หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

อู๋ซานกุ้ย จอมทัพสามแผ่นดิน (ฉบับย่อ)

โพสท์โดย สายลมบนพื้นหญ้า

อู๋ซานกุ้ย จอมทัพสามแผ่นดิน (ต้าหมิง ต้าซุ่น ต้าชิง)

**ก่อนอ่าน ขอให้ผู้อ่านจำลองตัวเองเป็นอู๋ซานกุ้ย แล้วลองดูว่าเราจะมีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร

อู๋ซานกุ้ย(吴三桂)

    อู๋ซานกุ้ย(吴三桂) เกิดในตระกูลทหาร มีความองอาจดั่งชายชาตินักรบ และมีปณิธานอันแรงกล้าที่จะเป็นกำลังหลักของแผ่นดิน ครอบครัวอู๋เป็นเจ้าของที่ดินมีประชากรถึง 7~8 หมื่นคน และอู๋ซานกุ่ยมีทหารอยู่ในมือถึง 3 หมื่น ล้วนเป็นทหารที่ภักดีต่อเขา อู๋ซานกุ้ยมีไอดอลในดวงใจ คือ อู๋เซียง(吴襄) บิดาของเขานั้นเอง ผู้เป็นจอมทัพปกป้องต้าหมิง

สีเหลือง คือเส้นทางของหลี่จื่อเฉิงมาตีเมืองหลวง(京师) อู๋ซานกุ้ยยันทัพที่ซานไฮ่กวน(山海关) 

     ค.ศ.1644 หลังกลุ่มปฏิวัติชาวนา(ต้าซุ่น)นำโดยหลี่จื่อเฉิง(李自成) ยึดกรุงปักกิ่ง ฉงเจิน(崇祯) ฮ่องเต้องค์สุดท้ายผูกคอตาย ถือเป็นการปิดฉาก 276 ปีของราชวงศ์หมิง อู๋ซานกุ้ยขณะนั้นเขามีอายุ 33 ปี ยกทัพจากด่านซานไฮ่กวนหมายกู้กรุง พอทัพถึงเขตตำบลเฟิงรุ่น มนทลเฮอเป่ย ก็ได้รับข่าวเมืองหลวงเสียแก่ข้าศึก จึงยกทับกลับ
**กองทัพอู๋ซานกุ้ยเดินทัพได้ช้า เพราะ ชาวบ้านรู้ข่าวการถอนทัพจากซานไฮ่กวนจึงขออพยพตามมาด้วย เพราะถ้าทัพชิงตีลงมาก็ไม่มีกองทัพคอยปกป้อง

หลี่จื่อเฉิง(李自成)และ หลิวจงหมิน(刘宗敏)

     หลังจากหลี่จื่อเฉิงทำการยึดอำนาจ สิ่งที่เขาคำนึงเป็นอันดับหนึ่งคือ ให้การคุ้มครองครอบครัวอู๋ที่พำนักในปักกิ่ง หลีจื่อเฉิงต้องการจำนวนเงินมหาศาลในการแจกเบี้ยเลี้ยงทหาร จึงออกกฎให้เหล่าข้าราชการในสมัยหมิงต้องจ่ายเงิน จ่ายมากน้อยขึ้นอยู่กับตำแหน่ง (เรียกค่าไถ่นั้นเอง) ในตอนนั้นขุนนางในเมืองหลวงกว่า 800 คนต้องถูกกักขัง ทำร้ายร่างกายเพื่อให้ได้เงินตามจุดประสงค์
    หลิวจงหมิน(刘宗敏) ผู้เป็นมือขวาของหลี่จื่อเฉิง ผู้ไม่รู้หนังสือ เขารู้แต่การทำศึก ทำให้เขาไม่คิดถึงการณ์ไกล หลิวจงหมินเข้าอายัดทรัพย์สินของครอบครัวอู๋ และเกิดชอบพอกับเฉินเหยียนเหยี้ยน (陈圆圆) ภรรยาของอู๋ซานกุ้ย (หลี่จื่อเฉิงเกรงใจหลิวจงหมินมากถึงขัดคำสั่งแต่ก็ไม่กล้าลงโทษ)

