สปท.มีมติ 170 เสียง เห็นชอบรายงานพัฒนากลไกการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มุ่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
|
4 ก.ค. 59- ที่ประชุม สปท.มีมติ 170 เสียง เห็นชอบรายงานแผนปฏิรูปของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เสนอผลักดันร่าง พ.ร.บ.การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. ...หวังเป็นกลไกสำคัญในการจัดการทรัพยากรทางทะเลให้มีประสิทธิภาพ
ที่ประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มีมติเห็นชอบรายงานแผนการปฏิรูปของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม สปท. เรื่อง การพัฒนากลไกการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง : การผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ... ด้วยคะแนนเสียง 170 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง จากผู้เข้าร่วมประชุม 174 คน
โดยนางพรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์ ประธาน กมธ. พร้อมคณะได้กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหาเกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลทั้งจากภัยคุกคามภายในและภายนอกราชอาณาจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาในเขตทางทะเลที่มีลักษณะของภัยคุกคามที่หลากหลาย จนอาจส่งผลกระทบต่อขอบเขตอำนาจอธิปไตยที่ไทยจะต้องรักษาไว้ ดังนั้นจึงควรมีกฎหมายในการบูรณาการเกี่ยวกับการบริหารจัดการผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างยั่งยืน ซึ่งการมีกฎหมายว่าด้วยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจะเป็นกลไกสำคัญในการปฏิรูประบบการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลของประเทศ พ.ศ.2558- 2575 และสอดรับกับร่างแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี โดยสาระสำคัญในร่างกฎหมายดังกล่าว ประกอบด้วย 4 หมวด รวมทั้งสิ้น 38 มาตรา อาทิ การกำหนดให้มีคณะกรรมการที่ปรึกษาและจัดการความรู้เพื่อผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ทจชล.) และการกกำหนดโทษผู้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ ทจชล. ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ทั้งนี้เพื่อเป็นการบูรณาการและประสานการปฏิบัติงานในเขตทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านสมาชิก สปท.ส่วนใหญ่อภิปรายเห็นด้วยกับแผนปฏิรูปดังกล่าว อย่างไรก็ตามได้ฝากข้อเสนอแนะในหลายประเด็น อาทิ ต้องมีการรักษาทรัพยากรทางทะเลทั้งชายฝั่งทะเล ป่าชายเลน และคุ้มครองแหล่งก๊าซและน้ำมันในทะเล ขณะที่พื้นที่ชายฝั่งและทะเลต้องให้คนในพื้นที่ดูแล ส่วนทะเลลึกให้อยู่ในความดูแลของภาคราชการ อาทิ องค์การบริหารส่วนตำบล พร้อมทั้งเห็นควรให้มีการโอนอำนาจทางกฎหมายทั้งหมดไปที่กองทัพเรือเป็นหลักทั้งเรื่องความมั่นคงและการรักษาทรัพยากรทางธรรมชาติ เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลของประเทศมีความเป็นเอกภาพมากขึ้น
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง