บ๊าย บาย...แอสตัน วิลล่า
หลังจากแพ้ แมนยู...แค่ 0-1
ยังน้อยกว่า แพ้ หงส์แดง 0-6
แพ้เชลซี 0-5
แต่ไม่เพียงพอสำหรับ....
หนึ่งในสโมสรผู้ก่อตั้งลีกอาชีพของอังกฤษ แอสตัน วิลล่า ตกชั้นอย่างเป็นทางการแล้วที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
สโมสรที่ก่อตั้งเมื่อปี 1874 เกิดทีหลังถ้วยเอฟเอ คัพ 2 ปี อายุก็ 141 ปี มีเกียรติประวัติมากมาย จัดว่าเป็นใหญ่ในเรื่องความสำเร็จได้ เพราะกวาดมาทุกแชมป์ แชมป์ยุโรเปี้ยน คัพ 1982 , ลีกสูงสุด, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ......
วันนี้พวกเขากลายเป็นทีมที่ตกชั้นจากลีกสูงสุดและนี่คือการตกชั้นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1987
จะว่าไป....เมื่อครั้งแรกในการปรับเปลี่ยนจากดิวิชั่นหนึ่งเดิมเป็นพรีเมียร์ลีก (1992-93)พวกเขาลุ้นแชมป์กับแมนฯยูไนเต็ด และได้รองแชมป์ปีแรก พอจะตกชั้นเพื่อให้สมเกียรติเลยไปตกที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ซะงั้น ก็ถือว่าไม่ต้องยืดระยะเวลาตกชั้นอะไรออกไปให้แฟนทีมอื่นอำเล่นโดยเฉพาะแฟนเบอร์มิงแฮม ที่จัดปาร์ตี้ ฉลองวิลล่าตกชั้นบนรถไฟ กลายเป็นเรื่องร้อนแรงในโซเชียล มีเดีย
อย่างที่รู้ๆกันว่า 16แต้มใน 10 นัดสุดท้ายนะไม่เพียงพอแน่ๆ และไม่มีใครรอดพ้นจากตัวเลขนี้
มันเกิดอะไรขึ้นกับวิลล่าเดี๋ยวค่อยมาไล่เรียงและเชื่อว่าแฟนๆสิงห์ผงาดทีมนี้ ทราบดีว่าปัจจัยหลักของการตกชั้นมันเกิดขึ้นเพราะ???
มาดูไทม์ไลน์ของวิลล่าในซีซั่นตกชั้นกันก่อนดีกว่าครับ
ฤดูกาล 2015-16 เริ่มต้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค. รอน ฟลาร์ ไปจากสโมสรหลังจากปฏิเสธการต่อสัญญาฉบับใหม่ จากนั้น ฟาเบียน เดลป์ ย้ายไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ช่วงกลางเดือน ต่อด้วยข่าวร้ายปลายเดือน คริสติยง เบนเตเก้ ให้ลิเวอร์พูลซื้อสัญญาออกไปที่วงเงิน 32.5 ล้านปอนด์
วิลล่า ไม่อยากขาย เบนเตเก แต่นักเตะอยากย้ายและมีเงื่อนไขเรื่องการ "ซื้อสัญญา"ที่ตัวเลขนี้ ดังนั้น วิลล่า จำใจต้องขายไปให้ "หงส์แดง"
เมื่อจบตลาดการซื้อขายช่วงแรกวิลล่าได้นักเตะใหม่ 12 คนทั้งฟรีและเสียเงินรวมยอดที่ไม่เป็นตัวเลขทางการประมาณ 52 ล้านปอนด์ (2,600 ล้านบาท) ย้ายออกไป 14 คน ตัวหลักๆคือ ฟาเบีย เดลป์ กับ เบนเตเก รวม 44 ล้านปอนด์
