หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

“เปิดแฟ้มบ้านผีสิงแห่งเอนฟิลด์” เรื่องจริงจากหนัง The Conjuring 2

โพสท์โดย ทิมมี่ ทิมมี่

== The Enfield Poltergeist ==

เรื่องราวลึกลับนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 1977 ณ บ้านเลขที่ 284 ถนน Green Street เมือง Enfield (เอนฟิลด์) ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อครอบครัว Hodgson (ฮอดจ์สัน) ได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ โดยสมาชิกในครอบครัวประกอบไปด้วย เพ็กกี้ (ผู้เป็นแม่) , มาร์กาเร็ต (ลูกสาวคนโต อายุ 13 ปี) , เจเน็ต (ลูกสาวคนกลาง อายุ 11 ปี) , จอห์นนี่ (ลูกชาย อายุ 10 ขวบ) และบิลลี่ (ลูกชายคนสุดท้อง อายุ 7 ขวบ)

เด็กสาววัย 11 ปี ถูกมือที่มองไม่เห็นกระชากร่างออกจากเตียงนอน ลอยหมุนคว้างกลางอากาศต่อหน้าพยานหลายคนที่เห็นเหตุการณ์ประหลาดจากทั้งในบ้านและนอกบ้าน

มาร์กาเร็ต (เพ็กกี้) ฮอดจ์สัน (Margaret (Peggy) Hodson) แม่ม่ายผัวทิ้งวัยกลางหลักสี่ และลูก ๆ 4 คน อาศัยอยู่ในบ้านเช่าหลังเก่าขนาด 2 ชั้น 3 ห้องนอน อายุหลายสิบปี บนถนนกรีนในเมืองแอนฟิลด์ ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน
มาร์กาเร็ต ลูกสาวคนโตชื่อเดียวกับแม่อายุ 12 ปี นอนห้องเดียวกับเจเน็ตลูกสาวคนรองวัย 11 ปี จอห์นนี่ลูกชายวัย 10 ปี นอนห้องเดียวกับบิลลี่ลูกชายคนสุดท้องอายุ 7 ปี ส่วนมาร์กาเร็ตคนแม่นอนห้องนอนใหญ่เพียงคนเดียว

บ้านเช่าหลังนี้ไม่ใช่บ้านเดี่ยวเดียวดายตั้งอยู่ห่างไกลผู้คนเหมือนฉาก น่ากลัวในหนังสยองขวัญ หากแต่มันปลูกสร้างอยู่ในเขตชุมชนมีบ้านเรือนขนาบซ้ายขวาและฝั่งตรงกันข้าม อีกทั้งยังมีถนนสายใหญ่ตัดผ่านหน้าบ้าน หากไม่ปิดม่านผู้คนที่สัญจรผ่านไปมามองผ่านหน้าต่างกระจกสามารถเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในบ้านได้อย่างสะดวก

จากบทสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ “Enfield Poltergeist” ของ Daily Mail Online ฝันร้ายของครอบครัว เริ่มขึ้นกลางดึกวันที่ 30 สิงหาคม 1977 “มีเสียงเดินลากขาดังลงมาจากชั้นสองของบ้าน ตอนแรกฉันนึกว่าเด็ก ๆ คงวิ่งเล่นกันตามประสา พอเดินขึ้นมาประตูห้องของลูก ๆ ดันล๊อค เหมือนกับมีพลังงานบางอย่างพยายามกักขังพวกเขา”

ดูเหมือนว่า สถานการณ์จะเริ่มหนักข้อขึ้น "เสียงเคาะประหลาด" ดังออกมาจากด้านในของฝาผนังบ้าน

Hodgson ผู้เป็นแม่วิ่งขอความช่วยเหลือจากสองสามี-ภรรยาเพื่อนบ้าน ผู้ให้สัมภาษณ์กับ Daily Mail Online ภายหลังว่า "เหมือนเสียงดังมาจากรอบบ้าน ทั้งจากผนัง ทั้งจากห้องนอน มันน่ากลัว จนรู้สึกขนลุก"

เหมือนมี “ใครอีกคน" อยู่ในบ้านหลังนี้ เฝ้ามองพวกเขาอยู่บน "เก้าอี้" ที่ตั้งอยู่ชั้นล่างของบ้าน

ปัญหาเริ่มขยับ ทว่านายตำรวจทั้งสองกลับปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ อ้างว่า "เหตุการณ์ประหลาดเกินกว่าจะจัดการ" ปล่อยแม่-ลูกทั้งหมดเผชิญเหตุการณ์เพียงลำพัง

สื่อมวลชนของอังกฤษตีข่าว เรื่องราวบ้านผีสิงของครอบครัว Hodgson อย่างกว้างขวาง ความกดดันจากสังคมรอบข้างว่าเป็นเรื่องหลอกหลวงและความกลัวจากภูตผีปีศาจเข้าครอบงำทุกคนในครอบครัว

Janet Hodgson ถูกเพื่อนล้อว่า “นังหน้าผี” จนกระทั่งเธอเริ่มมีอาการเหมือนคนถูก “ผีเข้า”

ผู้สื่อข่าวดักลาส เบนซ์ (Douglas Bence) และช่างภาพ เกรแฮม มอร์ริส (Graham Morris) ได้รับอนุญาตให้สังเกตการณ์ภายในบ้าน หลังจากเวลาผ่านไปหลายขั่วโมงแต่ไม่มีสิ่งผิดปรกติใดๆเกิดขึ้น พวกเขาก็ขอตัวกลับ

ยังไม่ทันที่ทั้ง 2 คนจะเดินถึงรถ สิ่งของในบ้านก็ลอยว่อนขึ้นกลางอากาศ เพ็กกี้ตะโกนเรียกนักข่าว พวกเขารีบวิ่งกลับมาที่บ้าน เกรแฮมหยิบกล้องขึ้นถ่ายภาพ มันเป็นวินาทีเดียวกับที่ตัวต่อเลโก้ชิ้นหนึ่งลอยมากระแทกเข้ากลางหน้าผาก ของเกรแฮม แล้วเหตุการณ์ก็กลับคืนสู่ปรกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้

เกรแฮมนำฟิล์มไปล้าง แต่จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ช็อตที่เขากดถ่ายภาพตัวต่อเลโก้ลอยเข้ามาหานั้นเป็นรูโบ๋ ไม่มีภาพใดๆปรากฏอยู่บนแผ่นฟิล์ม ถึงกระนั้นคำยืนยันของผู้สื่อข่าวและช่างภาพทำให้จอร์จ ฟาลโลว์ (George Fallows) ผู้สื่อข่าวอาวุโสของเดลิมิร์เรอร์ ให้ความสนใจจะเข้ามาทำข่าวนี้ด้วยตัวเอง

จอร์จแนะนำเพ็กกี้ให้ไปขอความช่วยเหลือจากสมาคมวิจัยเหตุการณ์เหนือ ธรรมชาติ (Society for Psychical Research) มอริซ กรอสส์ (Maurice Grosse) เดินทางมาสังเกตการณ์เมื่อวันที่ 5 กันยายน 1977



สามวันแรกไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งเวลา 22.00 น. คืนวันที่ 8 กันยายน จอร์จและมอริซได้ยินเสียงโครมดังมาจากห้องนอนของเจเน็ต พวกเขารีบวิ่งขึ้นไปดูก็พบว่าเก้าอี้ถูกเหวี่ยงไปคะมำอยู่ที่ปลายเตียง แต่เด็กๆยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง

นับตั้งแต่นั้นมา มอริซก็ได้พบเหตุการณ์ประหลาดหลายครั้ง ลูกแก้ว ตัวต่อเลโก้ ลอยอยู่กลางอากาศ ลิ้นชักตู้เปิดเอง ประตูเปิดเอง ปิดเอง และบางครั้งเขารู้สึกว่าลมแผ่วพัดกระทบต้นขาไล่ขึ้นไปจนถึงศีรษะ เมื่อผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมวิจัยเหตุการณ์เหนือธรรมชาติและผู้สื่อข่าวอาวุโส ยืนยัน เดลิมิร์เรอร์ก็นำเรื่องราวลงพาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง ทำให้สถานีวิทยุ London Based Station (LBC) และ BBC สนใจส่งผู้สื่อข่าวมาร่วมสังเกตการณ์

ดูเหมือนเหตุการณ์ประหลาดจะเกิดขึ้นกับเจเน็ตบ่อยครั้งมากกว่าคนอื่นๆใน บ้าน แขกไม่ได้รับเชิญแสดงตัวด้วยการสื่อสารผ่านทางเจเน็ต โดยบอกว่าเขาชื่อ “บิล” อายุ 72 ปี เสียชีวิตด้วยอาการเส้นโลหิตในสมองแตกขณะนั่งบนเก้าอี้ในห้องรับแขก บิลกล่าวว่าเขากลับมาหาครอบครัว แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ในบ้านนี้แล้ว

กายพยายามจับผิดเจเน็ตด้วยการให้เธออมน้ำเอาไว้ในปากแล้วเอาเทปกาวปิดปาก เจเน็ตอีกที แต่เจเน็ตก็ยังสามารถพูดด้วยน้ำเสียงของชายสูงวัยได้ หลังจากแกะเทปกาวออกจากปาก เจเน็ตก็บ้วนน้ำที่อมไว้ออกมาให้เห็นว่าเธอไม่ได้แอบกลืนน้ำลงคอ ต่อมาภายหลังพบว่าเคยมีคนชื่อบิลอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้และเขาเสียชีวิตด้วย อาการเส้นโลหิตในสมองแตกบนเก้าอี้ตามที่กล่าวอ้างจริง



แนะนำให้ฟังคลิปเสียงที่บันทึกได้จากเหตุการณ์จริง

หลังจากกายและมอริซพยายามจับผิดครอบครัวฮอดจ์สันนาน 14 เดือนโดยไม่พบหลักฐานการหลอกลวง พวกเขาก็ยุติการสืบสวนและสรุปว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติของจริ

อย่างไรก็ตาม วันที่ 12 มิถุนายน 1980 เจเน็ตสารภาพในรายการโทรทัศน์ ITV News ว่าระหว่างการสืบสวนระยะเวลา 14 เดือน เธอแกล้งทำผีหลอก 2-3 ครั้ง เพราะเธอรู้สึกเอือมระอากับหมอผีที่เฝ้าจับผิดเธอทุกฝีก้าวเหมือนกับเธอเป็นหนูทดลอง แต่ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้เลยแม้แต่น้อย ส่วนนอกเหนือจาก 2-3 ครั้งที่กล่าวมาเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น เหตุการณ์ปิศาจแห่งเอนฟิลด์จึงยังคงเป็นหนึ่งในเรื่องที่ยังหาคำตอบให้ไม่ได้

ตลอดระยะเวลา 14 เดือนมีเจ้าหน้าที่ทีมวิจัยเรื่องจิตวิญญาณ เดินทางมาตรวจสอบเป็นจำนวนมากกว่า 120 ครั้ง จนเรื่องถึงหูของเอ็ดและลอเรน 2 สามี-ภรรยา นักปีศาจวิทยา จึงได้เดินทางมาดูเหตุการณ์

ความสนใจของผู้คนต่อเหตุการณ์ The Enfield Poltergeist ค่อย ๆ จางหาย ตามกาลเวลา ทว่ายังคงมีสิ่งอื่น ๆ ท้าทายครอบครัวนี้อยู่

Johnny Hodgson น้องชายคนกลางเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ตั้งแต่อายุ 14 ขวบ

Janet Hodgson แต่งงานออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 16 ณ วันที่ The Conjuring 2: The Enfield Poltergeist ออกฉาย เธออายุ 46 ปี ก่อนหน้านี้เธอสูญเสียลูกชายวัย 18 ปี ด้วยอาการไหลตาย ขณะนอนหลับ

ส่วน Billy Hodgson น้องชายคนสุดท้องยังคงอาศัยอยู่บ้านหลังนี้กับผู้เป็นแม่ จนกระทั่งแม่เสียชีวิต "บนเก้าอี้ตัวเดียวกับที่ Bill Willkins ตาย" จึงย้ายออกจากบ้านเป็นคนสุดท้าย



บ้านจึงเปลี่ยนมือมาสู่ครอบครัว “Bennett” พร้อมกับลูกชายวัยกำลังซนอีก 4 คน หลังจากนั้นเพียง 2 เดือน พวกเขาย้ายออกจากบ้าน เหตุการณ์ประหลาดที่เคยเกิดขึ้นกับครอบครัว Hodgson เกิดขึ้นกับครอบครัว Bennett เช่นเดียวกัน



ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 6 ฉบับ 275 วันที่ 4-10 กันยายน พ.ศ. 2553 หน้า 42 คอลัมน์ ร้ายสาระ โดย ศิลป์ อิศเรศ

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ทิมมี่ ทิมมี่'s profile


โพสท์โดย: ทิมมี่ ทิมมี่
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
25 VOTES (4.2/5 จาก 6 คน)
VOTED: thitapa, แม่หมูอุ๊, Punthorn
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
พิซซ่าหน้ากบ พิซซ่าหน้าเต่าของพิซซ่าฮัทแก๊งน้ำไม่อาบ ประสบอุบัติเหตุสังเวยชีวิตแล้ว 6 ราย หลังชนท้ายรถพ่วงและร้านค้าของชาวบ้านหนุ่มเดินขายลอตเตอรีระหว่างขึ้นภูกระดึง ได้เที่ยว ได้ตังค์ นี่มัน work and travel ของแท้“ น้ำ ”เบอร์ 2 ประกาศชัยชนะนายก อบจ.นครศรีธรรมราช หลังคะแนนนำโด่งกว่า 3 แสน10 ความจริงที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับน้ำดื่ม ที่จะเปลี่ยนวิธีคิดของคุณไปตลอดกาล
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
แฮกเกอร์ไทยสร้างตำนาน!เห็นชื่อทีมแล้วพีค พิธีกรอ่านทีลุ้นตามกันทั้งงาน"พชร์" ลั่น! เรื่องของxึง xูไม่เสือxก็ได้..หลังจะช่วยเคลียร์ใจ "มอส-เต๋า" ทะเลาะกันเจ้าอาวาสหลับลึกเกิน ปลุกกันทั้งวัดก็ยังไม่ตื่น ถึงกับต้องงัดประตูไปช่วย ลูกศิษย์บอกเพราะท่านหูตึงแก๊งน้ำไม่อาบ ประสบอุบัติเหตุสังเวยชีวิตแล้ว 6 ราย หลังชนท้ายรถพ่วงและร้านค้าของชาวบ้าน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด เกย์
เอริค Werewolf หนุ่มกล้ามโต ลีลาเด็ด เป้าตุง เซ็กซี่ ยั่วยวน ไม่ธรรมดาออสก้า ธนัช Oscarland นายแบบ เน็ตไอดอล หนุ่มหล่อ หุ่นแน่น ผิวเนียนลูกบาส bas nattpol หนุ่มหล่อ หน้าใส ดาวทวิต เป้าตุง ลีลาเด็ด สุดแซ่บกลอฟ์ satit yodsane นายแบบ หุ่นแซ่บ สักลาย กล้ามแน่น เป้าตุง
ตั้งกระทู้ใหม่