เกร็ดน่ารู้ดาราฮอลลีวูด ตอน 2
= เรื่องลับของ โจลี่ กับ เด็ปป์ =
.
________________________________
.
The Tourist เป็นหนังที่ถูกคาดการณ์ล่วงหน้าไว้หลายๆอย่างว่านี่จะเป็นหนังที่นักวิจารณ์ต้องยกนิ้วให้ รายได้ทั่วโลกต้องสั่นสะเทือน เพราะนี่คือการนำเอาน้ำมันอย่าง จอห์นนี่ เด็ปป์ มาวางใกล้ไฟอันร้อนรุ่มอย่าง แองเจลีน่า โจลี่ ทั้งคู่เป็นมวยที่ถูกจับตาว่าต้องมีนอกมีในกลางกองถ่ายแน่ๆ แบรด พิตต์ เตรียมตัวเซ็นต์ใบหย่าได้เลย เพราะฉายานางเอกบ้านแตกมันไม่ใช่ได้มาแบบไม่มีมูล
.
เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ แองจี้ เริ่มเบื่อหน่ายผัวอย่าง แบรด พิตต์ ที่เดินอ้วนไปอ้วนมาอยู่ในบ้าน น้ำท่าไม่อาบ หนวดเคราไม่โกน หำเหม็นพอๆกับบลูชีสที่เขากินกับน้ำผึ่งและผักเซเลอรี่ ประจวบเหมาะกับที่ แองจี้ ต้องได้ร่วมงานกับ พระเอกสุดฮ็อตที่เธอเคยบอกว่าเขาคือคนที่เซ็กซี่ที่สุดคนหนึ่งในพื้นพิภพนี้เลย
.
แต่....ความเป็นจริงแล้ว ที่ผู้คนคาดการณ์ไว้ผิดถนัด นอกจากจะไม่มีการส่งสายตาหวานเยิ้มกันใดๆทั้งสิ้นแล้ว ทั้งคู่ออกแนวต่างคนต่างอยู่เสียมากกว่า สาเหตุเนื่องมาจาก อีกคนก็สง่าเป็นหงส์ อีกคนก็ทำตัวดั่ง หมูสกปรก จากคำบอกเล่าของวงในบอกว่า
.
" เด็ปป์นะเหรอ เขาระอากับโจลี่พอๆกับที่โจลี่เองก็เอือมระอาเขาเช่นกัน ในสายตาโจลี่นั้น จอห์นนี่ เด็ปป์ คือผู้ชายที่ซกมกที่สุด วันๆเอาแต่ฝักใฝ่อยู่กับงานดนตรีและวงดนตรี Babybird ของเขา แทนที่เขาจะทุ่มเทไปที่งานแสดงซึ่งเป็นงานที่ทำให้เขามีกินมีใช้ แต่เขากลับไปง่วนอยู่กับงานอดิเรกตลอดเวลา เขาไม่ใช่ มิก แจ็กเกอร์ นะ เขาคือ แจ็ค สแปร์โรว์ "
.
ฝ่าย จอห์นนี่ เด็ปป์ ที่ก็เบื่อหน่ายนางหงส์อย่างโจลี่ไม่แพ้กัน สายข่าวก็พูดประมาณว่า
.
" เด็ปป์บอกว่าเธอเป็นประเภทพวกชอบคิดมากเกินไป ไม่ผ่อนคลายกับชีวิต แล้วเขาก็ขลุกอยู่ในรถเทรลเลอร์ตลอดเวลา พอถึงคิวแสดงเขาก็จะออกมาทำตัวปรกติ ยิ้มแย้มเป็นกันเองกับโจลี่ ลึกๆแล้วทั้งคู่นั้นต่างผิดหวังกันและกัน "
.
แหล่งข่าวเติมเชื้อไฟอีกว่า
.
" ฝ่ายโจลี่โมโหมากที่เด็ปป์มักมากองถ่ายสายบ่อยๆ แล้วกลิ่นตัวมีแต่เหล้าหึ่งไปหมด นี่เขาคิดว่าเขากำลังเล่นบทโจรสลัดอยู่จริงๆน่ะเหรอ บทในหนังเรื่องนี้เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีทีเดียว แต่เด็ปป์ไม่ยอมตัดผม เขายื่นคำขาดว่าเขาจะไม่ยอมตัดผม นั่นมันทำให้โจลี่แทบจะกรีดร้องบ้าคลั่ง เธอโกรธเคืองเขาที่ไม่ยอมอาบน้ำตัดผมมากกว่าที่เขามากองถ่ายสายเพราะปาร์ตี้หนักอีก "
.
และนั่นเองคือสาเหตุที่คนดูแทบไม่มีอารมณ์ร่วมระหว่างคู่พระนางในหนังเลย ยังดีที่ได้ตลาดต่างประเทศช่วยไว้บ้างทำให้หนังไม่เจ๊ง แต่ทั้งคู่ถูกนักวิจารณ์สับเละไปตามระเบียบ จริงๆทางฝั่ง จอห์นนี่ เด็ปป์ นั้นเป็นเจ้าพ่อแห่งหนังเจ๊งอยู่แล้วถ้าไม่นับรวมกับหนังโจรสลัดเรื่องนั้น งานของเขาค่อนข้างที่จะไม่คุ้มค่าตัว แต่ในรายของโจลี่ต้องได้มาซวยเล่นหนังห่วยๆเพราะต้องมานั่งปั้นหน้าว่าตกหลุมรักกันกับคนที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับเธออย่าง จอห์นนี่ เด็ปป์ นี่แหละ เสียชื่อนางพญาหมด
.
ผู้จัดการส่วนตัวได้ออกมาปฏิเสธเรื่องนี้กันหัวขวิด แต่ของอย่างนี้ดูเอาในหนังก็น่าจะพอทราบว่าเหตุการณ์ที่สายข่าวรายงานมาเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจริงๆ
.
เขาว่าความเกลียดชังมักเป็นบ่อเกิดแห่งมิตรภาพที่ยืนยาว แม้ว่าโจลี่จะค่อนข้างเบื่อหน่ายเด็ปป์ แต่เธอกลับไปสนิทกับเมียเด็ปป์อย่าง วาเนสซ่า พาราดิส แทน เธอสองคนยังคงติดต่อกันเรื่อยมา จนกระทั่งเด็ปป์เลิกกับ วาเนสซ่า อันเป็นเหตุให้ โจลี่ ตกอยู่ในสถานะคนกลางอย่างไม่เต็มใจนัก ทั้ง เด็ปป์ และ วาเนสซ่า ต่างปรึกษา โจลี่ จนกระทั่งร้างรากันไปจริงๆ เด็ปป์ กับ โจลี่ ก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
.
เมื่อมีข่าวออกมาว่า เด็ปป์ กับ โจลี่ ไม่มีทางเล่นชู้กันแน่นอนเพราะต่างคนไม่ใช่สเป็ค แฟนสาววัยเอ๊าะคนใหม่ของ เด็ปป์ ก็รู้สึกโล่งใจ ออกมาโปรยยาหอมให้โจลี่ว่า โจลี่ คือต้นแบบของเธอ เธอมีรสนิยมทางเพศคล้ายๆกัน หญิงก็ได้ชายก็ดี โจลี่ คือไอดอลของหนู
.
แต่แทนที่จะดีใจที่มีรุ่นน้องปลื้ม โจลี่ ได้ทิ้งบอมบ์ลูกใหญ่ไว้ให้แฟนสาววัยเอ๊าะของเด็ปป์ อย่างไม่ถนอมน้ำใจ โดยบอกผ่านสื่อไปถึงเด็ปป์ว่า
.
" เด็ปป์เอ๊ย...อย่าหลงเมียเด็กให้มันมาก เตือนกันในฐานะเพื่อน อย่าเพิ่งรีบแต่ง หรือถ้าจะแต่งก็ควรทำสัญญาก่อนแต่งนะ เดี๋ยวเงิน 350 ล้านในกระเป๋านายจะแฟ้บเอาได้หลังจากหย่าแล้ว "
.
ที่โจลี่ออกมาเหวี่ยงเป็นขุ่นแม่ขนาดนี้ก็เพราะ โจลี่ กับ วาเนสซ่า พาราดิส เมียเก่า จอห์นนี่ เด็ปป์ เป็นเพื่อนสนิทกัน และอีกอย่าง โจลี่ไม่ชอบให้ใครมาขุดเรื่องที่เธอเคยชอบนิ้วเย็นๆมากกว่าเอ็นอุ่นๆในอดีต เหตุผลเพราะเธอมีลูกเป็นโขยง เธอรักลูกๆมากกว่าสิ่งใด และเธอมักถูกลูกๆตั้งคำถามแทงใจอยู่เสมอเกี่ยวกับอดีตอันเน่าเฟะของเธอ
.
นี่คือเหตุผลลับๆว่าทำไมหนัง The Tourist มันถึงได้จัดอยู่ในประเภท ขุ่นแม่ กับ ขุ่นพ่อ ก้ไม่ช่วยอะไรให้หนังดีขึ้นเลย
" จริงๆผมกับ แบรด พิตต์ เราจบหลักสูตรวิชาชีพการทำสบู่ขั้นสูงกันมาแล้วนะ ถ้าไม่มีงานแสดงแล้วเราจะต้องรวยจากแบรนด์สบู่ของเราเองแน่นอน คนทุกคนต้องใช้สบู่ถูตัว "
.
______________________
.
เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน ย้อนรำลึกความหลังเมื่อครั้งที่เขากับ แบรด พิตต์ ต้องเข้าอบรมวิชาชีพการทำสบู่ขั้นสูงถึง 2 เดือน ตามคำสั่งของ เดวิด ฟินเชอร์ ผู้กำกับฯ Fight club
= ทาแรนติโน่ นี่มันตัวเหยียดเลย =
.
__________________________
.
จริงๆกูว่า เควนติน ทาแรนติโน่ นี่มันตัวพ่อแห่งการหลอกด่าสรรพสิ่งที่แกเกลียดได้โดยที่ตัวเองไม่เสื่อมเสียนะ ถ้าใครตามงานแกมาบ้างถ้ามองลึกๆอีตานี่มันโคตรของโคตรเหยียดทั้งเพศ เหยียดทั้งคนดำ หรือแม้กระทั่งคนขาวด้วยกันแกก็หลอกด่าในหนังแกเต็มเรื่องไปหมด แต่แกมีแนวคิดเคารพวิถีแห่งคนผิวเหลืองอย่างมากนะ
.
อย่างเช่นในหนังของแกนี่มีการใช้ตัวละครหลอกด่า ไอ้มืดๆๆๆๆๆๆๆ เป็นร้อยๆครั้งในหนังแต่ละเรื่อง ที่เ...้ยสุดและยังคงเป็นที่กล่าวขานว่าพี่แกนี่แม่งเหยียดเพศเหยียดผิวชิบหายวายป่วงเลยก็คือ ในหนัง pulp fiction แกแอบเซอร์ไพรส์คนดูโดยยัดฉากระเบิดถังขี้คนดำตัวละครอย่าง มาเซลลัส วอลเลซ เจ้าพ่อผิวสีที่รับบทโดย วิง เรมส์ มันเป็นฉากที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้เจอะได้เจอ เรียกได้ว่าในฉากเดียวนี่ด่าทั้งพวกโฮโม ด่าเกย์ หยอกล้อคนดำแรงๆ แถมใช้ดาบซามูไรในการฆ่าฟันพวกที่มันเอาดากเจ้าพ่อ มาเซลลัส วอลเลซ อย่างอเน็จอนาถลูกกะตา
.
กลายเป็นพี่เควนตินแกไม่ได้เสียอะไร เข้าทำนอง กูสะใจแต่กูไม่เสียเ...้ยไร มาด่ากูเหยียดเพศเหยียดผิวไม่ได้นะเว้ย ตัวละครมันซัดกันเอง ไม่เกี่ยวกับกู กูอยากเห็นอะไรกูก็ยัดแม่งเข้าไปในหนังสนองความสะใจของกู แต่กูย้ำนะว่าไม่เกี่ยวกับกู ไอ้มืดด่าไอ้มืด คนขาวด่าไอ้มืด คนดำโดนเอาดาก เกย์ โฮโม เอาดากนักเลง เอาดากเจ้าพ่อ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับกู กูไม่ได้เหยียด พวกแม่งพากันเหยียดกันเอง
.
จ้ะ พี่เควนติน ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยวจ้ะ แต่เอ...ไม่รู้จงใจเขียนบทให้ขุ่นแม่ จอห์น ทราโวต้า ตายอนาถคาส้วมในหนังรึเปล่านะ
= จาก The one สู่ The one =
.
______________________________
.
