จะเข้ เครื่องดนตรีของประเทศไทย
จะเข้ เป็นเครื่องดนตรีไทยประเภทเครื่องดีด มี 3 สาย เข้าใจว่าได้ปรับปรุงแก้ไขมาจากพิณ คือ กระจับปี่ซึ่งมี 4 สาย นำมาวางดีดกับพื้นเพื่อความสะดวก จะเข้ได้นำเข้าร่วมบรรเลงอยู่ในวงมโหรีคู่กับกระจับปี่ในสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีผู้นิยมเล่นจะเข้กันมาก ทำให้กระจับปี่ค่อย ๆ หายไปในปัจจุบัน เนื่องจากหาผู้เล่นเป็นน้อย
ตัวจะเข้ทำเป็นสองตอน คือตอนหัวและตอนหาง โดยลักษณะทางตอนหัวเป็นกระพุ้งใหญ่ ทำด้วยไม้แก่นขนุน หนาประมาณ 12 ซม. ยาวประมาณ 52 ซม. และกว้างประมาณ 11.5 ซม. ท่อนหัวและท่อนหางขุดเป็นโพรงตลอด รวมทั้งสิ้นมีความยาวประมาณ 130 – 132 ซม. ปิดใต้ทองด้วยแผ่นไม้ มีเท้ารองตอนหัว 4 เท้า และตอนปลายปางอีก 1 เท้า วัดจากปลายเท้าถึงตอนบนของตัวจะเข้ สูงประมาณ 19 ซม. ทำหลังนูนตรงกลางให้สองข้างลาดลง โยงสายจากตอนหัวไปทางตอนหางเป็น 3 สาย มีลูกบิดประจำสายละ 1 อัน สาย 1 ใช้เส้นลวดทองเหลือง อีก 2 สายใช้เส้นเอ็น มีหย่องรับสายอยู่ตรงปลายหางก่อนจะถึงลูกบิด ระหว่างตัวจะเข้มีแป้นไม้เรียกว่า นม รองรับสายติดไว้บนหลังจะเข้ รวมทั้งสิ้น 11 อัน เพื่อไว้เป็นที่สำหรับนิ้วกดนมแต่ละอันสูง เรียงลำดับขึ้นไป ตั้งแต่ 2 ซม. จนสูง 3.5 ซม.
เวลาบรรเลงใช้ดีดด้วยไม้ดีดกลมปลายแหลมทำด้วยงาช้างหรือกระดูกสัตว์ เคียนด้วยเส้นด้ายสำหรับพันติดกับปลายนิ้วชี้ข้างขวาของผู้ดีด และใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วกลางช่วยจับให้มีกำลัง เวลาแกว่งมือส่ายไปมา ให้สัมพันธ์ กับมือข้างซ้ายขณะกดสายด้วย
สายของจะเข้
สายของจะเข้นั้นจะมีอยู่ 3 สาย ส่วนใหญ่ทำมาจากไหมหรือเอ็น สามารถแบ่งได้ดังนี้
- สายที่อยู่ติดกับตัวผู้เล่นจะเข้ มีชื่อเรียกว่า สายลวด เป็นสายที่ทำมาจากลวดทองเหลือง
- สายที่อยู่ทางด้านนอกสุดของจะเข้ มีชื่อเรียกว่า สายเอก ทำมาจากไหมหรือเอ็น
- สายที่อยู่ตรงกลาง มีชื่อเรียกว่า สายทุ้ม ทำมาจากไหมหรือเอ็น
ทำไมจึงเรียกว่า "จะเข้"
“จะเข้นี้ สันนิษฐานกันว่าเป็นเครื่องดนตรีที่ไทยเราได้แบบมาจากมอญ ก็น่าจะเป็นจริง เพราะเคยได้เห็นจระเข้ของมอญ ซึ่งทำรูปตอนด้านกระพุ้งเสียงเป็นหัวจระเข้ ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์เมืองย่างกุ่ง สหภาพพม่า บอกว่าเป็นเครื่องดนตรีที่เก่าแก่มาก ถ้าของเดิมมีรูปเป็นเช่นนี้คงเรียกว่าจระเข้มาก่อนเช่นเดียวกับพิณอินเดีย ซึ่งมีรูปเป็นนกยูง และเรียกว่า “มยุรี” ภายหลังคงเกรงว่าจะเรียกชื่อไขว้เขว จึงทำให้บัญญัติชื่อเสียใหม่ว่า “จะเข้” จะได้ไม่ซ้ำกับ “จระเข้” สัตว์มีชีวิต”
วิธีการบรรเลงจะเข้และแบบฝึกหัดสำหรับจะเข้
๑ ดีดไม้ออกไม้เข้า ด้วยการดีดไม้ดีด “ออก” และ “เข้า” สลับกันโดยเริ่มที่ไม้ดีดออกก่อน มีทั้งดีดสายเปล่าและดีดกดสาย ให้มีน้ำหนักเสียงเท่ากัน การประเมินมีดังนี้
๑ . ๑ การดีดสายเปล่า
- ทดสอบโดยให้ดีดตั้งแต่ ๒ ครั้งขึ้นไป ไม้ดีดต้องจบด้วยไม้เข้าเสมอ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการใช้ไม้ดีดออก - เข้า ให้ถูกต้องกับทำนองเพลง
- น้ำหนักมือในการดีดออกและดีดเข้าต้องได้เสียงดังเท่ากัน
๑ . ๒ การดีดกดสาย ชนิดดีดเรียงเสียง หรือไล่เสียงขึ้นลง
- ตำแหน่งของนิ้วที่กดบนนมถูกต้อง คืออยู่ชิดนมด้านซ้าย
- ใช้นิ้วไล่เสียงตามตำแหน่งของนมทั้ง๑๑นมได้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์
- ดีดได้เสียงถูกต้อง
- ดีดได้เสียงชัดเจน
๑ . ๓ การดีดเสียงทิงนอยหรือการเล่นสายลวดประกอบสายเอก คือตามปกติสายจะเข้ทั้ง ๓ สายจะมีเสียงเท่ากันหมด จึง สามารถดีดเดี่ยวในแต่ละสายได้ ฟังสายเอก สายทุ้ม สายลวด ( สายเอก เล่นเสียงสูง สายทุ้ม มักจะเล่นเสียงต่ำ สายลวดเสียงจะแปร่ง ) แต่ถ้าจะให้เสียงไพเราะและฟังดูแปลกออกไปมักจะดีด ควบคู่กันไปทีละ ๒ สาย คือสายเอกจะเป็นเสียง “นอย” และสายลวดจะเป็นเสียง “ทิง” ( จะใช้นิ้วกดที่ ๒ สายนี้เท่านั้น ไม่กดสายทุ้ม ) การเล่นสายลวดเพียงสายเดียว จะเปลี่ยนเป็นใช้หลังเล็บของนิ้วหัวแม่มือที่โดยปกติไม่ค่อยใช้บังคับเสียง
๑ . ๔ การดีดรัว คือ การดีดโดยใช้ไม้ดีด ดีดเข้าออกสลับกันถี่ ๆ โดยเสียงแต่ละเสียงต้องดังเสมอกัน หรือเรียกอีกอย่างว่า การกรอ
เราคนไทยควรอนุรักษ์มรดกของชาติและสืบทอดศิลปะอันสวยงามนี้ไว้ มิให้สูญหายหรือให้ไครมาทำลายวัฒนธรรมของเรา
ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org
http://santithaimusic.igetweb.com
ปล. ขอขอบคุณ คุณลูกชายนายอำเภอที่เอื้อเฟื้อสอนวิธีการโพสมากนะคับ