ก่อนจะมาเป็นพระพยอมนักเทศน์ชื่อดังที่แม้แต่คนเมายังสยบ
บอร์ด เรื่องตลก ขำขัน โพสท์โดย SandWhale
ชีวิตในวัยเด็ก |
ตอนเด็กๆ ก่อนที่จะเข้าโรงเรียน พ่อเปล่ง และแม่สำเภาจะฝากเด็กชายพยอม ไว้กับย่าบ้าง หรือไว้กับปู่บ้าง เพราะพ่อและแม่ต้องไปทำนาที่อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี แต่ก็มีบางครั้งที่พ่อและแม่จะพาไปด้วย เมื่อไหร่ก็ตามที่พ่อและแม่กลับมาที่บ้านสวน เด็กชายพยอมจึงจะได้มีโอกาสอยู่ร่วมกันอย่างพร้อมหน้า กับพ่อและแม่อีกครั้ง บ้านของย่าและบ้านกระต๊อบของพ่อเปล่งและแม่สำเภาอยู่ใกล้ๆ กัน แม่สำเภาเป็นคนที่เฉียบขาดมากในเรื่องที่ไม่ยอมให้ลูกๆ ทำผิด เช่น เมื่อครั้งที่เด็กชายพยอมเล่นสูบบุหรี่กับน้องโดยไม่ได้ใช้บุหรี่แท้ๆ แต่ใช้ใบตองและเอากาบมะพร้าวมามวนทำเป็นสูบเล่นๆ กับน้อง พอแม่สำเภากลับมาถึงบ้าน ก็ปรี่เข้าไปหาลูกพร้อมกับว่ากล่าวตักเตือน และทำโทษเด็กชายพยอม ตั้งแต่นั้นมาทุกคนรู้สึกเข็ด ไม่มีใครอยากสูบบุหรี่และดื่มเหล้าอีกเลย ความประหยัดและความขยันของแม่ เป็นสิ่งที่ท่านจำติดตาตรึงใจมาก ตกเย็น เด็กชายพยอมจะต้องคอยช่วยแม่สำเภาเย็บเสื้อผ้าที่ขาดๆ เด็กชายพยอมจะช่วยดึงขอบผ้า พอแม่เย็บมาถึงตรงมือที่ดึงขอบผ้าไว้ก็จะเลื่อนมือ แล้วแม่ก็จะเย็บตามไป ทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนเสร็จ อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ท่านคิดถึงแม่มากก็คือ ตอนที่นั่งกินข้าวด้วยกัน แม่ตักเจอไข่ปลา แม่บดให้น้องของท่าน ก็พูดว่า "แม่กินไข่ปลาไม่เป็นหรอ" แต่แม่สำเภากลับบอกว่า "กินเป็น แต่อยากให้...กิน จะได้โตเร็วๆ" ด้วยความเป็นคนประหยัด แม่สำเภามักจะเก็บเงินไว้ในลำไม้ไผ่ที่ปลูกเป็นหลังคาบ้าน หรือเรียกว่า "กลอน" สมัยนั้นไช้สตางค์รู แม่สำเภาจะเจาะแล้วเอาเลื่อยไปเลื่อยที่กลอน และเอาเงินซ่อนไว้ในนั้น แม่ตั้งใจจะปลูกบ้านให้ลูกมาก เพราะว่าบ้านเป็นกระต๊อบมุงจาก สิ่งที่แม่สำเภามุ่งมั่นที่สุดก็คือ ทำงานหนัก ฟันดินหาเงินตัวเป็นเกลียว เพื่อที่จะปลูกบ้าน ในที่สุดแม่สำเภาก็ล้มป่วยเมื่อใกล้จะครบกำหนดคลอดน้องคนที่ 11 และเสียชีวิตในเวลาต่อมา พอสิ้นแม่สำเภาแล้ว บ้านทรุดโทรมมาก จึงตัดสินใจรื้อบ้าน ปรากฎว่าสตางค์รูที่แม่สำเภาเก็บไว้ในกระบอกไม้ไผ่ร่วงลงมาเป็นตะกร้าเลย ซึ่งท่านยังคงจำได้ติดตาว่านี่คืออุบายของแม่ที่จะเก็บสตางค์ไว้ให้ลูก |
บรรพชาเป็นสามเณร |
บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดสังวรพิมลไพบูลย์ เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2502 ซึ่งเป็นช่วงที่โรงเรียนปิดเทอม ถือเป็นการบวชเณรหน้าไฟและจูงศพแม่เข้าเมรุ เป็นการบวชตามธรรมเนียม ตอนแรกสามเณรพยอม ตั้งใจจะบวชเพียง 7 วัน แต่ในที่สุดก็บวชได้นานถึงเกือบเดือน ขณะนั้นไม่ได้เล่าเรียนอะไรมากนัก เพราะไม่ได้เป็นฤดูเข้าพรรษา แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่สามเณรพยอมจำได้เป็นอย่างดีก็คือ "อย่าให้ศีลขาด" เคยมีโยมแก่ๆ คนหนึ่ง เห็นมะม่วงตก สามเณรพยอมก็เลยไปเก็บมะม่วงด้วย ระหว่างที่กำลังเก็บมะม่วงอยู่นั้น โยมแก่ๆ ได้ถอยมาโดน สามเณรพยอมจึงร้องไห้วิ่งไปหาหลวงพ่อ บอกหลวงพ่อว่า "ศีลขาดหมดแล้ว... โยมมาโดน โยมผู้หญิงมาโดน" หลวงพ่อหัวเราะ ซึ่งทำให้สามเณรพยอมรู้สึกงงมาก ว่าทำไมหลวงพ่อจึงหัวเราะ เพราะหลวงพ่อเคยบอกว่า ถ้าโดนผู้หญิงแล้วศีลจะขาด แล้วทำไมจึงมาหัวเราะอีก หลวงพ่อน่าจะตกใจรีบต่อศีลให้ ตอนนั้นสามเณรพยอมทราบแต่เพียงว่า จะรักษาศีลให้ดีที่สุด มีเณรอีกองค์หนึ่งที่เป็นเพื่อนกันและบวชพร้อมกัน ชอบเกเรและหาเรื่องอยู่เรื่อยๆ ทั้งๆ ที่สามเณรพยอมพยายามจะหลบไปนั่งเงียบๆ อยู่หลังวัดเป็นประจำ ไม่ค่อยออกมาข้างหน้าวัด |
