อย่ามองข้าม !!! …ความเชื่อ “ลางบอกเหตุ” ที่คนโบราณว่าไว้ เราเตือนคุณแล้วนะ…!!!
เรื่องของความเชื่อ นั้น เป็นเรื่องที่อยู่คู่กับคนไทยมานานแสนนาน และเมื่อยุคเปลี่ยนไป ความคิดคนก็เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่วันนี้ เราจะนำเหล่าความเชื่อในยุคสมัยก่อนมาให้คุณได้ย้อนเวลากลับไปว่าคนสมัยก่อนนั้น เค้ามีความเชื่อเรื่องลางบอกเหตุอย่างไรกันบ้าง..???
1. ห้ามใส่ชุดสีดำไปเยี่ยมคนป่วย
เรื่องของการแต่งกาย ไปเยี่ยมคนป่วยนั้น คนโบราณถือนักถือหนาว่า สีดำ เป็นสีแห่งความทุกข์โศก ใช้ใส่เฉพาะงานศพเท่านั้น หรือหากจะใช้แต่งกายสีดำ ก็ไม่ควรเป็นสีดำทั้งชุด การใส่ชุดดำไปเยี่ยมคนป่วย หรืองานมงคล ก็เท่ากับว่า เป็นการแช่งหรือ เดาเหตุการณ์ล่วงหน้าให้ผู้ป่วยนั้นตายเร็วขึ้น
2.จิ้งจกร้องทัก ห้ามออกจากบ้าน
เรื่องบางเรื่องก็ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ อย่างเรื่องจิ้งจก ที่มักจะเกาะอยู่ตามฝาผนัง ของบ้าน ตามคำเชื่อของคนโบราณกล่าวว่า หากจิ้งจกร้อทัก จะกี่ครั้งก็ตาม ทว่าเสียงนั้นอยู่ด้านหลังหรือตรงศรีษะของคุณ ให้พยายามเลื่อนการเดินทาง เป็นเวลาอืน อาจจะเป็นภายในวันเดียวกันก็ได้
3.ตุ๊กแกร้องกลางวัน มีเหตุร้าย
ตามปกติแล้ว ปัจจุบันหากเราอาศัยอยู่ในเมืองก็มักจะไม่ค่อยได้พบเจอกับ เจ้า ตุ๊กแก สักเท่าไหร่ แต่ ถ้าวันดีคืนดี คุณเกิดได้ยินเสียงร้องของมันในเวลากลางวันขึ้นมาไม่ว่าจะร้องกี่ครั้งก็ตาม ให้ถือว่า เป็นการ บอกเหตุร้ายว่า กำลังจะเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว หรือภายในบ้าน ซึ่งโดย ปกติแล้วตุ๊กแกจะไม่ค่อยร้องในช่วยกลางวันอยู่แล้ว เพราะคนโบราณเชื่อว่าตุ๊กแกคือ ร่างที่วิญญาณของปู่ย่าตายายที่ตายไป แล้วมาอาศัยอยู่ คอยดูแลคุ้มครองเพื่อให้สัญญาณบอกเหตุแก่ลูกหลาน
4.กลางคืนได้ยินเสียงร้องเรียก ห้ามขานรับ
สำหรับบ้านในสมัยโบราณ ที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้สะดวกเหมือนในปัจจุบัน ค่ำลงต่างคนก็ต่างดับตะเกียงปิดไฟกันหมด คนโบราณจึงว่าไว้ว่า หากปิดบ้านแล้วมีเสียงคนมาร้องเรียก ให้เงียบเสีย เพราะนั่นเป็นเสียงของดวง วิญญาณ อาจจะมาหลอกมาหลอนก็เป็นได้ แต่หากมองกันให้ลึกลงไปอีก อาจเป็นการป้องกันขโมยมาเข้าบ้านในยามวิกาลก็เป็น
ได้ เพราะขโมยอาจมาหลายรูปแบบ บางคนก็ว่า หากมีเสียงเรียก แล้วยังขานรับ จะทำให้วิญญาณนั้นเข้ามาหรือเข้ามาในบ้านได้
5.เลขนั้นสำคัญฉไหน
