สนช.รับหลักการแห่งร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ไว้พิจารณา
31 มี.ค. 59 - ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติรับหลักการแห่งร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... ไว้พิจารณาด้วยคะแนน 176 เสียง ขณะรองนายกรัฐมนตรี ระบุ ร่างกฎหมายฉบับนี้มีความสำคัญและถือเป็นวาระแห่งชาติที่เกี่ยวเนื่องกับการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น
การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่มี ศ.พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นประธานการประชุม มีมติรับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... ไว้พิจารณาด้วยคะแนนเห็นด้วย 176 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี งดออกเสียง 3 เสียง จากจำนวนผู้เข้าประชุม 179 คน กำหนดระยะเวลาแปรญัตติ 7 วัน ระยะเวลาดำเนินงาน 60 วัน
โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงต่อที่ประชุม สนช.ว่า ร่างฉบับนี้เป็นร่างกฎหมายสำคัญของรัฐบาลและถือเป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เล็งเห็นว่าเรื่องของการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องสำคัญ
จึงจำเป็นต้องรับฟังข้อเสนอองค์กรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ก็ได้จัดทำร่าง พ.ร.บ.ฉบับหนึ่งส่งมายังรัฐบาล ซึ่งมองว่าเป็นกฎหมายที่นำเอาเรื่องที่เป็นสารบัญญัติและวิธีสบัญญัติมารวมไว้ด้วยกัน
การจะพิจารณากฎมายก็อาจยุ่งยากซับซ้อน ครม. จึงได้แยกกฎหมายที่เสนอมาออกเป็น 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ และอีกหนึ่งฉบับคือ กฎหมาว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งจะกล่าวถึงเรื่องการดำเนินคดีทุกขั้นตอนตั้งแต่การฟ้อง ไต่สวน พิจารณา สืบพยาน ยึด/ริบทรัพย์ อุทธรณ์ ฎีกา โดยเหตุผลที่ต้องมี พ.ร.บ.ฉบับนี้
เนื่องจาก การทุจริตและประพฤติมิชอบมีผลกระทบอย่างรุนแรงในระบบราชการ เศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติ มีผลกระทบต่อเสถียรภาพ และเป็นอันตรายต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ การทุจริตและประพฤติมิชอบมีความร้ายแรงมากขึ้นและเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ การจะฟ้องร้องตามระบบปกติในศาลแขวง ศาลอาญา ศาลจังหวัดส่งผลให้การดำเนินคดีล่าช้า
กระทบกับคดีอาญาทั้งหมดทำให้ระบบคลาดเคลื่อน จึงเห็นสมควรจะแยกคดีนี้ออกมา ไปดำเนินการในศาลชำนัญพิเศษ และเพื่อให้ศาลทำงานได้จึงได้ต้องเสนอกฎหมายนี้ โดยมีหลักการสำคัญ คือ จัดให้คดีอาญาที่เกี่ยวกับการทุจริตประพฤติมิชอบ จะต้องมาขึ้นศาลอาญาคดีทุจริตที่ได้จัดตั้งขึ้นใหม่ ส่วนคดีที่ไม่ต้องมาขึ้นศาลนี้คือ คดีที่ต้องขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และ ศาลที่อยู่ในคดีของศาลเยาวชนและครอบครัว
โดยวิธีพิจารณาสำคัญที่จะใช้ในศาลนี้คือ ผู้พิพากษาจะต้องมีประสบการมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี ใช้ระบบไต่สวนไม่ใช่ระบบกล่าวหา ศาลสามารถออกหมายเรียกโจทย์หรือจำเลยและอาจเป็นคนถามเองตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อค้นหาความจริงได้
นอกจากนี้เพื่อการพิจารณาคดีที่รวดเร็วศาลดังกล่าวจะมีเพียง 2 ศาล คือ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เว้นแต่เป็นคดีสำคัญเป็นคดีๆ ไป เรียกว่าระบบฎีกาเป็นระบบอนุญาต ไม่ใช่ระบบสิทธิอีกต่อไป สิ่งเหล่านี้จะสามารถตอบโจทย์การดำเนินงานที่รวดเร็ว การยึด/ริบทรัพย์จะทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่าในอดีต ส่วนเรื่องของการหนีคดี กฎหมายฉบับนี้กำหนดไว้ว่า ในกรณีผู้ถูกฟ้องร้องหนีไปคดีจะไม่ขาดอายุความ
วิจิตรา น้าวัฒนไพบูลย์ ข่าว / เรียบเรียง