หอมหัวใหญ่ (Onion)
หอมหัวใหญ่เป็นพืชล้มลุกมีหัวในสกุล Alliums ซึ่งมีสมาชิกในสกุลกว่า 500 ชนิด พี่น้องร่วมสกุลที่คุ้นหน้าคุ้นตา เช่น หอมแดง กระเทียม กุยช่าย แต่หอมหัวใหญ่มีหัวขนาดใหญ่กว่า หัวลักษณะกลมป้อม เปลือกนอกบาง ๆ สีน้ำตาล ภายในเป็นกาบใบเนื้อหนาอวบสด เรียงซ้อนกันเป็นชิ้น ๆ มีทั้งพันธุ์หัวสีขาว เหลือง และแดง
อาการระคายเคืองตาจนน้ำตาไหลขณะหั่นหอมหัวใหญ่ เกิดขึ้นเนื่องจากในหอมหัวใหญ่มีกรดอะมิโน ที่มีซัลเฟอร์หรือกำมะถันเป็นองค์ประกอบ เมื่อถูกหั่นผนังเซลล์จึงแตกออก ทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างกำมะถันกับเอนไซม์ในหัวหอม อณูกำมะถันจะแตกตัวระเหยออกมาในอากาศ ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อดวงตา จนน้ำตาไหลออกมาปกป้องดวงตา โดยที่อาการระคายเคืองดังกล่าวไม่มีอันตรายต่อดวงตาแต่อย่างใด หากไม่อยากให้น้ำตาไหลเมื่อหั่นหัวหอม ให้นำหัวหอมไปแช่เย็น 10-15 นาทีก่อนหั่น ความเย็นจะทำให้เกิดปฏิกิริยาช้างลง ปริมาณกำมะถันที่แตกตัวออกมาก็จะลดลง
หอมหัวใหญ่มีสารประกอบกำมะถันหลายชนิดที่ให้ประโยชน์ เช่น สารไดอัลลิลไดซัลไฟด์ (Diallyl Disulfide) มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มระดับเอนไซม์ต่อสู้มะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งในกระเพาะอาหาร สารไซโคลอัลลิอิน (Cyclo Allicin) ที่มีสรรพคุณคล้ายคลึงกับสารอัลลิซินในกระเทียม ช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลรวมและเพิ่มคอลเรสเตอรอลชนิดดี (HDL) ในเลือด ลดการจับตัวของลิ่มเลือดในกระแสเลือด รวมถึงมีผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดด้วย
นอกจากสารประกอบกำมะถันแล้ว หอมหัวใหญ่ยังมีเคอร์ซิติน ซึ่งพบมากในชั้นนอก ๆ ของหัว และในหอมหัวใหญ่สีแดง เคอร์ซิตินเป็นสารต้านอนุมูอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์และต้านการอักเสบ มีการทดลองพบว่าสารชนิดนี้ลดการอักเสบที่เกิดจากโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้เป็นอย่างดี และกำลังมีการวิจัยถึงประสิทธิภาพยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งบริเวณเต้านม เส้นเลือด และผิวหนัง รวมถึงป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
จากผลการวิจัยหลายครั้งสรุปได้ว่า การกินหอมหัวใหญ่เพียงวันละครึ่งหัว ต่อเนื่องเป็นเวลา 2 เดือน ก็สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้ เนื่องจากในหอมหัวใหญ่มีสารฟลาโวนอยด์ ที่มีฤทธิ์ขัดขวางไขมันไม่ให้เกาะหรืออุดตันตามผนังหลอดเลือด โดยสารฟลาโวนอยด์จะไปเคลือบผนังหลอดเลือดไว้ คอเลสเตอรอลจึงไม่สามารถจับตัวกับผนังหลอดเลือดได้
ในหอมหัวใหญ่ยังมีธาตุอักหลายชนิด เช่น แคลเซียม ที่มีส่วนช่วยในกระบวนการต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายช่วยเม็ดเลือดขาวทำลายและย่อยสลายไวรัส ซีลีเนียมที่มีส่วนสำคัญในกระบวนการสร้างภูมิคุ้มกัน และการสร้างเอนไซม์ซึ่งทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ ที่ก่อให้เกิดการอักเสบในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย และมีธาตุแมกนีเซียม ที่พบได้น้อยในอาหารประจำวัน แต่จะมีอยู่มากในหอมหัวใหญ่
การปรุงอาหารด้วยความร้อนจะทำให้หอมหัวใหญ่มีรสหวานขึ้น แต่ก็ทำให้สรรพคุณของสารประกอบกำมะถันหลายชนิดลดลงดังนั้น หากจะกินแบบปรุงสุกเพราะชอบรสหวานและทนกลิ่นฉุนของหอมหัวใหญ่ไม่ได้จริง ๆ ก็ควรเพิ่มปริมาณการกินให้มากขึ้น เพื่อชดเชยประโยชน์ที่สูญเสียไป