ศรคีรี ศรีประจวบ ราชาเพลงหวานผู้ลาลับ
"แด่สุดรัก เธอเกิดมาเป็นผู้กล่อมโลก ฉันเป็นผู้ถ่ายทอดอารมณ์ บัดนี้เธอจากโลกไปแล้วเหลือเพียงเสียงเพลง ศรคีรี ศรีประจวบ ฉันเสียดาย เสียดายจริงๆ เพราะเธอควรจะอยู่กล่อมโลกให้นานกว่านี้"
.
คำอาลัยแด่ลูกศิษย์สุดที่รักของครูไพบูลย์ บุตรขัน นักแต่งเพลงชื่อดังที่มีต่อลูกศิษย์คนนี้ของตัวเองที่ต้องลาลับไปอย่างรวดเร็วทั้งที่กำลังโด่งดังเสียด้วยซ้ำไป หลายคนบอกว่า หากเขายังอยู่ตำแหน่งราชาเพลงลูกทุ่งคนต่อไปอาจจะเป็นเขาก็ได้
.
เรื่องราวของศรีคีรี ศรีประจวบ
.
ประวัติของศรคีรีนับได้ว่ามีความสับสนและเรียกได้ว่า มีการเล่ามาไม่เหมือนกัน แม้จะมีคำบอกเล่าจากทางตัวศรคีรีที่เล่าผ่านนิตยสารสมัยนั้นว่า
.
“บ้านเกิดผมเลขที่ 13 บ้านหนองอ้อ ต. บางกระบือ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม พ่อผมชื่อมั่ง แม่ชื่อเชื้อ ผมมีพี่น้อง 6 คน ผมเป็นคนสุดท้อง ชื่อจริงผม ชื่อ ศรชัย (น้อย) ทองประสงค์ เกิดวันที่ 4 มีนาคม 2478 ผมเรียนจบ ป.4 ที่โรงเรียนพรหมสวัสดิ์สาธร จบมาก็ช่วยแม่ปาดตาล (มะพร้าว) ปีนต้นตาลทุกวันมันเหนื่อยก็เลยหยุดพักบนยอดตาล เพื่อไม่ให้เสียเวลาผมก็ร้องเพลงบนยอดตาลจนหายเหนื่อยแล้วค่อยทำงานต่อ เพลงที่ชอบร้องก็มี "เสือสำนึกบาป", "ชายสามโบสถ์" เพราะตอนนั้นเพลงของคำรณ สัมบุญณานนท์ ฮิตเป็นบ้าเลย ตอนนั้นอยากเป็นนักร้องใจแทบขาด เวลาวงดนตรีของ พยงค์ มุกดา มาแสดงใกล้บ้าน ผมจะไปสมัครร้องให้คุณพยงค์ฟัง แกบอกว่าให้ไปหัดร้องมาใหม่ พยายามอยู่ 2 ครั้งครูพยงค์บอกว่ายังไม่ดี ผมเลยเลิกไปเอง จากนั้นพออายุ 20 ปี บวชได้พรรษาหนึ่งก็สึก พ่อแม่ผมไปซื้อไร่ที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โน่น ตอนนั้นเขากำลังทำไร่สับปะรดกัน"
.
กระนั้นเองบางกระแสก็บอกว่า เขามีรักครั้งแรกเป็นพิษ เพราะสาวที่ชอบถูกยกให้ไปแต่งกับชายอื่น เขาจึงหนีมาอยู่กับพี่ชายของเขาที่ประจวบคีรีขันธ์
.
แน่ล่ะว่า ทั้งสองประวัติแทบจะไม่เหมือนกัน หลายคนจึงบอกว่า ศรคีรีคือ นักร้องที่มีประวัติคลุมเครือที่สุด เช่นเดียวกับชีวิตของเขาที่เหมือนจะไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก
.
รู้แต่ว่าเขาเป็นนักร้องในวงรำวงวงหนึ่งด้วยเสียงที่แหลมและเสนาะไพเราะทำให้เขาโดดเด่นและมีโอกาสได้พบกับครูไพบูลย์ บุตรขัน ที่จะเป็นอาจารย์ของเขาในอนาคต
.
มีคนเล่าว่า กว่าที่ครูไพบูลย์จะยอมมอบเพลงให้กับศรคีรีร้องนั้น ตัวศรคีรีต้องเทียวไปเทียวมาขอเพลงครูหลายครั้งกว่า ครูจะใจอ่อนมอบเพลง น้ำท่วม ซึ่งกลายเป็นผลงานสร้างชื่ออันเกิดจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งทำให้เขาได้มีโอกาสร้องเพลงอื่น ๆ อีกหลายเพลง แม้จะมีเสียงละม้ายคล้ายคลึงกับรุ่งเพชร แหลมสิงห์ แต่เมื่อมาร้องเพลงแนวนี้ เขาจึงกลายเป็นนักร้องเพลงหวานไปชั่วบัดดล
.
ทว่า ความโด่งดังของศรคีรีนี้เองทำให้เขาไปพัวพันกับคดีฆาตกรรมนักร้องที่ชื่อว่า วิจิตร เลิศศิลปวิทยา เข้าพอดี แน่ล่ะว่า คดีนี้ทำให้ชื่อเสียงตกลงวูบไปชั่วขณะ กว่าจะใช้เวลาฟื้นขึ้นมาได้ก็ต้องใช้เวลาพอควร ซึ่งตอนนั้นเองที่เขาเริ่มได้เพลงอมตะอย่าง เสียงขลุ่ยเรียกนาง และ คิดถึงพี่ไหมมาร้อง
.
และทำให้ชื่อเสียงของเขากลับมาโด่งดังอีกครั้ง
.
ตำแหน่งราชาเพลงหวานจึงถูกยกให้เขาไปในทันที และหลายคนเชื่อว่า คงไม่มีใครหยุดยั้งความโด่งดังของเขาไปได้
.
แต่ใครจะคิดว่า ชีวิตความโด่งดังต้องจบลงในหลายปีต่อมา
.
วันที่ 30 มกราคม 2515 ศรคีรีเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 36 ปีเท่านั้นด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ที่จังหวัดกำแพงเพชร รถบรรทุกคันหนึ่งกระโดดลงมาทับรถยนต์ของเขาที่จอดงีบหลับอยู่ข้างทางพอดี รถกระแทกเข้ากับรถยนต์ของเขาทำให้ศรคีรีเสียชีวิตในทันที
.
หลายคนบอกว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะ คำสาบานของศรคีรีที่เกี่ยวข้องกับคดีฆ่านั้น เพราะ ก่อนหน้านั้นมีคนส่งพวงหรีดไปให้เขาระหว่างแสดงสดด้วยราวกับเป็นลางสังหรณ์ว่า จะเกิดเรื่องร้ายขึ้น
.
ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่า ความตายของศรคีรีเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือคำสาบานกันแน่
.
แต่สิ่งที่เรารู้คือ วงการลูกทุ่งได้สูญเสียนักร้องเสียงทองคุณภาพคนนี้ไปแล้ว
.
“คิดถึงพี่หน่อยนะกลอยใจเจ้า พี่ตรม พี่เหงา เพราะคิดถึงเจ้า เชื่อไหม
ฝากใจกับจันทร์ฝากฝันกับดาว ทุกคราวก็ได้ เราต่างสุขใจเมื่อคิดถึงกัน”
.
เหลือเพียงแค่บทเพลงและเสียงเพลงอันไพเราะที่ขับกล่อมเขาก็เท่านั้น