เทคโนโลยีเปลี่ยนทรายให้เป็นดิน
Liquid Nano Clay (LNC) เทคโนโลยีใหม่พลิกโฉมการเกษตร
Liquid Nano Clay (LNC) เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกพัฒนาโดยบริษัทสตาร์ทอัพในนอร์เวย์ เรียกว่า Desert Control LNC ทำจากดินเหนียวที่ผ่านกระบวนการทำให้อนุภาคมีขนาดเล็กมาก จากนั้นจึงผสมกับน้ำ เมื่อฉีดพ่นลงบนพื้นดิน LNC จะสร้างชั้นฟิล์มบางๆ บนผิวดิน ซึ่งจะช่วยในการกักเก็บน้ำและสารอาหาร ทำให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้ดีขึ้นแม้ในสภาพแห้งแล้ง LNC ยังช่วยลดการระเหยของน้ำได้อีกด้วย ทำให้ประหยัดน้ำได้มากขึ้น
LNC ได้รับการพัฒนาโดย Christian Aasen นักวิทยาศาสตร์ชาวนอร์เวย์ Aasen เริ่มต้นการพัฒนา LNC ในปี 2010 หลังจากที่เขาเห็นปัญหาภัยแล้งในนอร์เวย์ Aasen เชื่อว่า LNC สามารถช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งและช่วยให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกได้แม้ในสภาพแห้งแล้ง
LNC ได้รับการทดสอบในหลายประเทศในแถบทะเลทราย เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย และโมร็อกโก ผลการทดสอบพบว่า LNC สามารถเพิ่มผลผลิตของพืชได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น ข้าวโพดที่ปลูกในดินที่ฉีดพ่นด้วย LNC จะให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับข้าวโพดที่ปลูกในดินธรรมดา
LNC เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและมีศักยภาพที่จะพลิกโฉมการเกษตรในหลายประเทศที่ประสบปัญหาภัยแล้ง LNC ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อีกด้วย เนื่องจากสามารถช่วยเพิ่มผลผลิตของพืชได้โดยไม่ต้องใช้น้ำมากขึ้น จึงเป็นเทคโนโลยีที่ยั่งยืนและช่วยแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
อย่างไรก็ตาม LNC ยังเป็นเพียงเทคโนโลยีที่ใหม่มาก จึงยังไม่ได้รับการทดสอบอย่างกว้างขวาง ยังมีคำถามบางข้อที่ยังไม่ได้รับการตอบ เช่น ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวของ LNC ต้นทุนในการผลิต LNC และความพร้อมใช้งานของ LNC ในเชิงพาณิชย์
แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ แต่ LNC เป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูงที่จะแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ข้อดีของการใช้ LNC:
- LNC สามารถเพิ่มผลผลิตของพืชได้อย่างมาก
- LNC สามารถช่วยลดการระเหยของน้ำได้
- LNC เป็นเทคโนโลยีที่ยั่งยืน
- LNC สามารถช่วยแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ข้อจำกัดของการใช้ LNC:
- LNC เป็นเทคโนโลยีที่ใหม่มาก จึงยังไม่ได้รับการทดสอบอย่างกว้างขวาง
- ยังไม่ทราบผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวของ LNC
- ต้นทุนในการผลิต LNC ยังสูง
- LNC ยังไม่พร้อมใช้งานในเชิงพาณิชย์
แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ แต่ LNC เป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูงที่จะแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
บทสรุป:
Liquid Nano Clay (LNC) เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีศักยภาพสูงที่จะพลิกโฉมการเกษตรในหลายประเทศที่ประสบปัญหาภัยแล้ง LNC สามารถเพิ่มผลผลิตของพืชได้อย่างมาก ช่วยลดการระเหยของน้ำ และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก LNC ยังเป็นเพียงเทคโนโลยีที่ใหม่มาก จึงยังไม่ได้รับการทดสอบอย่างกว้างขวาง ยังมีคำถามบางข้อที่ยังไม่ได้รับการตอบ เช่น ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวของ LNC ต้นทุนในการผลิต LNC และความพร้อมใช้งานของ LNC ในเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม LNC เป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูงที่จะแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ประเทศที่นำไปใช้
ในปัจจุบัน LNC ได้รับการนำไปใช้แล้วในหลายประเทศทั่วโลก ตัวอย่างเช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย โมร็อกโก ออสเตรเลีย สหรัฐฯ จีน อินเดีย บราซิล และเม็กซิโก LNC ยังได้รับการทดสอบในหลายประเทศอื่น ๆ เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน โปรตุเกส กรีซ และ ไทย
การนำไปใช้ของไทย
ในประเทศไทยได้นำ LNC มาใช้แล้วในบางพื้นที่ ตัวอย่างเช่น โครงการนำร่องที่จังหวัดขอนแก่นพบว่า LNC สามารถเพิ่มผลผลิตของข้าวโพดได้ 30% เมื่อเทียบกับข้าวโพดที่ปลูกในดินธรรมดา LNC ยังช่วยลดการระเหยของน้ำได้อีกด้วย โครงการนำร่องที่จังหวัดเชียงใหม่พบว่า LNC สามารถลดการระเหยของน้ำได้ถึง 40%
LNC เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและมีศักยภาพที่จะพลิกโฉมการเกษตรในหลายพื้นที่ของประเทศไทยที่ประสบปัญหาภัยแล้ง LNC ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อีกด้วย เนื่องจากสามารถช่วยเพิ่มผลผลิตของพืชได้โดยไม่ต้องใช้น้ำมากขึ้น จึงเป็นเทคโนโลยีที่ยั่งยืนและช่วยแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
อ้างอิงจาก: เว็บไซต์ของ Desert Control
บทความใน The New York Times
บทความใน National Geographic
บทความใน Scientific American