ประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ประกาศยุติซ้อมรบทางทหารกับสหรัฐเผย 4-12 ตุลาคมเป็นครั้งสุดท้ายหวั่นถูกดึงเข้าขัดแย้งกับจีน
ประธานาธิบดีร้อดริโก้ ดูเตอร์เต้ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากชาวฟิลิปปิโนในกรุงฮานอยเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2016 มรนโยบายปราบยาเสพติด (Photo/ globalnation.inquirer.net)
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงฮานอยเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2016 ว่านายร้อดริโก้ ดูเตอร์เต้ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กล่าวกับชาวฟิลิปปินส์ที่โรงแรมหรูของกรุงฮานอยระหว่างเดินทางไปเยือนเวียดนาม 2 วันว่าการซ้อมรบทางทหารของฟิลิปปินส์กับสหรัฐในเดือนตุลาคมจะเป็นครั้งสุดท้าย
“ผมอยากจะบอกคุณตอนนี้ว่าการซ้อมรบทางทหารจะเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างฟิลิปปินส์กับสหรัฐ เป็นครั้งสุดท้าย”นายดูเตอร์เต้ย้ำ
ทั้งนี้การซ้อมรบยกพลขึ้นบก(The Philippine-US Amphibious Landing Exercises =Phiblex) กำหนดไว้ระหว่างวันที่ 4-12 ตุลาคมที่ฟิลิปปินส์และจากนั้นจะเป็นการซ้อมรบ Balikatan ประจำปีกำหนดไว้เดือนเมษายน 2017 ที่มีทหาร 2 ประเทศรวมกันกว่า 8,000 คน โดยยังไม่แน่ชัดกว่าการซ้อมรบเดือนเมษายน 2017 จะเกิดขึ้นหรือไม่
ความสัมพันธ์ทางทหารของ 2 ประเทศเริ่มกันมาตั้งแต่ปี 1951 โดยมีการซ้อมรบร่วมกันทุกปีมาเพราะเป็นพันธมิตรทางทหาร สหรัฐยึดครองฟิลิปปินส์ในฐานะเมืองขึ้นระหว่างปี 1898-1946 ต่อมาฟิลิปปินส์เข้าร่วมรบเคียงบ่าไหล่กับสหรัฐในสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังสงครามยุติจึงได้รับอิสระภาพ
ความบาดหมางระหว่างนายดูเตอร์เต้ต่อสหรัฐ มีขึ้นหลังจากเขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน เขาเองทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ว่าจะมีการปราบปรามอาชญากรรมและกลุ่มค้ายาเสพติดอย่างจริงจังในรอบ 6 เดือนแรก ตามรายงานระบุว่ามีผู้ถูกสังหารไปแล้วกว่า 3,700 คน ประเด็นนี้ทำให้องค์การสหประชาชาติ,สหรัฐอเมริกา,ประเทศตะวันตกและกลุ่มสิทธิมนุษยชนออกมาต่อต้านโดยระบุว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอีกทั้งไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องหรือเป็นการวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องสงสัย
เรื่องนี้ทำให้นายดูเตอร์เต้ไม่พอใจกลุ่มคนที่ออกมาวิจารณ์พร้อมกับด่ากราดนับตั้งแต่นายบัน คิ มูน ถูกต่อว่าเป็นคนโง่เง่า,นายบารัค โอบามา ถูกด่าว่าเป็น “ลูก...”หรือ“ลูก...”,นายจอห์น แครี่ รัฐมนตรีต่างประเทศเป็นคนบ้าและทูตสหรัฐประจำฟิลิปปินส์ถูกด่าว่าเป็นเกย์ลูก... เป็นต้น พร้อมกับบอกไปยังสหรัฐฯว่าไม่ต้องมาเลกเชอร์ฟิลิปปิปินส์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนเพราะทหารอเมริกันเองก็ละเมิดสิทธิมนุษยชนเมื่อ 100 ปีมาแล้วที่สังหารชาวฟิลิปปินส์มีการโชว์รูปภาพเป็นหลักฐานให้นักข่าวดูด้วย
“ตอนนี้ผมได้รับความนิยมที่คอยหวด(กลุ่ม)สิทธิมนุษยชนไปทั่วโลก”นายดูเตอร์เต้กล่าว โดยได้รับการตอบรับอย่างหนาแน่นจากชาวฟิลิปปินส์ในฮานอย
นายดูเตอร์เต้เข้าพบกับรัฐบาลเวียดนามวันที่ 29 กันยายนเพื่อพูดคุยกันถึงเสรีภาพทางทะเล,การเพิ่มสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการร่วมกันรักษาเสถียรภาพทางทหาร ทั้งนี้ฟิลิปปินส์และเวียดนามต่างก็มีปัญหาข้อขัดแย้งในทะเลจีนใต้กับประเทศจีนเหมือนกัน
นายดูเตอร์เต้พูดว่าเขากำลังสร้างพันธมิตรใหม่ทางการค้าและการพาณิชย์กับรัสเซียและจีน และก็ยังยึดมั่นในข้อตกลงทางความมั่นคงกับวอชิงตัน แต่ยังกล่าวว่าจะต้องถอนทหารอเมริกันหน่วยรบพิเศษออกจากทางใต้หรือบริเวณเกาะมินดาเนาของฟิลิปปินส์ อีกทั้งการลาดตระเวณร่วมในน่านน้ำทะเลจีนใต้กับสหรัฐต่อไปคงไม่มีโอกาสแล้วเพราะจะดึงฟิลิปปินส์เข้าไปสู่ความขัดแย้งกับจีน
อย่างไรก็ตามนายเพอร์เฟคโต้ ยาเซย์ จูเนียร์ รัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวว่าคำวิจารณ์ของนายดูเตอร์เต้ถูกถอดออกจากเนื้อความในภายหลัง พร้อมกับอธิบายว่าเรื่องนี้อาจเข้าใจผิดความหมายของนายดูเตอร์เต้คือการลาดตระเวณร่วมของฟิลิปปินส์กับสหรัฐจะต้องไม่ออกจากเขต 12 ไมล์ทะเลริมฝั่งฟิลิปปินส์ หากออกไปเกินกว่านี้เป็นน่านน้ำสากล โดยยอมรับว่านี่คือสิ่งที่ประธานาธิบดีพูดถึงด้วยการอ้างสนธิสัญญาป้องกันร่วม ( 1951 Mutual Defence Treaty)
การกล่าวของนายดูเตอร์เต้ถือว่าเป็นการแข็งกร้าวมากต่อพันธมิตรยาวนานกับสหรัฐ อีกทั้งสหรัฐเองก็หวังใช้ฟิลิปปินส์เป็นหลังอิงเพื่อสร้างความสมดุลย์ทางอำนาจกับจีนในเอเชียที่จีนกำลังเพิ่มอิทธิพลของตนเองมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ดุลย์อำนาจในเอเชีย-แปซิฟิกอาจเปลี่ยนแปลงไป
ที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐนายจอห์น เคอร์บี้ โฆษกกระทรวงฯกล่าวว่าเขาไม่ทราบที่ฟิลิปปินส์ให้ข้อสังเกตว่าจะยุติการซ้อมรบร่วมกัน
“สิ่งที่เราโฟคัสตอนนี้ก็คือความสัมพันธ์ในวันนี้และมองไปข้างหน้า”นายเคอร์บี้กล่าว “เรายังมีความเชื่อต่อไปว่าเป็นไปได้...เรามีความผูกมัดด้านความมั่นคงกับฟิลิปปินส์ เรายังยึดมั่นในความผูกมัดและมีความสัมพันธ์กับต่อไป”
Duterte declares upcoming Philippines-U.S. war games 'the last one'
https://www.yahoo.com/news/duterte-says-upcoming-philippines-war-games-u-last-143004467--business.html
Philippines' President Rodrigo Duterte (L) speaks during a meeting with members of the Filipino community in Vietnam in Hanoi. (AFP/Hoang Dinh Nam)