หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

สารก่อมะเร็ง 4 อย่าง ที่ลูกคุณอาจจะได้รับทุกวัน

เนื้อหาโดย good4289

ตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก มะเร็ง เนื้องอกที่กลายเป็นเนื้อร้ายได้กลายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กมากเป็นอันดับสอง รองจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

สาเหตุของการเกิดมีหลายประการ เช่น การสัมผัสกับสารเคมี การติดเชื้อไวรัสบางชนิด พันธุกรรม การใช้ยาเสพติด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตของครอบครัว โดยเฉพาะเด็กที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมต่อไปนี้เป็นเวลานาน.

 

  1. อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีควันบุหรี่มือสอง

ควันที่ผู้สูบบุหรี่พ่นออกมาและควันที่เกิดจากการเผาไหม้ยาสูบเรียกว่าควันบุหรี่มือสอง ควันบุหรี่มือสองซึ่งเป็นมลพิษที่เกิดขึ้นจะสะสมอยู่ในอากาศและถูกดูดซับบนพื้นผิวของวัตถุ เช่น เสื้อผ้าที่สวมใส่ โดยผู้สูบบุหรี่เป็นเวลานาน , มือ, ผม, ผนังบ้าน, ผ้าม่าน ฯลฯ

เมื่อยาสูบถูกเผา จะปล่อยส่วนประกอบทางเคมีมากกว่า 7,000 ชนิด รวมถึงส่วนประกอบที่เป็นอันตรายมากกว่า 250 ชนิด และสารก่อมะเร็งอย่างน้อย 69 ชนิด

นอกจากโรคมะเร็งแล้ว เด็กที่ได้รับควันบุหรี่มือสองเป็นเวลานานยังมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคทางเดินหายใจ เช่น หวัด ปอดบวม หลอดลมอักเสบ หอบหืด และจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหูน้ำหนวกรวมถึงกลุ่มอาการการเสียชีวิตของทารกอย่างกะทันหัน

มีคนเคยคำนวณไว้ว่าหากเด็กๆ ได้รับควันบุหรี่มือสองรอบตัวตั้งแต่แรกเกิด เมื่ออายุได้ 5 ขวบ จะเทียบเท่ากับพวกเขาสูบบุหรี่ 102 ซอง ดังนั้นเพื่อสุขภาพของลูกๆ และสุขภาพของคุณเอง คุณจึงควรเลิกสูบบุหรี่!

 

  1. ทานเนื้อสัตว์แปรรูปต่างๆเป็นประจำ

เนื้อสัตว์แปรรูปหมายถึงผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ที่ผ่านการบ่ม รมควัน หมัก และกระบวนการอื่นๆ เช่น แฮม เบคอน ไส้กรอก เนื้อกระป๋อง ฯลฯ

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2558 หน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งขององค์การอนามัยโลกในประเทศฝรั่งเศส ได้ออกรายงานการสอบสวนที่จำแนกเนื้อสัตว์แปรรูปเป็นสารก่อมะเร็งประเภท 1เพราะพบว่าการกินเนื้อสัตว์แปรรูป 50 กรัมต่อวันเพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ถึง 18%

The Lancet ยังได้ตีพิมพ์งานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า ยิ่งคุณกินเนื้อสัตว์แปรรูปมากเท่าไร คุณก็ยิ่งเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวเนื้อสัตว์ แต่อยู่ที่การใช้ไนไตรท์เป็นสารกันบูดระหว่างการแปรรูป

ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์จะติดเชื้อโบทูลินั่มระหว่างแปรรูปและหลั่ง "สารพิษโบทูลินั่ม" โบทูลินั่ม ทอกซินมีพิษสูงตั้งแต่เวียนศีรษะจนเสียชีวิต การเติมไนไตรท์สามารถฆ่าสารพิษโบทูลินั่มได้ และยังช่วยให้เนื้อสดอีกด้วย

ไนไตรท์ก็เหมือนกับเนื้อสัตว์ ซึ่งไม่เป็นอันตรายในตัวเอง แต่เมื่อไนไตรท์ทำปฏิกิริยากับเอมีนในเนื้อสัตว์ จะผลิตสารก่อมะเร็ง-ไนโตรซามีนขึ้น ไนโตรซามีนมีความเป็นพิษสูงและสามารถเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งตับ มะเร็งในช่องปาก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งปอด และมะเร็งอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นจึงควรส่งเสริมให้เด็ก ๆ กินเนื้อสัตว์และผักสดมากขึ้น และค่อยๆลดเนื้อสัตว์แปรรูปลง

