด่นคือ มีก้อนหินตั้งเป็นชั้น ๆ ด้านหน้าเกาะ มีแหล่งดำน้ำตื้นชมปะการังและฝูงปลาได้

เกาะลองกวย  มีจุดเด่นคือ มีชายหาดทรายที่ขาวสะอาด มีลักษณะเป็นแหลมสามเหลี่ยมยื่นออกไปในทะเล มีโขดหินระเกะระกะที่หัวเกาะ เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเกาะราวีที่ทอดตัวยาวอยู่ทางขวา

 

   

 

 

 

 

 

 

 

เกาะหลีเป๊ะ เกาะสวรรค์

ต.เกาะสาหร่าย  อ.เมือง

หลีเป๊ะเพี้ยนมาจากคำภาษามลายู “นิปิส” แปลว่า “บาง”  เป็นชื่อเกาะเล็ก ๆ อยู่ห่างจากเกาะอาดังไปทางทิศใต้ราว 1 กิโลเมตร  มีขนาดเล็กกว่าเกาะอาดังประมาณหนึ่งเท่า  แต่เป็นเกาะที่มีความสำคัญ    เนื่องจากลักษณะของเกาะเป็นที่ราบทั่วไป  ส่วนที่เป็นภูเขามีเพียงเล็กน้อย  เกาะนี้จึงมีผู้คนอาศัยกว่าหนึ่งพันคนเป็นชาวเกาะหรือชาวพื้นเมืองเดิมรู้จักกันในชื่อ “ชาวเล” หรือ “ชาวน้ำ”  นั่นเอง   มีโรงเรียนตั้งอยู่บนเกาะแห่งนี้  เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมัธยมปีที่ 3 ชื่อโรงเรียนว่า “โรงเรียนบ้านเกาะอาดัง” ชื่อของโรงเรียนจึงไม่สอดคล้องกับชื่อเกาะ

ทุกวันนี้  เกาะหลีเป๊ะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสชีวิตที่เรียบง่ายของชาวเล  ดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมประเพณีของพวกเขา  พวกชาวเลใช้ภาษาตระกูลออสโตรเนเชียน  บางคำก็ยืมมาจากภาษามลายู  เนื่องจากนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาตินิยมไปท่องเที่ยวกันมากในแต่ละปี  ทำให้วิถีชีวิตของชาวเลแตกต่างไปจากเดิม

จุดเด่นของเกาะหลีเป๊ะ  คือ  มีหาดทรายขาวสะอาด  ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออก  ซึ่งเป็นที่ตั้งหมู่บ้านชาวเล  ย่านชุมชนใหญ่ของเกาะ  ด้านทิศตะวันตกมีหาดทรายยาวชื่อเรียกเป็นภาษามลายูว่า “ หาดปะไตดายา”  หรือ “หาดลมตะวันตก”  นักท่องเที่ยวชาวตะวันตกเรียกเพี้ยนเป็น “พัทยา”   จนติดปากผู้คนไปแล้วเอกชนปลูกสร้างรีสอร์ทไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว  บริเวณหาดด้านตะวันออกและด้านตะวันตกของเกาะหลีเป๊ะ กิจการท่องเที่ยวจึงเฟื่องฟูมากทุกวันนี้

เกะหลีเป๊ะมีความสวยงามตามธรรมชาติไม่แพ้เกาะอาดัง  รอบ ๆ เกาะอุดมสมบูรณ์ด้วยปะการังหลากสีสัน  นักท่องเที่ยวชอบนำชุดประดาน้ำ  เพื่อดำลงไปชมความงามของปะการังใต้น้ำ  นอกจากนั้น  เกาะหลีเป๊ะมีจุดเด่นตรงที่ยามน้ำลด  จะปรากฏส่วนกว้างใหญ่ของปะการังโผล่ขึ้นมาให้เห็น สามารถลงไปสัมผัสกับปะการังนั้นโดยตรง  ช่วยให้บรรยากาศการท่องเที่ยวน่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง

 

 

 

 

 

 

 มัสยิดมำบัง ศาลเจ้าโปเจ้เก้ง วัดชนาธิปเฉลิม คริสตจักรสตูล 

ในบริเวณใกล้กัน จะมีวัดพุทธ คริตส์จักร และศาลเจ้าอยู่ด้วย เวลามีเทศกาลงานเฉลิมฉลองชาวบ้านก็มาร่วมงานกันแบบไม่แบ่งแยกศาสนา 


