หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

Gilles De Rais ปีศาจหรือเหยื่อ?

โพสท์โดย Faithbook



บางครั้งประวัติศาสตร์ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าเชื่อถือได้ เพราะมีหลายครั้งที่การบันทึกประวัติศาสตร์ถูกบิดเบือน โดยเฉพาะเรื่องราวประวัติบุคคลสำคัญ
ไม่ว่าบทบาทพระเอกหรือผู้ร้าย คนบาปหรือนักบุญ วีรบุรุษของชาติล้วนแต่มีหลายอย่างที่ถูกแต่งเติมสีสัน เพิ่มเนื้อหาที่เกินความจริง
ทำให้คนรุ่นหลังชื่นชอบวีรกรรมความกล้าหาญของพวกเขาโดยไม่สนว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก


ในทำนองเดียวกันมีหลายครั้งที่ประวัติศาสตร์ได้เสริมเรื่องตำนานและนิทานที่น่ากลัว โดยไม่สนเนื้อแท้เรื่องจริงหรือไม่จริง หนึ่งในนั้นคือ
เรื่องราวของขุนนางฝรั่งเศสคนหนึ่งชื่อ กิลล์ เดอ เรยส์ หนึ่งในตำนานที่โดดเด่นในศตวรรษที่ 15 

เรื่องราวของกิลล์ เดอ เรยส์(เกิด 1404ตาย1440) นั่นมีมากมายหลายแหล่ง โดยเรื่องราวที่หลายคนรู้จักกันมากที่สุดก็คือ เขาเป็นอดีตอัศวิน
กองทัพผู้นำฝรั่งเศสและเป็นสหายคนสนิทของ แจนน์ ดาร์ค (โจน ออฟ อาร์ค) เขาเป็นขุนนางที่เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะและกล้าหาญฯ
เจ้าของฉายาเคราสี น้ำเงิน เขาเกิดในครอบครัวที่มีชื่อเสียงมั่งคั่งในมณฑลฝรั่งเศส หลังจากแจนน์ ดาร์คก็ถูกทหารฝ่ายศัตรูจับ
และถูกเผาทั้งเป็นในฐานะแม่มดเมื่อปี 1431 ประวัติศาสตร์ได้บอกเราว่ากิลส์เริ่มบ้า ด้านมืดของเขาเริ่มบังเกิด เขาเริ่มใช้ชีวิตที่ฟุ่มเฟือย
และหลงไหลในการเล่นแปรธาตุและมนต์ดำ เปลี่ยนโลหะเป็นทองคำ

จนกระทั้งเขาไปรู้จักชายคนหนึ่งชื่อฟรานคอยส์ เปรลาติที่ บอกเขาว่าให้สังเวยเด็กเพื่อบูชาปีศาจที่ชื่อ บารอน จนเป็นเหตุทำให้เขา
ต้องกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ลักพาเด็กของชาวนา(ชายหนุ่มเป็นส่วนใหญ่) เพื่อไปทรมานและฆ่าข่มขืนเด็กเพื่อเป็นเครื่องสังเวย
ให้กับปีศาจในระหว่างปี 80 และ 200 ว่ากันว่า เหยื่อของเขา น่าจะมีมากกว่า 1500 ราย และผลสุดท้าย กิลส์ ถูกตัดสิน
ให้ประหารโดยการแขวนคอและเผา ในวันที่ 26 ตุลาคม  1440
 
 
Gilles De Rais


 
กิลส์ เดอ เรยส์ เกิดในช่วงปลาย ปี 1404 ในปราสาทชานโตเซ่ใกล้เมืองนันท์ของแคว้นบริตตัญญีในฐานะทายาทผู้สืบทอดเพียงคนเดียว
ของตระกูล กี เดอ ราวาลผู้เป็นพ่อ เป็นเจ้าบ้านของตระกูลเรยส์ ผู้เป็นเจ้าของปราสาทใหญ่โตหลายแห่ง  และแมรี่ เดอ คราออนซึ่งเป็นมารดา
ก็มาจากตระกูลขุนนางที่เก่าแก่ที่สุดตระกูลหนึ่งของฝรั่งเศส ทั้งสองต่างก็มีอาณาเขตในกรรมสิทธิ์ของตนเป็นบริเวณกว้างขวางครอบคลุม
พื้นที่มากมาย และมีรายได้จากการเก็บภาษีอากรราษฏรในแคว้น ซึ่งเมื่อกิลส์สืบทอดมรดก ตระกูลเรยส์ก็จะกลายเป็นผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในฝรั่งเศส

กิลส์ เดอ เรยส์เป็นเด็กอัจฉริยะ พูดจาภาษาลาตินได้คล่องแคล่วฉะฉาน เขาเก่งเรื่องการทหารและระเบียบวินัยและมีจริยธรรมทั้งกายและปัญญา
ภายหลังการเสียชีวิตพ่อแม่ในปี 1415 เขาและน้องชายก็อยู่ภายใต้การดูแลของผู้ปกครองคนใหม่ ฌอง เดอ คราออนซึ่งเป็นตา เมื่ออายุได้ 16 ปี
เขาก็ถูกคลุมถุงชนให้แต่งงานกับแคทเธอรีน เดอ ทวาล เพื่อเพิ่มอิทธิพลแก่วงค์ตระกูล

แต่กิลส์ไม่ได้สนใจเจ้าสาวของเขานัก เวลาส่วนใหญ่มักจะหมดไปกับการสนุกสนานกับบรรดาเด็กหนุ่มที่เป็นคนสนิทของเขามากกว่า
ซึ่งกิลด์เป็นคนรักสหายเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังค่อนข้างเป็นหนุ่มเจ้าสำราญผู้มั่งคั่ง อบจัดงานเลี้ยงหรูหราฟุ่มเฟือยแทบทุกวัน งานเลี้ยง
แต่ละครั้งในปราสาทของกิลล์มักมีแต่อาหารรสเลิศราคาแพง เครื่องดื่มระดับสุดยอด และงานเลียงจะไม่เลิศลาจนกว่าบรรดาแขกรับเชิญ
จะกระเดือกไม่เข้าหรือเมาแผ่หลาไปก่อน

ในเรื่องการทหารกิลส์ก็เข้าสู่สนามรบตั้งแต่อายุ 16 เขาเคยเข้าร่วมศึกสงครามสืบราชบัลลังก์ หรือ สงครามสืบราชสมบัติ โดยเข้าข้างดลุก
แห่งบริททานี่ย์ ซึ่งกิลล์ได้รับผลตอบแทนเป็นเงินและที่ดินมากมาย แต่มาในปี 1425 เขาก็ได้รับใช้พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศส
(ในขณะนั้นทรงใช้พระนามว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส)   และได้ความสามารถในการทหารจากการต่อสู้ที่ แซ็ง-โล และ เลอ ม็องส์
ระหว่าง 1427 และ 1429 ว่ากันว่ากิลส์ในยามหนุ่มนั้นเป็นอีกคนที่กระหายเลือดตื่นเต้นเมื่อเห็นเลือด ชอบใช้ความรุนแรงและการฆ่าเป็นอย่างมาก

ต่อมาในปี  ปี 1429 พระเจ้าชาร์ลสที่ 7 ทรงโปรดให้บารอน กิลส์ เดอ เรยส์ เข้าเฝ้าและแนะนำให้เขาได้รู้จักกับโจน ออฟ อาร์ค ซึ่งต่อมา
เธอก็ได้เป็นวีรสตรีซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดของฝรั่งเศสนั่นเอง โดยในขณะนั้นพระเจ้าชาร์ลสกำลังมีปัญหาเรื่องการสืบราชบัลลังก์ฝรั่งเศสเนื่องจาก
ราชบัลลังก์ฝรั่งเศสกำลังจะตกไปเป็นของสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 6 แห่งอังกฤษ เพราะตอนนั้นอังกฤษครองดินแดนทางตอนเหนือของฝรั่งเศส
ที่รวมทั้งปารีส ทำให้อังกฤษสามารถอ้างสิทธิในการครองฝรั่งเศสในส่วนที่มีอำนาจปกครองอยู่ อีกทั้งตัวพระเจ้าชาร์ลสเองก็เป็นกษัตริย์อ่อนแอ
ไม่มีอำนาจมากมาย