เฉินเหยียนเหยี้ยน (陈圆圆)

   หลี่จื่อเฉิงส่งสารพร้อมเงิน 4 หมื่นตำลึงไปมอบให้อู๋ซานกุ้ย เพื่อให้อู๋ซานกุ่ยยอมจำนน ในเมื่อ "ไม่เหลือประเทศชาติให้ทดแทน แต่ยังเหลือบิดาให้กตัญญู" อู๋ซานกุ่ยจึงตอบตกลงและเดินทางไปปักกิ่งเพื่อรายงานตัว พอเดินทางถึงตำบลหยงพิง มณฑลเฮอเป่ย ก็พบกับบ่าวรับใช้ที่หนีออกมาจากเมืองหลวง ได้นำความบอกอู๋ซานกุ้ย ว่า "บ้านถูกยึดทรัพ อู๋เซียงโดนจับตัวไปเรียกค่าไถ่เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ได้ เฉินเหยียนเหยี้ยนถูกหลี่จงหมินหักหาญน้ำใจ" อู๋ซานกุ้ยรู้แจ้งในนาทีนั้นว่า สิ่งที่หลี่จื่อเฉิงทำลงไปไม่ได้จริงใจต่อตน ถ้าตนกลับเมืองหลวงก็อาจจะโดนเช่นเดียวกัน จึงสั่งประหารผู้ส่งสารของหลี่จื่อเฉิงในทันที แล้วยกทัพกลับด่านซานไห่กวน พอหลี่เจื่อเฉิงทราบข่าวจึงยกทัพ 1 แสนขึ้นไปปราบอู๋ซานกุ้ย กำลังในด่านของอู๋ซานกุ้ยมีเพียง 3 หมื่นรวมชาวบ้านที่พอจับดาบได้รวมไม่เกิน 5 หมื่น

ตัวเอ๋อกุ่น(多尔衮)

     วันที่ 12 เดือน 4 ค.ศ.1644 อู๋ซานกุ้ยส่งจดหมายไปถึงตัวเอ๋อกุ่น(多尔衮) ผู้นำของต้าชิง เพื่อขอยืมทหารมาปราบกบฏชาวนาและฟื้นฟูต้าหมิง โดยเสนอจะยกดินแดนบางส่วนให้ แต่จดหมายตอบกลับ ไม่ได้พูดถึงการช่วยเหลือแต่อย่างใด ทำให้อู๋ซานกุ้ยรู้สึกหมดหวัง
    กองทัพหลี่จื่อเฉิงเดินทางมาจนถึงซานไฮ่กวน และเปิดฉากโจมตีอย่างดุเดือด อู๋ซานกุ้ยส่งจดหมายไปอีก 2 ฉบับ แต่ต้าชิงก็ไม่มีทีท่าว่าจะมาช่วย เพียงยกทัพมาสังเกตการณ์อยู่นอกด่าน ด่านซานไฮ่กวนมี 4 ชั้น ถูกกำลังของหลี่จื่อเชิงตีแตกไปถึง 3 ชั้น ในคืนนั้นอู๋ซานกุ้ยส่งจดหมายไปถึง 8 ฉบับ ต้าชิงยื่นคำขาด "ไม่มีการยืมทหาร มีแต่การยอมแพ้เท่านั้น" เป็นช่วงเวลาที่ขมขื่นที่สุดในชีวิตของอู๋ซานกุ่ย แต่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบรับข้อเสนอ


      ในวันที่ 22 เดือน 4 ค.ศ.1644 อาจจะเป็นเช้าที่สดใสของใครหลายๆ คน แต่สำหรับอู๋ซานกุ้ยแล้วมันคือความลำบากใจอย่างสุดประมาณ ตัวเอ๋อกุ่นสั่งให้ทัพของอู๋ซานกุ้ยเป็นทัพหน้า บุกทะลวงทัพศัตรู กองทัพอู๋ซานกุ้ยล้มตายอย่างต่อเนื่อง ในเวลามืดมนนี้เอง เสียงม้าจากแดนเหนือถูกควบเข้าสู่สมรภูมิ ผมเปียที่ลอยละล่องตามสายลม เสียงโฮ่ร้องสำแนงแมนจูดังก้องจนแผ่นดินสะเทือน กองทัพ 8 ธงของต้าชิงบุกทำลายกองทัพชาวนาของหลี่จื่อเฉิงจนย่อยยับ เป็นการปราชัยที่หลี่จื่อเฉิงต้องจดจำไปตลอดกาล หลี่จื่อเฉิงแตกทัพหนีกลับปักกิ่ง


    ในวันที่ 23 เดือน 4 ค.ศ.1644 ระหว่างการถอยทัพ หลี่จื่อเฉิงได้นำตัว อู๋เซียง(บิดาของอู๋ซานกุ่ย) ไปประหาร ก่อนการประหารอู๋เซียงกล่าวว่า "ให้หลี่จื่อเฉิงกลับซ่านซีไปทำนาอย่างเดิมเถอะ" พอเดินทางถึงปักกิ่งครอบครัวอู๋ 30+คน ต้องถูกประหารทั้งหมด หลี่จื่อเฉิงทำการเถลิงราชที่ปักกิ่งเป็นฮ่องแต้อย่างเต็มตัว แล้วไม่รอช้าเผาปักกิ่งจนเหลือเพียงเถ้าและธุลี และอพยพลงใต้ไปซีอัน
    อู๋ซานกุ้ย ในใจตอนนี้มีเพียง "ความทุกข์และความสิ้นหวัง" ไม่เหลือประเทศชาติ ไม่เหลือแม้คนในครอบครัว ตอนนี้เขาทำได้เพียง จงรักภักดีต่อต้าชิง......

รูปปั้นของอู๋ซานกุ้ย(吴三桂)

**คำถามทิ้งท้าย ..... คุณคิดอย่างไรกับการตัดสินใจของอู๋ซานกุ้ย ?
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
16 VOTES (4/5 จาก 4 คน)
VOTED: ด๊วกกระซวกดาก, Tabebuia, บรูพา
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ด่วน! กระทรวงศึกษาธิการ ส่งหนังสือยกเลิกการตั้งชุดนักเรียนแล้ว??? หลายคนโฟกัสผิดจุด..ชุดนี้ห้ามจามโดยเด็ดขาดคนแรกในประวัติศาสตร์ ขึ้นแท่นมหาเศรษฐี รับเละรางวัลใหญ่ ถูกสลากออมสิน 111 ล้านภาพยนตร์เรื่องแรก ที่ทำเงินจากการฉายในไทยได้มากถึง 100 ล้านบาทพบพระพุทธรูปใต้แม่น้ำโขง องค์ใหญ่ งดงามที่สุดเท่าที่เคยเจอมาโป๊ปเตรียมจัดงานแถลงข่าว เรื่องมนุษย์ต่างดาวเลขปฏิทิน งวดที่แล้วเข้า 60 งวดนี้ 1 มิถุนายน 2567สาวกัมพูชาดวงเฮง รับเหนาะๆ 12 ล้านเผยวิธีเอารถโชว์เข้าห้าง..เห็นแล้วลุ้นแทนจริงๆปลาทูน่าตัวใหญ่ที่สุดในโลก หนัก 834 ปอนด์!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ปลาทูน่าตัวใหญ่ที่สุดในโลก หนัก 834 ปอนด์!สมศักดิ์ แจงตนไม่มีหน้าที่รายงานผลข้าว 10 ปีโป๊ปเตรียมจัดงานแถลงข่าว เรื่องมนุษย์ต่างดาวด่วน! กระทรวงศึกษาธิการ ส่งหนังสือยกเลิกการตั้งชุดนักเรียนแล้ว???
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ส่อง 5 ประเทศในเอชียชุดนักศึกษาเห็นแล้วคุณอยากใส่?ปลาทูน่าตัวใหญ่ที่สุดในโลก หนัก 834 ปอนด์!เปิดแอร์ 27 องศาพร้อมเปิดพัดลม ประหยัดค่าไฟจริงหรอ?ตุ๊กแก หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ช่วยกำจัด และลดปริมาณสัตว์ที่สร้างความรำคาญ หรือ นำพามาซึ่งโรคภัยให้กับมนุษย์ได้เป็นอย่างดี
ตั้งกระทู้ใหม่