 

   3.ทานอาหารที่มีอะฟลาทอกซินปนเปื้อนโดยไม่รู้ตัว

อะฟลาทอกซินเป็นกลุ่มอาชญากรรวมสารพิษมากกว่า 20 ชนิด เช่น B1, B2, G1, G2 และ M1

ในปี 1993 WHO จัดว่าเป็นสารก่อมะเร็งประเภท 1 ความเป็นพิษของมันคือ 75 เท่าของไนโตรซามีน, 68 เท่าของสารหนู และ 10 เท่าของโพแทสเซียมไซยาไนด์ การกินเข้าไป 1 มก. อาจทำให้เกิดมะเร็ง และการกินครั้งละ 20 มก. อาจทำให้เสียชีวิตได้นอกจากนี้ อะฟลาทอกซินยังสามารถกระตุ้นให้เกิดมะเร็งกระดูก มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งไต และมะเร็งช่องทวารหนัก มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้เล็ก และมะเร็งอื่นๆ อีกหลายชนิด

การทำลายอะฟลาทอกซินยังต้องใช้อุณหภูมิสูงถึง 280°C เพื่อฆ่ามัน ดังนั้นอุณหภูมิในการปรุงอาหารในแต่ละวันก็ช่วยอะไรไม่ได้

อะฟลาทอกซินมักพบในอาหารที่มีเชื้อรา เช่น ถั่วลิสง ข้าวโพด ข้าว ถั่วเปลือกแข็ง เป็นต้น ดังนั้นในชีวิตประจำวันพ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงการให้อาหารที่มีเชื้อราแก่ลูก หากมีเชื้อราในอาหารอย่ารับประทานส่วนที่เหลือ เนื่องจากเมื่อส่วนหนึ่งของอาหารขึ้นรา มักจะหมายความว่าอาหารทั้งหมดมีการปนเปื้อน แต่ระดับของการปนเปื้อนจะแตกต่างกัน

นอกจากนี้หลายคนนิยมบริโภค น้ำมันถั่วลิสง เพราะคิดว่ามาจากธรรมชาติล้วนๆ และไม่มีสารปรุงแต่ง แต่โรงงานผลิตขนาดเล็กๆ บางแห่งอาจไม่เข้มงวดในการเลือกวัตถุดิบ ทำให้ถั่วลิสงบางชนิดมีเชื้อราผสมอยู่ด้วย ซึ่งจะทำให้น้ำมันถั่วลิสงที่คั้นออกมามีสีเหลือง และมีเชื้อรา Aspergillus เกินมาตรฐาน

 

  1. ทานอาหารที่ร้อนเกินไป

"กินตอนร้อนๆ" และ "ดื่มตอนร้อนๆ" เป็นคำพูดที่โต๊ะอาหารเย็นของหลายครอบครัว ดูเหมือนว่าการรับประทานอาหารร้อนๆในจานตรงหน้า จะสะท้อนถึงความอบอุ่นของบ้านและความห่วงใยของผู้ปกครองได้ ความจริงแล้ว อาหารที่ร้อนเกินไปอาจเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของเราได้ โดยเฉพาะกับเด็ก

ในปี 2016 สำนักงานวิจัยโรคมะเร็งระหว่างประเทศ (IARC) ภายใต้องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้ "เครื่องดื่มร้อนที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 65°C" เป็น "สารก่อมะเร็งกลุ่ม 2A"

การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน "British Journal of Cancer" ในปี 2022 เปิดเผยเป็นครั้งแรกว่าอุณหภูมิสูงอาจส่งเสริมการเกิดมะเร็งเซลล์สความัสของหลอดอาหาร (มะเร็งหลอดอาหารชนิดหนึ่ง) ที่เกิดจากการกระตุ้นของอุณหภูมิความร้อนที่ 54 ℃ กล่าวคือ หากอุณหภูมิของอาหารที่เรารับประทานเกิน 54°C เป็นเวลานาน จะเพิ่มความน่าจะเป็นที่จะเป็นมะเร็งหลอดอาหาร ซึ่งต่ำกว่าอุณหภูมิ 65°C ที่ WHO แนะนำ