ระหว่างที่พระองค์กำลังวิตกกังวลอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเด็กสาวชื่อโจนผู้มีความเชื่อว่าตนได้รับคำสั่งจากพระเจ้าให้ดำเนินการกู้ฝรั่งเศส ได้เข้าเฝ้าพระองค์
เพื่อเรียกร้องขอกำลังทหารและสิ่งที่จำเป็นในการต่อสู้ หลังจากการพบปะกันแล้วชาร์ลส์ก็ทรงมีความมั่นพระทัยขึ้นเขาเลยจัดทหารตามที่โจน
เรียกร้องพร้อมทั้งการพบปะกับกิลส์ ซึ่งเขาประทับใจในในตัวโจนและประกอบกับว่าเขาเป็นผู้มีศรัทธาแรงกล้าอยู่แล้ว เขาจึงได้สาบานตน
เป็นอัศวินของโจนและกลายมาเป็นมือขวาคู่ใจของเธอนับแต่นั้น
 
 
โจน ออฟ อาร์ค


 
หลังจากนั้นทั้งสองสร้างผลงานไว้มากมายในสงครามร้อยปี(กิลส์ทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทหารในสงครามครั้งนี้เมื่อปี 1427-1435)
โดยกิลล์ได้นำทหารสู้กับข้าศึกที่เป็นอังกฤษและได้ชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ได้รับพระราชทานตำแหน่งเป็นแม่ทัพหรือจอมพล
ตั้งแต่ยังหนุ่มและได้รับพระบรมราชานุญาติให้ประดับดอกลิซ (ตราดอกลิลลี่ของราชวงศ์ฝรั่งเศส) ลงบนตราประจำตระกูลของเขาด้วย
นับเป็นเกียตริสูงสุดเท่าที่เขาจะมีได้ในฐานะขุนนางทีเดียว โดยหลายคนยกย่องกิลล์ว่าเขาเป็นคนที่กล้าหาญกล้าเผชิญหน้า 


ผลสุดท้ายโจนก็สามารถนำกองทัพฝรั่งเศสเข้าต่อสู้ที่ออร์เลอองส์ที่ได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดต่อฝ่ายอังกฤษ และเป็นจุดที่เปลี่ยนทิศทาง
ของสงครามที่ทำให้ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายได้เปรียบ หลังจากชัยชนะในยุทธการพาเทย์ ชาร์ลส์ก็ได้ทำการราชาภิเษกเป็นพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7
แห่งฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1429 ที่มหาวิหารแรงส์ในฐานะพระมหากษัตริย์โดยนิตินัย



แต่แล้ว ในปี 1430 โจนถูกจับตัวได้โดยฝ่ายเบอร์กันดีผู้ส่งตัวให้กับฝ่ายอังกฤษ โจนถูกพิจารณาโทษว่าเป็นผู้นอกศาสนา และถูกเผาทั้งเป็น
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 1431 พระเจ้าชาร์ลส์มิได้ทรงเข้าช่วยเหลือโจนแต่อย่างใด แม้ว่าโจนจะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการที่พระองค์
ได้ขึ้นครองราชย์บัลลังก์ฝรั่งเศสก็ตาม และต่อมาอีก 500 ปีต่อมา  เธอถูกยกขึ้นเป็นนักบุญ

ในเวลานั้นเองกิลส์เมื่อได้ข่าวเรื่องโจนถูกประหาร นำความโศกเศร้าแก่เขาเป็นอย่างมาก หลังจากเสร็จสิ้นสงคราม กิลล์ก็กลับไปใช้ชีวิต
เจ้าสำราญที่หรูหราไม่สนใจเรื่องการสู้รบอีกครั้ง ประกอบกับการตายของคุณปู่เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 1432 เขาเริ่มฝักใฝ่ในมนต์ดำ
และการเล่นแร่แปรธาตุ
 