        มัสยิดกลางจังหวัดสตูล ตั้งอยู่ถนน บุรีวานิช และสตูลธานี ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองสตูล หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า มัสยิดมำบัง สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระยาสมันตรัฐบุรินทร์ (ตนกูมูฮำหมัดอาเก็ม) เป็นเจ้าเมืองสตูล (ประมาณ พ.ศ. 2392) ชื่อ มำบังตั้งตามชื่อเมืองสตูลในสมัยนั้นต่อมาในปี พ.ศ. 2517 ได้จัดสร้างใหม่เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก มีลักษณะเด่นสวยงาม ด้วยสถาปัตยกรรมแบบสมัยใหม่ ตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบหินอ่อน และกระจกใส ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ มาทรงเปิดเมื่อ วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2522 

ในบริเวณใกล้กัน จะมีวัดพุทธ คริตส์จักร และศาลเจ้าอยู่ด้วย เวลามีเทศกาลงานเฉลิมฉลองชาวบ้านก็มาร่วมงานกันแบบไม่แบ่งแยกศาสนา 


 

 

 

 

 

 

ถ้ำภูผาเพชร อ.มะนัง ถ้ำที่สวยและใหญ่ ติดอันดับ 4 ของโลก

 

"ถ้ำภูผาเพชร" คืออีกหนึ่งถ้ำที่มีชื่อเสียงและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญ ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ของ บ้านป่าพน ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล เป็นถ้ำขนาดใหญ่ติดอันดับ 4 ของโลก 

     ถ้ำภูผาเพชร เป็นถ้ำที่นับว่ามีความสวยงาม เพดานถ้ำสูงโปร่ง ภายในถ้ำมีลักษณะแปลกตาและอัศจรรย์ เต็มไปด้วยหินงอกหินย้อย เปล่งประกายระยิบระยับคล้ายเกล็ดเพชร

     โดยลักษณะภายในแบ่งเป็นห้อง ๆ ไม่ต่ำกว่า 20 ห้อง และมีการตั้งชื่อลักษณะที่ปรากฎ เช่น ห้องผ้าม่าน ห้องปะการัง ห้องเห็ด ห้องเจดีย์ ห้องโดมศิลาเพชร เป็นต้น 

     และมีการค้นพบหลักฐานร่องรอยประวัติศาสตร์ ประกอบด้วย กระดูกมนุษย์ส่วนกะโหลกศีรษะ เศษภาชนะดินเผาเคลือบลายเชือกทาบและกระดูกสัตว์เปลือกหอยบรรจุในภาชนะดินเผา สันนิษฐานว่าเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ ซึ่งมนุษย์สมัยก่อนใช้ประกอบพิธีทางศาสนา เมือประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว 

ข้อมูลโดย : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สำนักงานใหญ่)

 

ปีนเขาแบบมีบันได 300 กว่าขั้น ทางขึ้นระยะทาง 500 เมตรได้มั๊ง

 

 

 

 

 

 

SUMMER นี้มาเที่ยวสตูลกันนะครับ  

เนื้อหาโดย: -= ตะ ลิง ปิง =-
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
-= ห น า ม เ ต ย =-'s profile


โพสท์โดย: -= ห น า ม เ ต ย =-
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
72 VOTES (4/5 จาก 18 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ช็อก! "เชอรีน" น้องสาว "นิชคุณ" เลิกสามีแล้ว ลั่น! ต่อไปนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเตือนภัยแอปฯดูดเงิน ห้ามกด-กรอก-ติดตั้งพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ยางนา ปลูกง่ายมีค่าดั่งทอง9สายพันธุ์ ที่สายทุเรียนต้องไม่พลาด"อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุด"ในประเทศไทยเป็นบุญตา หลังขุดพบพระพุทธรูปจมน้ำโขงคาดอยู่สมัยอาณาจักรสุวรรณโคมคำดราม่าพระที่ขุดได้ที่ลาว อายุไม่ถึง 500 ปี พึ่งหล่อมาได้ไม่ถึง 3 เดือน!?เมื่อคุณแม่ย้อนวัย เอาชุด ม.ปลาย ลูกสาวมาใส่..ผลที่ได้หลายคนร้องว้าว! ทันทีคนไข้ไม่เข้าใจลายมือหมอ..ไม่รู้ตนเองป่วยเป็นอะไร
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ดราม่าพระที่ขุดได้ที่ลาว อายุไม่ถึง 500 ปี พึ่งหล่อมาได้ไม่ถึง 3 เดือน!?ยุงเลือกกัดคนประเภทไหนมากกว่ากันสาวกระโดดตึก ฆ่าตัวตายกลางห้างดัง หวังเป็นผีไปแก้แค้นเมื่อคุณแม่ย้อนวัย เอาชุด ม.ปลาย ลูกสาวมาใส่..ผลที่ได้หลายคนร้องว้าว! ทันทีrotate: หมุนเวียน สับเปลี่ยน
ตั้งกระทู้ใหม่