มีเงิน 2 ล้านบาท คุณสามารถเปลี่ยนกระปู๋ได้ใหม่ ด้วยนวัตกรรมความก้าวหน้าทางการแพทย์อันสุดล้ำ
Sarikahappymen
ผ่าตัดเปลี่ยนจู๋ได้แล้วนะครัช
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่อเมริกากำลังฮือฮาเกี่ยวกับการผ่าตัดชนิดนึง ซึ่งเหมือนเป็นความหวังใหม่ของผู้ชายเลยนะครับ
นั่นคือทีมแพทย์จากมหาวิทยาลัย Massachusetts General Hospital ในเมือง Boston ได้ทำการผ่าตัดปลูกถ่ายจู๋ใหม่ให้กับคนไข้เมื่อวันที่ 15 พค.ที่ผ่านมา ซึ่งคนไข้ผู้โชคดีรายนี้ได้ถูกตัดจู๋ไปเพราะโรคมะเร็งเมื่อประมาณ 4 ปีก่อน ซึ่งการรักษาโรคมะเร็งจู๋นี้ วิธีที่ดีที่สุดคือการผ่าตัดจู๋ออกทั้งหมดนะครับ ซึ่งหมอก็รู้ว่าจะสร้างความเจ็บปวดร้าวรานให้กับผู้ชายมาก ๆ แต่ทำอย่างไรได้ ต้องรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน ซึ่งคนไข้รายนี้ก็อยู่แบบไม่มีจู๋มา 4 ปี แต่แล้ววันนึงก็เหมือนมีแสงสว่างเกิดขึ้นที่ปลายอุโมงค์
คือทางการแพทย์สามารถคิดวิธีการผ่าตัดปลูกถ่ายจู๋จากผู้เสียชีวิตให้กับคนไข้รายนี้ ซึ่งก็เหมือนการปลูกถ่ายไต ปลูกถ่ายปอด หัวใจที่ปัจจุบันทำกันมากขึ้น โดยหลักการก็คือมีผู้ที่เสียชีวิตที่ก่อนตายได้แสดงเจตจำนงในการบริจาคอวัยวะต่าง ๆ เช่นดวงตา ไต หัวใจ ปอด อะไรแบบนี้ครับ ซึ่งเมืองไทยก็มีผู้ใจบุญแสดงเจตจำนงไว้กับทางกาชาดอยู่เป็นจำนวนมาก และล่าสุดครั้งนี้ก็มีการเอาจู๋ของผู้บริจาคมาต่อได้ด้วย ทำให้คนไข้รายนี้ซึ่งกำลังสิ้นหวังได้ถูกคัดเลือกและได้รับการผ่าตัดออกมาซึ่งก็ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี ได้กลายเป็นคนไข้คนแรกของอเมริกาที่ได้รับการผ่าตัดวิธีนี้ครับ
ง่ายไหม ไม่ง่ายครับ การผ่าตัดนี้ใช้เวลาทั้งหมด 17 ชม. หมอศัลยแพทย์ 7 คน ค่าใช้จ่ายประมาณ 2 ล้านกว่า ซึ่งหลักการก็คือต่อเส้นเลือดดำ ต่อเส้นเลือดแดง ต่อเส้นประสาท ต่อท่อปัสสาวะ และที่สำคัญคนไข้รายนี้หลังผ่าตัดต้องทานยากดภูมิคุ้มกันไปตลอด สาเหตุก็เพราะปกติร่างกายทุกคนจะสร้างภูมิคุุ้มกันต่อต้านอวัยวะของคนอื่น เหมือนคนไข้เปลี่ยนไต แบบนี้แหละครับ จึงต้องทานยาไปตลอดชีวิต
ถามว่าแล้วใช้งานได้ไหม อันนี้ทีมแพทย์ที่ทำการผ่าตัดเค้าเชื่อว่าน่าจะได้นะครับ เพราะมีการต่อเส้นประสาทให้ได้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ระยะยาวก็ต้องติดตามต่อไป
ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกนวัตกรรมความก้าวหน้าทางการแพทย์นะครับ ที่เป็นความหวังใหม่ของคนไข้ เพราะในแต่ละปีอเมริกามีคนไข้ที่ต้องตัดจู๋จากมะเร็งปีละหลักพันคนเลย (เมืองไทยมากกว่านี้เยอะนะครับ แค่รพ.ผมก็ปีละเป็นสิบแล้ว) และคนไข้อีกกลุ่มนึงที่เป็นโอกาสของเค้าคือพวกคนไข้ทหารที่สูญเสียจู๋ไปจากออกรบในสงครามครับ ในอเมริกามีคนไข้กลุ่มนี้เกือบ 1300 คนเลยทีเดียว และทั้งหมดอายุน้อยกว่า 35 ปีด้วย ซึ่งคนไข้กลุ่มนี้ปัจจุบันเค้าต้องสูญเสียความมั่นใจและโอกาสในการมีความสุขจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ดังนั้นถ้าการผ่าตัดเปลี่ยนจู๋ครั้งนี้สำเร็จผ่านไปได้ด้วยดี ก็เหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เลยครับ
ส่วนคนทั่วไปหละจะรู้ไปทำไม ก็คือเอามาบอกหนุ่มๆไทยครับ ว่ามะเร็งจู๋ มีจริง ตัดจริง กุดจริง และถ้าถูกตัดหวังจะต่อ ค่าผ่า 2 ล้าน คิดว่าบัตร 30 บาทน่าจะไม่ออกให้แน่นอน ฉะนั้นเราก็ต้องป้องกันตัวเองจากมะเร็งจู๋ซะ ซึ่งจริงๆก็ง่ายมาก คือล้างให้สม่ำเสมอ หัวเปิดไม่ได้ก็ไปขริบ ไม่ฉีดสารแปลกปลอมแหกตาเข้าไปในจู๋เพื่อหวังใหญ่ จะได้ไม่ต้องถูกตัดแล้วมานั่งรอความหวังให้คนมาบริจาคจู๋ให้ภายหลังครับ
https://www.bostonglobe.com/lifestyle/health-wellness/2016/05/16/mass-general-performs-first-penis-transplant/NAMdBltZm4YzDMe5WrAxxI/story.html
http://www.nytimes.com/2016/05/17/health/thomas-manning-first-penis-transplant-in-us.html?_r=0