 
Machecoul สถานที่กิลส์ก่อเหตุ


 
ต่อมาสงครามร้อยปีก็สิ้นสุดลง พระเจ้าชาร์ลที่เจ็ดของฝรั่งเศสได้ปกครองประเทศอย่างสงบสุข ความขัดแย้งกลางเมืองก็ลดลง ขุนนาง
และแม่ทัพหลายนายปลดประจำการเพื่อให้พวกเขากลับบ้านตนเองเพื่อสร้างและสะสมความมั่งคงเพื่อชดเชยสิ่งที่หายไปในระหว่างสงคราม
ในปี 1434 กิลส์ถอนตัวจากชีวิตทหาร โดยเน้นอุปภัมภ์ศิลปะ สร้างโบสถ์สวยงาม และเริ่มสนใจเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุ โดยเฉพาะการ
เปลี่ยนโลหะให้เป็นทอง เขาซื้อหาหนังสือเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุมาอ่านมากมาย ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวถึงยุคตกต่ำของกิลส์อย่างชัดเจน
เพราะเขาดำเนินชีวิตแบบฟุ่มเฟือยมาตลอด จนรายรับไม่พอกับรายจ่าย ทำให้เขาต้องขายที่ดินและทรัพย์สินของเขาจนเกือบหมดเพื่อใช้หนี้
(ยกเว้นที่ดินของภรรยา) จนเขาเหลือเพียงปราสาทสองหลัง(ปราสาท Champtocé-sur-Loire และ Ingrandes )ที่ยังอยู่ในการ
ครอบครองของเขา

แม้แต่เหล่าญาติต่างประณามเรื่องกิลส์ที่ใช้จ่ายสุลุ่ยสุรายจนต้องขายทรัพย์สิน อีกทั้งพระเจ้าชาร์ลส์เองก็ยังไม่ทำให้กิลส์ทำสัญญาใดๆ
กับใครอีกต่อไป ใครที่ให้กิลส์ยืมเงินมีโทษหนัก  อีกทั้งยังออกกฎห้ามขายปราสาทที่เหลือและห้ามทิ้งผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา



ในปี 1439 ในช่วงเวลาดังกล่าวกิลส์เริ่มเสาะหาผู้วิเศษต่างๆ ในการเล่นแร่แปรธาตุโลหะให้เป็นทอง ว่ากันว่าเขาได้พบชายคนหนึ่งชื่อ
ฟรานคอยส์ เปรลาติ นักเล่นแร่แปรธาตุไสยศาสตร์ที่อวดอ้างว่าเขาสามารถทำให้กิลส์สมหวังได้โดยการบูชายันเด็กเพื่อสังเวยแก่ปีศาจ
ที่ชื่อ บารอน และนั้นเองถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นทำให้กิลส์กลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนมากที่สุดในโลกในที่สุด

จากคำสารภาพของกิลส์(จากการถูกทรมานในการสอบสวน) เขาบอกว่าเขาเลยฆ่าเด็กจำนวนมากมายในระหว่างฤดูใบไม้ผลิ 1423-1433
ตอนแรกเน้นเด็กฝึกงานหรือลักพาตัวเด็กจากที่ต่างๆ หลังจากนั้นก็ใช้วิธีโดยรวบรวมเด็กชายจากที่ต่างๆมาเพื่อเป็นเครื่องสังเวยให้กับปีศาจ
เนื่องจากในเวลานั้นยังมีสงครามกันอย่างต่อเนื่อง ตามเมืองต่างๆจึงมีเด็กกำพร้าเร่ร่อนอยู่มากมาย โดยตอนแรกลูกน้องของกิลส์พาเด็กเหล่านี้
มายังปราสาท Champtocé - sur Loire หากแต่เมื่อศพเด็กล้นจนไม่มีที่เก็บ จนต้องย้ายไปที่ Machecoul



ส่วนจำนวนเหยื่อที่กิลส์ฆ่านั้นไม่แน่นอน ว่ากันว่าหลังจากถูกกิลส์ถูกจับในปี 1437 พวกเขาก็พบศพเด็กสิบศพในที่เกิดเหตุ พวกเขาถูกตัดคอ
เพื่อสังเวยเลือดแก่พิธี เด็กบางคนถูกตัดแขนตัดขาเป็นชิ้นๆ บางคนถูกฟาดหัวด้วยท่อนไม้ตอกตะปู บางคนถูกเฉือนเนื้อออกทีละน้อยในขณะที่มีชีวิต
เด็กบางคนถูกผ่าท้องแล้วทึ้งไส้ออกมา จากคำสารภาพของกิลส์บอกว่าเขาได้ข่มขืนศพของเด็กที่เสียชีวิตแล้ว อีกทั้งยังสะสมศีรษะของ
เด็กหนุ่มจำนวนมาก และศีรษะที่หน้าตาดีจะถูกเรียงไว้เหนือเตาผิงเหมือนเป็นคอลเลคชั่นพิเศษ  และชิ้นส่วนที่เหลิอเขาจะนำไปเผา
หรือเอาไปทิ้งในถังส้วมซึมหรือที่คูเมือง
 