เลขต่างๆ ตั้งแต่ 1 – 10 หรือแม้กระทั่งเลขเกิน 10 ก็ตามมีความเชื่อ ไปต่างๆกัน บ้างก็เหมือนกันแล้วแต่ความถูกโฉลกของแต่ละบุคคล นั่นเป็นความ เชื่อ เช่น บางคนไม่ชอบเลข 13 เพราะถือเป็นเลขของความโชคร้ายของฝรั่ง ซึ่ง จะสังเกตว่าตามตึกใหญ่สูงๆ ภายในลิฟต์จะไม่มีชั้น 13 เนื่องจากคนก่อสร้างหรือ สถาปนิกเป็นฝรั่ง
6.หวีหัก โชคไม่ดี
ความเชื่อสำหรับการใช้สิ่งของ เชื่อกันว่าหาก ในขณะที่กำลังสางหรือหวีผมนั้น แล้วหวีเกิดหักคาผมในขณะที่ยังหวีอยู่นั้น จะเกิดเรื่องไม่ตีตามมา อาจมีเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น สูญเสียของรัก หรือมีเรื่องทุกข์ร้อนใจให้หงุดหงิดได้ ให้นำหวีอันที่หักนั้นทิ้งไปเลย ไม่ให้เก็บไว้ใช้หรือนำไปซ่อม เพื่อเอากลับมาใช้ใหม่
7.มีกลิ่นธูป หมายถึงวิญญาณ
ในยามวิกาลเสียงเงียบสงัด เมื่อใดได้กลิ่นธูปลอยมา โดยที่ไม่มีใครจุดธูปใน บริเวณนั้นๆ เลย คนโบราณเชื่อกันว่า เป็นวิญญาณของญาติสนิทภายในครอบครัวมาหา จะเป็นเพราะคิดถึง ห่วงใยกันหรือด้วยเหตุใดก็ตาม ท่านให้คนที่ได้กลิ่นธูปนั้น จุดธูป 1 ดอก บอกเล่าให้ไปที่สงบๆ อย่ากังวลสิ่งใดที่จะทำให้วิญญาณไม่สงบสุขเลยบางคนอาจ ขอพรจากวิญญาณญาติสนิทนั้นให้ปกปักรักษา และให้โชคลาภด้วย แต่หากไม่มีญาติสนิทในระยะนั้นเสียชีวิต ก็เชื่อกันว่า อาจจะเป็นวิญญาณ พเนจรทั่วไป
8.ห้ามกวาดพื้นตอนกลางคืน
คนโบราณนิยมตื่นเช้ามาทำงานบ้านให้เสร็จ ไม่ว่าจะเป็นการหุงหาอาหาร เก็บกวาดบ้านเรือน ดูแลลูกเต้า จึงออกไปทำงานนอกบ้าน เมื่อกลับมาถึงบ้านก็อาบน้ำกินข้าว แล้วเข้านอนหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันจึงเชื่อกันต่อ ๆ มาว่า หากกวาดบ้านในยามวิกาล จะเป็นการกวาดเงิน กวาดทองออกจากบ้าน จะทำให้ขัดสนเงิน แต่หากต้องกวาดจริง ๆ ท่านก็ให้กวาดได้แต่ให้กวาดไปรวมกองไว้ที่หนึ่งภายในบ้าน ไม่ให้กวาดทิ้งไปนอกบ้านจนกว่าถึงเวลาเช้าเสียก่อน
10.ผึ้งทำรังในบ้าน มีโชค
โดยธรรมชาติแล้ว ผึ้งมักนิยมทำรังตามต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นหนาแน่น และอยู่ในที่ สงบไม่พลุกพล่าน แต่เมื่อใดที่ผึ้งมาทำรังในบ้านจะเป็นชายคาบ้าน ใต้หลังคาบ้าน บางบ้าน มีผึ้งมาทำรังถึงห้องน้ำก็มี ท่านว่าไว้ว่า อย่าไปไล่หรือทำลายเด็ดขาด จะทำให้เกิดความหายนะขึ้นกับครอบ ครัวเรือนนั้น เพราะผึ้งเป็นสัตว์นำโชค ให้ปล่อยผึ้งทำรังต่อไป เชื่อกันว่า ยิ่งรังใหญ่มาก เท่าใด ก็จะมีโชคลาภมากขึ้นเท่านั้น
11.ห้ามตัดผมวันพุธ
วันพุธห้ามตัดผม เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ห้ามกันนักห้ามกันหนาเชื่อกันว่า ตัดผม วันพุทธจะทำให้เกิดอัปมงคลกับชีวิตทีเดียว จะเห็นได้ว่า ร้านตัดผมมักจะปิดร้านในวัน พุธกัน บ้างก็อ้างว่า ตัดผมในวันพุธหัวกุดท้ายเน่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ควรเชื่อเสียบ้าง ตัดในวันรุ่งขึ้นก็คงไม่นานเกินรอไปได้
12. นกถ่ายรดศรีษะ จะมีโชคร้าย
ปกติแล้วนกนี่มันก็บินไปทั่ว ถ้าไม่ใช่นกเลี้ยง จะชอบมาบินเกาะบนท้องฟ้า ไม่ชอบมาอยู่กะคนเท่าไหร่และเมื่อใดที่คุณกำลังจะออกเดินทางแล้วจู่ๆ นกก็ถ่ายรดที่ศรีษะ คนโบราณว่าไว้ ให้หยุดการเดินทางทันที หรือเลื่อนกำหนดออกไปวันรุ่งขึ้นไม่เช่นนั้นอาจได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุได้ ในกรณีเดียวกัน หากอยู่ในบริเวณบ้าน นกบินมาถ่ายรดศีรษะซึ่งโอกาสจะมีน้อยมากแต่หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็ให้เตรียมตัวรับเหตุการณ์ได้เลยเพราะจะต้องมีเรื่องเดือดร้อนใจ หรือเกิดเหตุร้ายกะตัวเองแน่นอน
13.ไทยเล็ก เจ็กดำ คบบ่ได้ จริงหรือ?
โบราณท่านว่าไว้ว่า คนที่มีลักษณะดังต่อไปนี้คบยากเหลือเกิน หากเป็นคนไทยก็ต้องตัวไม่เล็กแคระแกรน เนื่องจากคนไทยในสมัยโบราณตัวใหญ่ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย หาคนตัวเล็กมีน้อยมาก และถ้าเป็นคนจีนก็ต้องตัวไม่ดำ 「ไทยเล็ก เจ็กดำ」 จึงติดปากมาจนทุกวันนี้ แต่หากจะพิจารณากันให้ ถ่องแท้ คงจะต้องดูที่นิสัยรวมไปด้วย นั่นเป็นเพียงแต่การสันนิษฐานเบื้องต้นให้ได้ยินเท่านั้น ก็ลองใช้ดุลพินิจดูว่า จะเป็นจริงตามที่ท่านกล่าวมาไว้หรือไม่ ทั้งนี้ คำกล่าวที่ว่า ไม่ได้รวมหมายถึง การงานของเขาเหล่านั้น ท่านหมายแต่เพียงว่า มักจะมีนิสัยออกไปทางคนโกงเจ้าเล่ห์เพทุบาย เอาเปรียบประมาณนั้น
14.คนหลายเสียงคบไม่ได้
คนทั่วไปตามปกติแล้ว หากไม่มีเสียงธรรมดาแล้ว ก็อาจจะมีเสียง แหลมเล็ก หรือทุ้มใหญ่ไปเลย คนโบราณกล่าวไว้ว่า
หากคนใดมีหลายเสียงในขณะที่พูดคุยตามปกตินั้น เป็นคนคบยาก เพราะเท่ากับว่า หาความแน่นอนอะไรไม่ได้ แม้แต่เสียงของตัวเองยังบังคับให้อยู่ในระดับเดียวกันไม่ได้เลย ขณะพูดคุย เดี๋ยวทำเสียงสูง เสียงต่ำ เสียงใหญ่ เสียงเล็กไปเรื่อย แต่คนในลักษณะนี้หายาก และในเมื่อหายาก ก็ดูจะยิ่งเพิ่มความขลังให้ความเชื่อนี้แม่นยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าเจอก็ให้ห่างๆ ไว้เป็นดี
15. คนหัวล้านมักเจ้าชู้และเจ้าเล่ห์
คำกล่าวนี้ได้ต้นแบบมาจากขุนช้างในวรรณคดี เนื่องจากขุนช้างเป็นคนเจ้าชู้ มีการแย่งหญิงสาวอันเป็นคนรักของขุนแผน โดนขุนช้างใช้เล่ห์ทุกวิถีทาง เพื่อหลอกให้คนรักของขุนแผน มาอยู่กับตน ฉะน้ันผู้ที่มีลักษณะเช่นเดียวกับขุนช้างคือ หัวล้าน มีรูปร่างอ้วน ท้วม ขาวนั้น จะต้องมีนิสัยเช่นเดียวกับขุนช้างเสมอไป
16. ตาเขม่น
ฮิต ฮิต ฮิต เรื่องตาเขม่นตามความเป็นจริงแล้ว เขม่นได้หลายส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปาก แขน ขา หรือแม้กระทั่งตา ดังนั้นการเขม่นตาจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วงคือ หากเขม่นตาในช่วงเช้า – บ่าย คนโบราณกล่าวไว้ว่า หากเป็นข้างขวาจะมีโชคลาภ ได้รับข่าวดี เรียกว่า จะสมหวังในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่คอย และหากเขม่นที่ตาซ้าย ท่านว่าจะมีเคราะห์ โชคร้ายผิดหวังเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน เช่น มีการทะเลาะกันเกิดขึ้น หรือจะต้องสูญเสียของรักบางอย่างไป ถ้าเขม่นตาไม่ว่าจะเป็นข้างซ้ายหรือข้างขวาในช่วงเวลาเย็นถือว่ามีโชคมีลาภ จะได้พบญาติสนิทมิตรรักเดินทางมาหาแต่ถ้าเป็นในช่วง กลางคืน การเขม่นตาขวาจะได้ดี จะมีเคราะห์มีเหตุร้ายเกิดขึ้น ตรงกันข้าม ถ้าหากเขม่นตาซ้าย จะมีโชคลาภจากเพื่อน จะสมหวังสิ่งที่รอคอย เรียกว่า ขวาร้าย-ซ้ายดีการเขม่น
17. ห้ามเผาศพวันศุกร์
คนโบราณถือว่า 「เผาศพในวันศุกร์ให้ทุกข์กับคนเป็น」 และโดยปกติทั่วไปจะสังเกตว่า ไม่มีผู้ใดเผาศพในวันศุกร์ให้เห็นเลย เพราะเชื่อกันว่าวันศุกร์เป็นวันแห่งโชคลาภวันแห่งความร่มเย็นเป็นสุข เหมาะที่จะมีงานมงคลมากกว่างานเผาศพนะ
18. มือชนกันขณะกินข้าว จะมีแขกมาเยือน
ในสมัยโบราณ ไม่มีการติดต่อสื่อสารที่สะดวกเหมือนปัจจุบันการโทรศัพท์ก็ยังไม่มีใครรู้จักนัก เพราะฉะนั้นเวลาจะนัดหมายกับใครรู้จักนัก เพราะฉะนั้นเวลาจะนัดหมาย กับใคร สักคนก็เป็นไปได้ยาก จะต้องพบกันแล้วนัดหมายในครั้งนั้น กันไปเลยแต่คนโบราณใช้วิธีการสังเกตความเป็นไปได้ว่า ในขณะที่นั่งล้อมวงรับประทานอาหารกันนั้น หากมี 2 คน ในวงเอื้อมมือไปหยิบอาหารพร้อมกัน และชนกันที่กลาง สำรับอาหาร เชื่อว่าจะต้องมีแขกมาเยือนกันถึงเรือนชานอย่าง แน่นอน ไม่วันนี้ก็เป็น พรุ่งนี้ ก็จะมีการเตรียม ข้าวปลาอาหารรอต้อนรับ และก็เป็นเช่นนี้ทุกครั้งไป
19. มีปาน แสดงว่าเคยเกิดมาแล้ว
เด็กทารกคนใดที่เกิดมาแล้วมีปานหรือเรียกว่า มีตำหนิ ในส่วนใดส่วน หนึ่งของร่างกาย คนโบราณถือว่า ได้เกิดมาแล้วชาติหนึ่งและถูกป้ายด้วยของ ทำเป็นตำหนิเอาไว้ หากเป็นปานแดง ก็เชื่อกันว่า ถูกป้ายด้วยปูนแดงและหากเป็นปานดำ ก็เชื่อกันว่าถูกป้ายด้วยถ่านเพราะถ้าหากมีบุญจริง อาจจะพบกันชาติหน้าและจำกันได้ โดยให้สังเกตจากตำหนิ นั่นเอง