ชีวิตในวัยรุ่น |
ตอนเป็นวัยรุ่น ชีวิตเริ่มมีปัญหา ที่ดินที่พ่อแม่ปลูกบ้านไว้นั้นเป็นของอา อามีลูกหลายคนมาก และจำเป็นจะต้องใช้ที่ดินผืนนั้นปลูกบ้านให้ลูกของเขา นายพยอมรู้สึกกลุ้มใจมาก จึงตัดสินใจขายบ้าน และเริ่มรู้สึกอายเพื่อนๆ เพราะเพื่อนๆ มักจะพูดว่า "แหม่...ไม่มีบ้านอยู่อีก จะไปอยู่ที่ไหน" |
เมื่อครั้งที่ไปทำงานกับหัวหน้าคนจีน ยังไม่มีความรู้เรื่องขนาดของไม้ว่าเป็นไม้ขนาดหน้ายกใด แต่ก็พยายามอดทน รับความรู้แบบครูพักลักจำมาเรื่อย จนกระทั่งค่าแรงที่ได้รับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก 18 บาท เป็น 23 บาท ทำให้เริ่มมีเครื่องมือต่างๆ เป็นของตนเอง เริ่มซื้อฆ้อน ซื้อเลื่อย เพื่อจะได้เป็นช่างให้ได้ เพราะเป็นช่างได้ค่าแรงมากกว่าเป็นจับกัง และเริ่มรับเหมางานเล็กๆ เมื่ออายุได้ประมาณ 18-19 ปี สมัยก่อนชาวมุสลิมชอบบ้านทรงไทยเก่าๆ จึงรับเหมารื้อบ้านแล้วขนขึ้นเรือแท็กซี่ ไปส่งที่พระโขนงบางครั้งได้กำไร แต่บางครั้งก็ขาดทุนจนเกือบจะหมดตัว ต้องจำนำฆ้อน จำนำเลื่อย กว่าจะไปไถ่ออกมาได้ เลือดตาแทบกระเด็น ดังนั้นเวลาที่พระพยอมเห็นคนตกงาน ท่านจึงคิดที่จะให้ความช่วยเหลือคนเหล่านั้น ต่อมานายพยอมได้เป็นผู้รับเหมา รับค่าแรงวันวันละ 50-60 บาท บางวันได้กำไรมากถึง 300-400 บาท เงิน 300 บาท ในสมัยนั้นเปรียบเสมือนกับเงินหมื่นในสมัยนี้ เริ่มรู้สึกสนุก นำเงินที่หามาได้ไปซื้อเรือหางยาวลำหนึ่งขับอย่างมีหน้ามีตา คนอื่นๆ รุ่นราวคราวเดียวกัน พอได้เงินมามักจะชอบพาผู้หญิงไปเลี้ยงไปเที่ยว แต่นายพยอมไม่เคยทำ เพราะฝังใจในเรื่องที่ญาติๆ มักจะพูดถึงคนอื่นๆ ในละแวกนั้นให้ฟังบ่อยๆ ว่า คนเหล่านั้นพอมีเงิน หาเงินมาได้ มักจะหมดเงินเพราะพาเพื่อนผู้หญิงไปเที่ยว ในสมัยที่เป็นวัยรุ่น ก็มีความรักแบบหนุ่มๆ สาวๆ อยู่บ้าง มีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บ้านติดกัน ทุกวันตอนประมาณ ตี 4 ตี 5 จะเห็นผู้หญิงคนนี้อยู่เป็นประจำ และได้ยินเสียงเขาตำน้ำพริกถี่ เสียงดังเป๊ก เป๊ก เป๊ก นายพยอมจึงนึกชอบมาก ตั้งใจว่าหลังจากบวชแล้วสึกออกมาแล้ว จะไปสู่ขอแน่นอน แต่พอดีบวชได้ไม่กี่วัน เขาก็แต่งงานไปเสียก่อน ตอนที่เป็นรองหัวหน้าคุมงานก่อสร้าง มีผู้หญิงที่ไปรับจ้างหิ้วปูนมาชอบหลายคน แต่นายพยอมไม่ได้คิดชอบพวกเขาในลักษณะนั้น เพราะมีความตั้งใจที่จะไปสู่ขอคนที่ชอบอยู่ก่อนแล้ว บ่อยครั้งที่พวกเขาชวนให้พาหนี แต่นายพยอมก็บอกกับเขาว่า ไม่ได้ เพราะแม่สำเภาเคยย้ำไว้ว่า ต้องบวชให้ได้เสียก่อน คำพูดเหล่านี้มีอิทธิพลมาก ด้วยความรักแม่ แม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม นายพยอมตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่ว่า ต้องบวชให้แม่ให้ได้เสียก่อน ถ้าไม่มีแม่พูดไว้อย่างนั้น อาจจะมีปัญหาเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่เขามีปัญหากัน |
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
กระทู้ที่มีคอมเม้นต์ล่าสุด

กระทู้ล่าสุด
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ








