บ้านแข็งแรง..รองรับเหตุแผ่นดินไหว
วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ มารับมือกับแผ่นดินไหวกันค่ะ เมื่อก่อนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวมาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ แต่เดี๋ยวนี้ก็มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นใกล้ ๆ ประเทศของเรามากขึ้น แค่อาฟเตอร์ช็อคก็ทำให้รู้สึกกลัวแล้วใช่ไหมคะ มาหาทางรับมือและป้องกันกันดีกว่าค่ะ !!
เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา กฎหมายอาคารไม่ได้บังคับให้มีการออกแบบต้านทานแผ่นดินไหว แต่ว่าปัจจุบันนี้มีกฎหมายอาคารประกาศเป็นกฎกระทรวงฉบับ พ.ศ. 2550 ที่บังคับให้อาคารจะต้องออกแบบให้ต้านทานแผ่นดินไหวได้
ลำดับแรกของการออกแบบอาคารให้ต้านทานแผ่นดินไหวได้ วิศวกรผู้ออกแบบจะต้องพิจารณารูปแบบของอาคารก่อน โดยการจัดให้อาคารมีลักษณะที่มีประสิทธิภาพในการต้านทานแผ่นดินไหวที่ดี ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้โครงสร้างอาคารมีการวิบัติในรูปแบบต่าง ๆ
ผังอาคารที่มีการวางโครงสร้างที่ดี ควรจะวางตำแหน่งเสาให้มีความสมมาตรในแกนหลักทั้งตามยาวและตามขวางของอาคาร หากเป็นอาคารสูงควรมีกำแพงรับแรงเฉือนหลายชิ้น วางในตำแหน่งที่กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอตลอดผังอาคาร
หลังจากที่รูปแบบของอาคารมีความเหมาะสม ลำดับต่อไปคือการออกแบบความแข็งแรงของโครงสร้างอาคารที่ทำหน้าที่หลักในการต้านทานแรงด้านข้างจากแผ่นดินไหวได้แก่ เสา นอกจากจะรับน้ำหนักบรรทุกปกติแล้ว เสาจะต้องมีกำลังรับน้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้นในขณะเกิดแผ่นดินไหว สามารถต้านทานแรงเฉือนจากแรงแผ่นดินไหวที่กระทำทางด้านข้างต่อเสาได้ และจะต้องมีขนาดหน้าตัดใหญ่พอที่จะไม่เคลื่อนตัวมากจนเกินข้อกำหนดในกฎหมาย ซึ่งกำหนดให้การเคลื่อนที่สัมพัทธ์ระหว่างชั้นไม่เกิน 0.5%
ทั้งนี้การเคลื่อนที่ของเสาที่มากเกินไป จะทำให้ผนังอาคารเกิดการแตกร้าวได้ ดังนั้นเสาอาคารต้านทานแผ่นดินไหวจะมีขนาดใหญ่กว่า และมีปริมาณเหล็กเสริมตามยาวของเสามากกว่า เพื่อรับน้ำหนักบรรทุกและการดัดตัวที่เพิ่มมากขึ้นรวมทั้งต้านการเคลื่อนที่ทางด้านข้างด้วย
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การจัดรายละเอียดการเสริมเหล็กให้โครงสร้างมีความเหนียวพอเพียงในการต้านทานแรงกระทำแบบไปกลับของแรงแผ่นดินไหว โดยการจัดปริมาณการเสริมเหล็กตามยาวและเหล็กปลอกที่โอบรัดรอบเหล็กเสริมตามยาวของเสาและคาน โดยเฉพาะบริเวณใกล้จุดต่อระหว่างเสาและคาน
เครดิต : THAIHOMEONLINE