J&J อ่วมอีกรอบ " ยอมจ่าย 6500 ล้าน " ยุติคดี
หลังจากที่เป็นคดีความและยืดเยื้อมามากกว่า 25 ปีนั้น ได้ทำให้บริษัท J&J (จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน) ต้องประสบกับภาวะยากลำบากทางการเงินและส่งผลเสียต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของบริษัท รวมถึงสินค้าประเภทแป้งทาตัว ซึ่งก่อนหน้านี้มีภาพลักษณ์ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และยังส่งผลทำให้บริษัทตัดสินใจยุติการผลิตสินค้าประเภทแป้งทาตัวสำหรับทารก (Baby Powder) ไปในที่สุด
มีรายงานข่าวจากต่างประเทศว่าเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2567 ที่ผ่านไปนั้น บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ได้แถลงว่ามีแผนการที่จะจ่ายเงินจำนวน 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 240,000 ล้านบาท) เพื่อยุติการฟ้องร้องที่มีอยู่หลายพันคดีในสหรัฐและยืดเยื้อมากว่า 25 ปี ซึ่ง 99% ของผู้ฟ้องร้องกล่าวหาโดยตรงไปที่แป้งทาตัวยี่ห้อจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งรังไข่
โดยขณะนี้กำลังรอคำตอบจากฝ่ายโจทก์ หากฝ่ายโจทก์ยอมรับข้อเสนอดังกล่าว บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ก็จะสามารถหลุดจากการโดนฟ้องร้องโดยผ่านการยื่นฟ้องล้มละลายเป็นครั้งที่ 3 ของบริษัทในเครือ LTL Management (ซึ่งก่อนหน้านี้ทางศาลได้ปฏิเสธคำขอของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เพื่อยื่นขอสถานะล้มละลายของบริษัทดังกล่าวมาแล้วถึง 2 ครั้ง)
โดยการลงคะแนนเสียงจากกลุ่มผู้ฟ้องร้องว่าจะยินยอมรับข้อเสนอของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) หรือไม่ ซึ่งน่าจะกินระยะเวลาประมาณ 3 เดือน โดย J&J คาดหวังว่าจะได้คะแนนเสียงยินยอมรับข้อเสนอจากฝ่ายโจทก์ราว 75% ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอสำหรับการยื่นขอสถานะล้มละลายของบริษัท LTL และจะถือเป็นการยุติการดำเนินคดีทั้งหมดได้ รวมถึงป้องกันการฟ้องร้องในอนาคตอีกด้วย โดยที่ก่อนหน้านี้ศาลได้เคยสั่งให้บริษัทจ่ายเงินชดเชยราว 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 74,000 ล้านบาท) ให้แก่ผู้ฟ้องร้อง 22 คน ซึ่งล้วนเป็นผู้หญิงทั้งหมด
โดยพวกเธอกล่าวหาว่าส่วนผสมของแร่ใยหินในแป้งทาตัวของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเธอป่วยเป็นโรคมะเร็งรังไข่ . . . งานนี้คงอ่วมไปอีกรอบ แต่เป็นสิ่งที่ต้องรับผิดชอบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้