โดยทั่วไปอุณหภูมิของอาหารที่ปรุงสดใหม่จะอยู่ที่ประมาณ 90°C อุณหภูมิที่ยอมรับได้สูงสุดของผู้ใหญ่คือ 54°C เยื่อเมือกในช่องปากและเยื่อบุทางเดินอาหารของเด็กจะบอบบางกว่า ดังนั้นหากอุณหภูมิที่เกิน 40°C ถือว่าร้อนสำหรับเด็ก

อาหารจะใช้เวลาประมาณ 9 วินาทีในการเดินทางจากปากสู่หลอดอาหารแล้วลงสู่กระเพาะ หากลูกของคุณรับประทานอาหารที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 40°C บ่อยครั้ง เยื่อบุหลอดอาหารของเด็กจะมีอาการไหม้เป็นเวลา 9 วินาทีครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเวลาผ่านไป เซลล์ที่ผิดปกติจะถูกสร้างขึ้นได้ง่ายและค่อยๆ เพิ่มขึ้น โดยมีรอยโรคตั้งแต่การอักเสบตื้นๆ ไปจนถึงแผลพุพอง พัฒนาเป็น เนื้องอกร้าย ดังนั้นจึงแนะนำว่าควรควบคุมอุณหภูมิอาหารสำหรับเด็กให้อยู่ที่ระหว่าง 10°C ถึง 40°C

 

อาหารก่อมะเร็งสี่ประเภทข้างต้นได้รับการยอมรับในระดับสากล ว่าก่อให้เกิดภัยคุกคามร้ายแรงต่อสุขภาพของเด็ก ในฐานะพ่อแม่ จึงควรใส่ใจกับอาหารและสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตของลูกๆ อย่างใกล้ชิด และพยายามหลีกเลี่ยงการให้เด็กสัมผัสกับสารก่อมะเร็งเหล่านี้ ในเวลาเดียวกัน ก็ต้องให้ความรู้แก่เด็กๆ เพื่อพัฒนานิสัยการกินและการใช้ชีวิตที่ดี รวมถึงปรับปรุงความตระหนักรู้ด้านสุขภาพของพวกเขา

เนื้อหาโดย: good4289
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
good4289's profile


โพสท์โดย: good4289
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: somlove
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
หนุ่มตุรกีแสบ แกล้งแฟนเก่า สั่งอาหาร 50 ออเดอร์ แถมเก็บเงินปลายทาง หลังจบกันไม่สวยอลังการ! มงกุฎนางสาวไทย ๒๕๖๗ ในรูปแบบศิลปะไทย งดงามล้ำค่า โดยกรมศิลปากรสุดเท่ครูไพบูลย์เจ้าของค่ายเพลงจ้วดจ้าดโชว์อวดหุ่นสุดเท่รับรองงานนี้สาวๆมีกรี๊ดดดดแต่ก็มีคนบางกลุ่มแซวหุ่นเอาซะเขินกันเลยทีเดียวfrankly: ตรงไปตรงมา ตามตรงobstacle: อุปสรรคHow to เลือกซื้อทุเรียนให้ดี กินแล้วไม่อ่อน ไม่แก่จนเกินไป มาดูกันว่าต้องพิจารณาอะไรบ้าง...
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"พชร์ อานนท์" ฟาดกลับทันที..หลังมีคนแซะให้เลิกทำหนัง เพราะหมดยุคแล้วfrankly: ตรงไปตรงมา ตามตรงHow to เลือกซื้อทุเรียนให้ดี กินแล้วไม่อ่อน ไม่แก่จนเกินไป มาดูกันว่าต้องพิจารณาอะไรบ้าง...แอร์อินเวอร์เตอร์ VS แอร์ดั้งเดิม: เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย เลือกแบบไหนดี?
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
frankly: ตรงไปตรงมา ตามตรงobstacle: อุปสรรคHow to เลือกซื้อทุเรียนให้ดี กินแล้วไม่อ่อน ไม่แก่จนเกินไป มาดูกันว่าต้องพิจารณาอะไรบ้าง...ล่าสุดมีผู้ป่วยโควิดพุ่งวันละ 239 ราย อาการร้ายแรงกว่าปีที่ผ่านมา
ตั้งกระทู้ใหม่