" 26 ธันวาคม 2547 คือวันที่ผมจะจดจำไปจนวันตาย ผมกับครอบครัวไปเที่ยวมัลดีฟส์อย่างสบายใจ ผมสังเกตเห็นน้ำทะเลมันแปลกไปกว่าที่เคย มันลดลงจนน่าตกใจ แล้วก็ก่อตัวเป็นสึนามิ คลื่นสูงถาโถมมาหาผมกับครอบครัว ผมอุ้ม เจน ลูกสาวคนโตไว้ในอ้อมแขนแล้วพาเขาวิ่ง พี่เลี้ยงจูงมือ เจด้า ลูกสาวคนเล็กของผมวิ่งตามผมไป เธอหลุดมือแล้วพลัดหลงกับพี่เลี้ยง ใจผมสลาย แต่โชคดีที่มีคนช่วย เจด้า ไว้ได้ ผมกอดเธอน้ำตาไหลพราก แต่เราก็ถูกคลื่นซัดเข้าไปติดที่โรงแรมแห่งหนึ่ง น้ำดื่มและอาหารมีไม่เพียงพอเลย เราได้แต่รอคอยความช่วยเหลืออยู่ในนั้นหลายวัน
.
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ผมคิดหาแต่ชื่อเสียงเงินทองให้แก่ตนเอง ผมท่องไว้ในใจเสมอๆว่าต้องเป็นที่หนึ่งในใต้หล้าให้ได้ ไม่ว่าเรื่องอะไร ผมถูกปลูกฝังมาแบบคนจีนโบราณ และยึดถือแนวคิดนี้มาจากหนังกังฟูที่ผมแสดง จนกระทั่งเหตุการณ์ครั้งนั้นทำผมเปลี่ยนความคิดไป แม้คุณจะร่ำรวยเพียงใดมันก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้เลยถ้าคุณตกในสถานการณ์นั้น "
.
++++++++++++++++++++++
.
หลังจากรอดชีวิตมาได้ ในวันที่ 2 มกราคม 2548 หลี่เหลียนเจี๋ย ประกาศบริจาคเงิน 5 แสนหยวนให้ผู้ประสบภัยครั้งนั้น และ อีก 5 แสนหยวน เพื่อเป็นทุนก่อตั้งมูลนิธิ One Foundation เพียงแต่เลข 1 ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการเป็นที่ 1 อีกแล้ว มันคือการรวบรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆทั่วโลก
.
หลี่เหลียนเจี๋ย เชื้อชวนให้ชาวจีนทุกครอบบครัวที่มีกำลังทรัพย์ บริจาคเงินบ้านละ 1 หยวนต่อเดือน เพื่อนำไปสมทบทุนไว้ในยามฉุกเฉิน นอกจากการลงขันลงเงินแล้ว หลี่เหลี่ยนเจี๋ย ยังแอบปลอมตัวไปในพื้นที่ประสบภัย โดยการคลุมหน้า ใส่หมวก แอบลงพื้นที่ไปช่วยเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ เขาสวมเสื้อของมูลนิธิ One Foundation ของเขา จนกระทั่งมีคนจับได้ว่าเขาคือ หลี่เหลียนเจี๋ย หรือ เจ็ต ลี ดาวบู๊ชื่อดังแอบปลอมตัวมา
.
เขาบอกกับทุกคนว่า
.
" ผมมาที่นี่ในฐานะเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ผมแบกของหนัก และช่วยงานได้เต็มกำลัง ขอให้ผมได้ทำงานนี้เถอะ อย่าทำเหมือนผมเป็นดารากันเลย ทำตัวปรกติและทำงานของตนเองไป เราควรช่วยกัน รู้หรือไม่ว่าเดือนก่อนผมกับลูกเมียเกือบตายกันที่นี่ แต่เพราะได้คนช่วยไว้ผมถึงรอดมาได้ "
.
และต่อมา เมื่อแน่ใจว่าพื้นที่พ้นภัยจากสึนามิแล้ว เงินทุนที่เหลือได้ถูกทยอยสร้างโรงเรียน และสนับสนุนไปยังที่ทำการสาธารณสุขต่างๆที่ประสบภัย
.
ไม่นาน หลี่เหลียนเจี๋ย ก็ได้รับรางวัลบุคคลแห่งเอเชีย ประจำปี 2552 จากนิตยสารรีดเดอร์ไดเจทส์ เขาขอมอบรางวัลนี้แด่เจ้าหน้าที่ทุกคนในมูลนิธิ ซึ่งต่อมาก็มี เฉินหลง เข้าร่วมมูลนิธิ ทั้งที่ก่อนหน้านี้สองคนนี้ต่างก็ชิงชัยความเป็น เดอะ วัน ของเอเชียมาตลอด แต่จากเหตุการณ์ครั้งนั้นเองทำให้ หลี่เหลียนเจี๋ย ลดทิฐิลงแล้วชักชวน เฉินหลง เข้าร่วม ซึ่งต่อมาทั้งคู่ก็ได้แสดงหนังร่วมกันครั้งแรกในเรื่อง The Forbidden Kingdom นั่นเอง