 
การไต่สวนกิลส์


 
ในวันที่ 15 พฤษภาคม 1440 กิลส์ได้ลักพาตัวบาทหลวงคริสต์จักรไปจองจำในปราสาทของตน เนื่องจากมีปัญหาเรื่องพิพากษากรรมสิทธิ์ปราสาท ทางด้านฝ่ายโบสถ์เองก็พยายามจับผิดกิลส์อยู่แล้ว ประกอบกับสงสั เกี่ยวกับคดีเด็กหายสาปสูญอยู่แล้ว จึงได้อาศัยโอกาสนี้เองนำคนเข้าตรวจปราสาทของ กิลส์และวันที่ 15 กันยายน ทางการได้จับกุมเขาและพวกไว้ได้ในที่สุด

เชื่อกันว่าการสอบสวนในครั้งนั้น มีการทารุณกรรมเพื่อทรมานให้ผู้จับกุมยอมรับสารภาพและถูกซัดทอดผู้ต้องหาด้วย แม้กระทั้งตัวกิลส์เอง
ก็ไม่พ้นทัณฑ์ทรมานอย่างสาหัสเพื่อให้รับสารภาพ

วันที่12 ตุลาคม ค.ศ. 1440 มีการประกาสอย่างเป็นทางการว่า บารอน กิลส์ เดอ เรยส์ ยอมรับสารภาพว่าเขาคือผู้สังหารเด็กนับร้อยคนนั้น
โดยมีคำยืนยันของกิลส์มีดังต่อไปนี้

ข้าพเจ้าขอย้ำว่าที่ฆ่าพวกเด็กๆ เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับอำนาจและความร่ำรวยของข้าพเจ้า เจตนาที่ได้กระทำลงไปมีเพียงเท่านี้
ส่วนจำนวนเหยื่อที่กิลส์สังหารไปนั้นไม่สามารถระบุได้ว่ามีเท่าไหร่กันแน่ โดยจากการสันนิษฐษนระบุว่าอยู่ระหว่าง 80 และ 200 บางคนก็ 600 ขึ้นไป
เหยื่อมีอายุระหว่าง 6-18 ปี และมีทั้งสองเพศ



การพิพากษาถูกจัดขึ้นที่ปราสาทนันท์และกินเวลาแค่ 1 เดือน วันที่ 23 ตุลาคม  พระสังฆราชซึ่งได้รับพระบรมราชานุญาติจากพระเจ้าชาร์ลส
ฟ้องกิลส์ในข้อหาประกอบพฤติกรรมนอกรีต สังหารเด็ก ทำสัญญาปีศาจ และกระทำตนขัดต่อหลักธรรมชาติ ซึ่งโทษคือประหารสถานเดียวเท่านั้น

ในวันที่ 26 ตุลาคม 1440 เวลา 9:00 กิลล์(และพรรคพวกสองคน) ได้ถูกนำตัวไปประหารโดยการแขวนคอและเผา(ในครั้งแรก จะมีการตัดสิน
โทษเผาทั้งเป็น แต่เนื่องจากการเผาทั้งเป็นถือเป็นการลบหลู่เกียรติมากในสมัยนั้น และด้วยว่ากิลส์เองก็มีความชอบ เขาจึงรอดโทษเผาทั้งเป็นไป)
กิลส์ได้เดินไปที่ตะแลงแกงที่ใช้ประหารชีวิตด้วยการแขวนคอที่ เมื่อถึงเวลาประหารชีวิต กิลส์ถูกนำตัวขึ้นตะแลงแกง ถูกสร้างขึ้น ผู้คนมาชมล้นหลาม
จนต้องมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการแย่งชิงตัวนักโทษประหาร กิลส์เดินเข้าหาความตายของตนอย่างองอาจ ไม่มี
ความพรั่นพรึงแม้แต่น้อย ถุงผ้าคลุมศีรษะถูกนำมาสวมแล้วเพชฌฆาตนำเชือกบ่วงคล้องคอมาสวม จากนั้นก็เปิดพื้นใต้ฝ่าเท้านักโทษ ร่างของเขา
หล่นลงไปในช่อง หลังจากนั้นพวกเขาก็นำร่างไร้วิญญาณของเขาไปเผาไฟ และฝังตามพิธีกรรมคาทอลิก

