หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ทำไมการลุกฮือทางการเมืองถึงล้มเหลว แม้จะล้มรัฐบาลสำเร็จ แต่บ้านเมืองยังวุ่นวายไม่สิ้นสุด?

Share แชร์บอร์ด ข่าววันนี้ โพสท์โดย Fuckyou

ทำไมการลุกฮือทางการเมืองถึงล้มเหลว แม้จะล้มรัฐบาลสำเร็จ แต่บ้านเมืองยังวุ่นวายไม่สิ้นสุด?

ก่อนอื่นผมต้องเรียนก่อนนะครับ ว่าบทความนี้ผมไม่ได้แต่งเติมส่วนใดเลย โดยคัดลอกมาจาก FB คุณ Kornkit Disthan
 
ได้ฟังบรรดาคนที่ถูกถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อสังคม หรือโซเชี่ยลมีเดีย มามาก
แต่ข้อคิดจากกรณีของอียิปต์ ซึ่งนำเสนอโดย "วาเอล โฆนิม" อันนี้ ทรงคุณค่าจริงๆ
ถือเป็นบทเรียนที่ทั่วโลกพึงตระหนักอย่าปล่อยให้สื่อโซเชียลเป็นแค่เครื่องมือที่ทรงพลัง
แต่ขาดปัญญาและจริยธรรม

ทำไมการลุกฮือทางการเมืองถึงล้มเหลว แม้จะล้มรัฐบาลสำเร็จ แต่บ้านเมืองยังวุ่นวายไม่สิ้นสุด?

เห็นว่าเป็นสาระที่น่าเรียนรู้ จึงได้นำมาโพสต่อครับ
คุณกรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการต่างประเทศและกีฬา หนังสือพิมพ์ M2F เขียนว่า.....
 
ในฐานที่ติดตามข่าวต่างประเทศมานานผมสงสัยมาระยะหนึ่งแล้วว่าในยุคที่เรามีโซเชียลมีเดียมีแหล่งข้อมูลออนไลน์มหาศาล แต่ทำไมการลุกฮือทางการเมืองถึงล้มเหลวในหลายประเทศ เพราะแม้จะล้มรัฐบาลสำเร็จแต่บ้านเมืองจะวุ่นวายไม่สิ้นสุด หรือบางแห่งล้มไม่ได้แถมรัฐยังแกร่งในด้านไอทีมากขึ้นไปอีกด้วยซ้้ำทั้งๆ ที่ผู้ลุกฮือใช้โซเชียลมีเดียตอบโต้หนักมาก เช่น อิหร่าน

ความสงสัยเริ่มกระจ่างเมื่อได้ฟังปาฐกถา TED Talks ของ วาเอล โฆนิม (Wael Ghonim) ซึ่งเป็นแอดมินเพจการเมืองที่มีส่วนปลุกกระแสปฏิวัติประชาชนในอียิปต์ ด้วยความที่ตอนนั้นโซเชียลมีเดียมีส่วนอย่างมากในการระดมพลังประชาชนโค่นล้มรัฐบาลอำนาจนิยม โฆนิม จึง "เคย" เชื่อว่า - ถ้าคุณคิดจะปลดปล่อยสังคม ขอแค่มีอินเทอร์เน็ตเท่านั้นเป็นพอ - แต่วันนี้ โฆนิม บอกว่า เขาคิดผิด

โฆนิม บอกว่าหลังพลังประชาชนโค่นเผด็จการมูบารักแล้วบรรยากาศมันช่างน่าตื้นตันสุดๆ แต่แล้วหลังจากนั้นอียิปต์เละเป็นโจ๊ก มีการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ในระบบเสรีไม่เท่าไหร่ประชาชนก็ไม่พอใจออกมาไล่รัฐบาลซะงั้น ทำให้กองทัพต้องยึดอำนาจกลับไปสู่วงจรเดิมๆ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ โฆนิม สิ้นหวังและงุนงงมากกว่าทำไมการปฏิบัติด้วยโซเชียลมีเดียจึงพังพินาศ เขารู้สึกพ่ายแพ้จนต้องปลีกตัวออกมาทบทวนเงียบๆ นานถึง 2 ปี

โซเชียลมีเดียมีพลังในการเปลี่ยนแปลงก็จริง แต่สำหรับ โฆนิม ปัญหาหลักอยู่ที่ "ข่าวลือ ข่าวกุ ข่าวมั่ว ทัศนะเสียดสีชิงชัง" ทำให้สังคมที่กำลังตั้งไข่บนถนนเสรีเป๋ไปเป๋มาหนักเข้าก็แตกเป็นฝ่าย โลกโซเชียลเต็มไปด้วยพวกเกรียน พวกกุข่าว ทัศนะเสียดสีชิงชัง (Hate speech) หนักเข้าสังคมอียิปต์ก็แตกเป็นเสี่ยง โฆนิม บอกว่า ความแตกแยกทางการเมืองนี้เกิดจากสันดานดิบของมนุษย์ โดยมีเทคโนโลยีช่วยเร่งให้สันดานดิบเผยตัวออกมาเร็วขึ้นเพียงคลิกเดียว

ถึงจะเป็นเรื่องของอียิปต์แต่ผมคิดว่าใกล้ตัว ประสบการณ์ของ โฆนิม มีค่ามากเพราะจะช่วยสังคมไทยให้ยั้งคิดได้ไม่น้อย เขาชี้ให้เห็นจุดอ่อนของโซเชียลเน็ตเวิร์กในการเปลี่ยนแปลงสังคมและการเมืองว่า

1. เราไม่รู้วิธีจัดการกับข่าวลือ ยิ่งข่าวลือที่สอดคล้องกับอคติของเราด้วยแล้วเรายิ่งเชื่อสุดใจและยิ่งแพร่ไปถึงคนเป็นล้านๆ

2. เราจะจับกลุ่มเพื่อฟินกันเอง เราจะสื่อสารกับคนที่เราเห็นด้วย ถ้าไม่ชอบใจก็แค่เลิกติดตามหรือบล็อกไปเลย

3. การถกเถียงออนไลน์มักยกระดับกลายเป็นม็อบที่บ้าคลั่งเกรี้ยวกราด เพราะเรามักลืมไปว่าคนที่เราคุยด้วยมีตัวตนจริง ไม่ใช่แค่อวตารออนไลน์ (หรือในทางกลับกัน)

4. เราถูกบีบให้แสดงทัศนะที่ซับซ้อนในระยะเวลาและพื้นที่จำกัดในโลกโซเชียล พอแสดงออกไปก็มักเปลี่ยนยากเพราะไม่ทันกับกระแสความเร็ว (เช่นบางคนถูกแคปหน้าจอประจาน)

5. โซเชียลมีเดียมีลักษณะบีบให้คนอวดตัวเองมากว่ามีส่วนร่วมกับคนอื่น โพสต์เรื่องตัวเองมากกว่าเสวนากัน แสดงทัศนะที่ตื้นเขินแทนที่จะลุ่มลึก

จากนั้น โฆนิม ก็เสนอกลไกลที่จะพัฒนาสังคมออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพขึ้นเพื่อขัดเกลาผู้ใช้ให้มีคุณภาพมากขึ้น ผมสังเกตว่าเขาไม่เน้นใช้มันเพื่อหวังความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอีก แต่หวังผลในตัวผู้ใช้มากกว่า เพราะตราบใดที่คนยังอาศัยโซเชียลฯ แสดงความดิบภายในออกมา ก็ป่วยการที่จะหวังพัฒนาการที่สูงส่งในทางการเมือง

และจบท้ายด้วยการกล่าว่า "วันนี้ผมเชื่อว่าหากเราต้องการจะปลดปล่อยสังคม เราต้องปลดปล่อยอินเทอร์เน็ตเป็นอันดับแรก"

สำหรับผม ประสบการณ์ของ โฆนิม ให้แง่คิด 2 เรื่อง 1. การใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อหวังผลทางการเมืองยังต้องอาศัยการเมืองเชิงอำนาจหรือ Power politics ไปพร้อมๆ กัน ไม่เช่นนั้นความเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดขึ้นหรือเกิดแล้วไปไม่รอดซ้ำหนักกว่าเดิม 2. โซเชียลเน็ตเวิร์กยังต้องผ่านการขัดเกลาอีกมากจากบรรทัดฐานทางสังคมที่แท้จริง ในโลกออนไลน์เรามักทิ้งความเห็นอกเห็นใจไปเพราะเชื่อว่ามันเป็นอีกสถานที่หนึ่งสำหรับการปลดปล่อยสัญชาติญาณดิบ แทนที่จะเป็นการแลกเปลี่ยนอย่างอารยะ


⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Fuckyou's profile


โพสท์โดย: Fuckyou
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
32 VOTES (4/5 จาก 8 คน)
VOTED: Dont sweat it, เอ๋ง ไม่ดัดจริต, ท่านจอมพลขวัญใจมหาชน, ทัมจัย, ไทยเฉย, bgs, Tabebuia
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
รวบแล้ว 1 มือวางเพลิงป่วนใต้OK ล็อตเตอรี่ รวมเลขดังไว้ที่นี่ 1 เมษายน 2567เปิดบ้านซุปตาร์ "ลิซ่า BLACKPINK" ที่เกาหลีใต้ มูลค่ากว่า 200 ล้าน..ฉลองวันเกิดครบ 27 ปี
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
อ่านนิยายไร้สาระจริงหรือ"ซีอิ๊วแบบเม็ด" ฉีกทุกกฎของซอส..นวัตกรรมใหม่จาก "เด็กสมบูรณ์""บิ๊กเต่า" รับหลักฐาน "ทนายตั้ม" ลั่น ใหญ่แค่ไหนก็จับ ไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขัง9 โรงเรียนหญิงล้วนที่น่าสนใจในประเทศไทย
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
หนุ่มพ่นน้ำลายนาน 5 นาที กลายเป็นสถิติโลก!!เกิดเหตุทะเลาะวิวาททั่วสนามบินรัวซีรัสเซียส่งเรือรบไปทะเลแดงแล้วปูตินยัน "รัสเซียพร้อมสอย เครื่องบินรบนาโต"
ตั้งกระทู้ใหม่