ติดลบนะครับ...เรื่องการซื้อขาย
ทิม เชอร์วูด ประเดิมซีซั่นด้วยชัยชนะต่อบอร์นมัธ น้องใหม่ 1-0 ได้ดาวยิงสไตลื เบนเตเก คือ รูดี เกสเตด ยิงประตูชัย
จากนั้น เชอร์วุด ก็ทำหน้าที่ของเขาไปจนกระทั่งถึงวันที่ 24 ต.ค. โดนไล่ออกจากตำแหน่งหลังแพ้สวอนซี 1-2 สรุปผลงานของ เชอร์วูดในการคุมแอสตัน วิลล่า ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังปีก่อนและช่วงแรกปีนี้ 28 นัด ชนะ 10 เสมอ 8 แพ้ 16
จากนั้นต้นเดือนพ.ย. สโมสรติดต่อนำ เรมี การ์ด อดีตนักเตะอาร์เซนอลมาคุมทีม ประเดิมนัดแรกแต้มแรกจากแมนฯซิตี้ ส่อแววว่าจะไปได้สวยแต่แล้ว...ปัญหาก็เหมือนเดิม วิลล่าไม่มีเกมรุกที่พร้อมจะชนะใครเลย
การ์ด ทำงาน 147 วันคุมทีม 23 นัดชนะ 3 เสมอ 7 แพ้ 13 โดนปลดจากตำแหน่งในวันที่ 29 มี.ค. จากนั้นสโมสรแต่งตั้ง สตีฟ แบลค อดีตผจก.โคเวนทรีมาทำงานจนถึงทุกวันนี้
ไทม์ไลน์คร่าวๆของ แอสตัน วิลล่า สโมสรที่ยิ่งใหญ่ เคยเป็นถึงแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ, แชมป์ลีก สูงสุด, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ เรียกว่าครบทุกถ้วยที่สำคัญระดับสโมสร มีรากเหง้าประวัติศาสตร์อันเกรียงไกรและยาวนาน
วันนี้พวกเขาตกชั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี
จะกลับขึ้นมาเลยหรือไม่ต้องติดตามเพราะโดยตัวเลขพรีเมียร์ลีกนั้นยืนยันว่า นับตั้งแต่ซีซั่น 1992-93 เป็นต้นมามีทีมที่ตกชั้นไป 67 ทีมกลับขึ้นมาในปีเดียวเลยแค่ 18 ทีม ดังนั้นมันเป็นตัวเลขที่ไม่ง่ายเลย
หลายทีมที่เคยมีอดีตอันเกรียงไกรในบอลอังกฤษยังไม่กลับขึ้นมาอย่าง ลีดส์ ยุไนเต็ด, นอตติงแฮม ฟอเรสต์ เป็นต้น
แอสตัน วิลล่า จะไปแล้วไปลับเลยหรือไม่....น่าสนใจยิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม...สิ่งที่น่าสนใจและน่าจะเป็นปัญหาเร่งด่วนก่อนการเลื่อนชั้นกลับขึ้นมา เพราะมันคือปัจจัยที่จะทำให้เลื่อนชั้นกลับขึ้นมาได้ และมันคือปัจจัยเดียวกันที่ทำให้ทีมตกชั้น และแฟนบอลวิลล่าต่างพากันสรุปลงความเห็นว่า...
"ทีมบริหาร" ภายใต้นักธุรกิจอเมริกัน แรนดี เลอเนอร์ นี่แหละคือต้นเหตุทั้งหมด!!!
แรนดี เลอร์เนอร์ ซื้อกิจการสโมสรจาก ดัก เอลลิส ประธานสโมสรที่เคยถูกตั้งฉายาว่าเป็น "ประธานจอดเชือด" เพราะชอบไล่ผจก.ทีมออกจากตำแหน่ง คล้ายๆกับ เฆซุส กิล อดีตประธานแปอตเลติโก มาดริด ผู้ล่วงลับ
เอลลิส จึงมีฉายา "The Deadly Doug" โดยสื่ออังกฤษ
เลอร์เนอร์ เป็นนักลงทุน เป็นนักการเงิน เป็นนักวิเคราะห์ด้านนี้ แม้เขาจบกฏหมายจากมหาวิทยาลัย โคลอมเบีย ภายหลังรับหน้าที่บริหารงานแทนคุณพ่อทั้งในส่วนของทีมอเมริกัน ฟุตบอลคือ คลีฟแลนด์ บราวน์ และ MBNA หรือบริษัทที่ลงทุนเรื่องหลักทรัพย์รายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา
ภายหลังคุณพ่อเสีย แรนดี ก็ขายทีม คลีฟแลนด์ บราวน์แล้วมาซื้อหุ้น แอสตัน วิลล่า เมื่อปี 2006 โดยใช้เวลา 3 เดือนระหว่าง ก.ค.ถึงส.ค. กวาดหุ้นจาก 60% จนเป็นเจ้าของแบบเต็มตัว ทำให้ ดั๊ก เอลลิส ลาออกจากกรรมบริหาร และ
เลอร์เนอร์ ดำเนินการควบคุมทีมทั้งหมด
ผจก.ทีมคนแรกของ เลอร์เนอร์ น่าจะเป็นผจก.ที่แฟนบอลปลื้มนั่นคือ มาร์ติน โอนีลส์ แต่จากนั้นจนถึงล่าสุด การ์ด ทีมวิลล่าใช้ผจก.ไป 6 คน ต่างก็มีชื่อเสียงกันทั้งนั้นอย่าง เชราร์ อุลลิเยร์,อเลกส์ แมคลีช, พอล แลมเบิร์ต ก่อนมาจบที่ เชอร์วูดเมื่อ ก.พ. ปีก่อน และ การ์ด มารับงานในช่วงต.ค.ปลายปีที่้แล้ว
ถ้าดูจากการบริหารงานของ เลอร์เนอร์ ตั้งแต่ 2006 ถือว่าการลงทุนในธุรกิจฟุตของเขาล้มเหลว ทั้งเรื่องงบประมาณ รายรับรายจ่าย เรื่องผลงานในสนาม ทำให้แฟนบอลวิลล่าช่วงหลังโจมตี เลอร์เนอร์ และอยากให้ขายกิจการไปเลย เปลี่ยนเจ้าของใหม่ดีกว่า
แฟนวิลล่าโจมตีทางสัญลักษณ์ทั้งป้าย ข้อความ และมากมายว่า เลอร์เนอร์ เป็นต้นเหตุทำให้วิลล่าเสื่อม....
โดยเฉพาะช่วง 6 ปีที่ผ่านมา วิลล่าเปลี่ยนผจก.ไป 5 คน ผู้บริหารระดับสูง 2 คน แต่ไม่มีกลยุทธ์ในการบริหารจาก เลอร์เนอร์ ออกมาให้เห็นแบบรูปธรรม มีแต่ข่าวขาดทุนทุกปีแถมผลงานก็ไม่กระเตื้อง
สื่ออังกฤษหลายฉบับวิเคราะห์ตรงกันในเรื่องการบริหารว่ามันคือสาเหตุเกิน 50%
เลอร์เนอร์ คือประธานกรรมการบริหาร ในฐานะเจ้าของด้วย การตัดสินใจทุกขั้นตอนมีกระบวนการจาก เดวิด เบิร์นสไตน์ อดีตนายกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ มาเป็นประธานกรรมการด้านฟุตบอลของวิลล่า ไปยังนาย สตีฟ ฮอลลิส ประธานฝ่ายดูแลกิจการสโมสร ซึ่งส่งข่าวข้ามทวีปไปยัง เลอร์เนอร์
หลายขั้นตอนมั้ย
เลอร์เนอร์ จะมาดูนัดเหย้าเป็นประจำ...เมื่อก่อนนะครับ ช่วงหลังโดยเฉพาะปีนี้เจอป้ายขับไล่ก็หายหน้าไปจากสนาม
ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่สื่ออังกฤษบอกว่าแนวทางการบริหารงานของ เลอร์เนอร์ มันเป็นแบบ directionless คือไม่มีแนวทาง ไร้ทิศทางนั่นแหละ ซึ่งผลตรงนี้แฟนวิลล่ามองชัดเจนว่ามันคือต้นตอปัญหา เรื่องผจก. , นักเตะอะไรเนี่ยเป็นองค์ประกอบตามมา
นักเตะและโค้ชโดนเรื่องเดียวหลักๆคือ "เล่นแบบซังกะตาย" อย่างที่เราเห็นกันมาช่วงหลายเดือนกับป้ายแฟนบอลที่ขับไล่ เลอร์เนอร์ พร้อมกับโจมตีนักเตะและโค้ชแบบชัดเจนที่สุด โดยไม่ต้องแก้ตัว
No Fight...No Pride...No Effort...No Hope
ไม่มีการต่อสู้, ไม่มีความภูมิใจ, ไม่มีความพยายาม...และไม่มีความหวัง
สุดท้ายแล้วการดิ้นรนเพื่อให้อยู่รอดไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตหรือเตะบอล ทุกอย่างมันต้องสู้ เพราะคำว่า "ดิ้นรน" เพื่อรอด มันต้องสู้ มันต้องพยายาม แต่นักเตะวิลล่าและโค้ช การ์ด (ซึ่งแคแรกเตอร์ ต่างจากเชอร์วูดมาก)
ไม่มีเลยทั้ง fight, pride, effort และมันก็ต้องตามด้วย ไม่มี hope ในการอยู่รอดนั่นเอง
ไม่สู้ก็แพ้...และการเล่นของวิลล่ามันก็ไม่ต่างอะไรกับการลงไปแล้วเหมือนไม่แข่ง ซึ่งไม่แข่งก็ยิ่งแพ้ อย่างที่พี่เบิร์ด ธงชัย ร้องเอาไว้ 555
โอเค....ปมปัญหามาจากบริหาร คงต้องแก้ด้วยการบริหาร
เป้าหมายต่อไปคือหาผู้เชี่ยวชาญพาขึ้นชั้น...เชื่อว่ากวาดตาในตลาดผู้จัดการทีมมองเห็นกันอยู่เยอะแยะ...ไนเจล เพียร์สัน, เบรนดัน รอดเจอร์ หรือจะไปตาม ทิม เชอร์วูด กลับมาอีกรอบ!!! ยังไงดี มันมีแน่นอนครับ ขึ้นกับว่าทีมบริหารวิลล่าจะจิ้มใคร
ผมมั่นใจว่า...ผจก. ที่ว่างงานน่าจะพร้อมรับงานแอสตัน วิลล่า สโมสรที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่ด้วยรากประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ เพียงแต่จะเป็นใคร มันขึ้นกับ "วิสัยทัศน์"ของผู้บริหาร
เช่นกันครับ....นอกจากหาผจก. งานเร่งด่วนแล้ว ซึ่งคาดว่าคงมีการขายทีมกันในอนาคตอันใกล้ และเชื่อว่าจะมีนักธุรกิจที่พร้อมเข้ามาใช้เงินจำนวนไม่มากตามมูลค่าตลาดณ จุดนี้
สนับสนุน!!! นักธุรกิจไทย...น่าไปซื้อนะครับ ผมเชื่อว่าแม้วิลล่ามีต้นทุนประวัติศาสตร์ที่แพงแต่ แรนดี เลอเนอร์ เจ้าของทีมชาวอเมริกันคงอยากขายใจจะขาดแล้วละครับ
ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ทีมบริหารของ แรนดี เลอร์เนอร์ คงต้องระวังหลุมพรางและอย่าคิดว่าการกลับมาในปีเดียวนั้นมันง่าย และด้วยการบริหารงานแบบที่เห็นกันมา 10 ปี จนกระทั่งวิลล่าตกชั้น ไม่มีหลักประกันอันใดว่า พวกเขาจะกลับมาทันที
ดังนั้นผมมองว่า...โจทย์แรกคือหา ผจก. คนๆนั้นที่เชี่ยวชาญการนำทีมขึ้นชั้นก่อน ถ้าได้ผจก.มือดี มือที่นำทีมขึ้นชั้นเก่งๆ คุณก็จะได้นักเตะที่พร้อมรับใช้วิลล่า และฟุตบอลมันจะกลับมามีชีวิตชีวา
แล้วเราจะได้เห็น แอสตัน วิลล่า อีกครั้งหนึ่งในพรีเมียร์ลีก
หวังว่าการจากลาครั้งนี้คงเป็นแค่ "ชั่วคราว" นะครับ