หากแต่ต่อมาทั้งหมดก็ถูกทำลายในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส ส่วนภรรยาของกิลส์แต่งงานใหม่กับดยุคที่มีอำนาจและร่ำรวยก่อนที่เธอจะตายโดยไม่มีบุตร
 
พระเจ้าชาร์ลสที่ 7 แห่งฝรั่งเศส


 
นี้คือภาพลักษณ์ของกิลส์ที่เรารู้จักกันดี แน่นอนสิ่งที่ตามมาก็คือมันเป็นเรื่องจริงตามตำนานหรือไม่ หรือกิลส์ก็เป็นบุคคลที่ถูกกล่าวหาโดยประวัติศาสตร์แบบผิดๆ กิลส์กลายเป็นเหยื่ออีกรายที่ถูกใส่ร้ายโดยอุบายทางการเมืองที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและการหักหลัง อาจเป็นเพราะฝีมือของดยุคจอห์นแห่งแคว้นบริตตัญญีที่เป็นผู้กล่าวหาตัวกิลส์ เพราะถ้าเกิดเขาได้ปราสาทและทรัพย์สมบัติมูลค่ามหาศาลจะตกเป็นของเขาในทันที หรือจะเป็นการรวมหัวของพระเจ้าชาร์ลสและโบสถ์ร่วมมือกัน เนื่องจากพระเจ้าชาร์ลสต้องการดินแดนในครอบครองของตระกูลกิลส์ อีกทั้งกิลส์ยังสอบสวนด้วยวิธีโบราณเหมือนยุคล่าแม่มด ถูกทรมานเพื่อสารภาพทั้งที่ไม่มีหลักฐานอะไรชี้แน่ชัดว่าเขาผิดตามข้อกล่าวหา



ด้วยเรื่องราวและบุคลิกที่แสนจะโดดเด่นทำให้กิลส์ปรากฏตัวออกมาหลายสื่อ ไม่ว่าจะเป็น เพลง นวนิยาย การ์ตูน เกมส์ ภาพยนตร์ โดยการ์ตูน
มังงะญี่ปุ่นเรื่อง Tetragrammaton Labyrinth การ์ตูนแนวยูริ(หญิงรักหญิง)  ซึ่งกิลส์ปรากฏตัวร้ายที่ฆ่าเด็กเพื่อเป็นปีศาจอมตะและต้องการ
คืนชื่อโจน ออฟ อาร์ หรือจะเป็น Fate / Zero ที่เป็นตัวละครตัวหนึ่งในรื่องดังกล่าว





 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Faithbook's profile


โพสท์โดย: Faithbook
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
12 VOTES (4/5 จาก 3 คน)
VOTED: MAC Mask, Tabebuia, ginger bread
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เจ้าหญิงแห่งจอร์แดน ยิงโดรนอิหร่านตก 5 ลำ.iPhone รุ่นประหยัดมาแล้ว!ลูกค้าหนุ่มเศร้า หลังรีวิวชุดกีฬาที่ซื้อมา แต่ดันพลาดเห็นหนอนน้อยชาวลาวไม่ทน! หลังหนุ่มจีนโพสทิ้งเงินกีบลงในถังขยะ ทำคนลาวถึงกับไม่พอใจ?
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ชาวลาวไม่ทน! หลังหนุ่มจีนโพสทิ้งเงินกีบลงในถังขยะ ทำคนลาวถึงกับไม่พอใจ?อิหร่านขู่ถล่มที่ตั้งนิวเคลียร์ ของอิสราเอลด้วยขีปนาวุธชวนมารู้จักลาบูบู้ มาการอง เดี๋ยวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
เตือนภัยหญิงสาวใน จ.ลพบุรี..หลังมีหนุ่มหื่นพยายามข่มขืนสาวร้านเสริมสวยอิหร่านขู่ถล่มที่ตั้งนิวเคลียร์ ของอิสราเอลด้วยขีปนาวุธคนไข้วัย 72 ติดเชื้อโควิดนาน 613 วัน ก่อนกลายพันธุ์ในร่างกายกว่า 50 ครั้งชาวเน็ตจีนวิจารณ์หลังสถานีรถไฟใหม่หน้าตาเหมือนโกเต็ก
ตั้งกระทู้ใหม่