เรียกได้ว่าก็จบลงไปเรียบร้อยแล้วสำหรับงาน Apple Special Event หรืองานเปิดตัว iPhone SE รวมถึง iPad Pro ขนาด 9.7 นิ้ว และสายใหม่ของ Apple Watch โดยสำหรับใครที่พลาดการถ่ายทอดสดเมื่อคืน ก็สามารถรับชมสรุปงานเปิดตัวในค่ำคืนที่ผ่านมา กันได้ที่นี่เลยครับ

โดยงานเริ่มต้นขึ้นด้วยการเปิดคลิปวีดีโอ 40 Years in 40 Seconds ซึ่งเป็นการรวมรวมเรื่องราวและผลิตภัณฑ์ ต่างๆ ในรอบ 40 ปีที่ผ่านมาให้ได้ชมกันภายในเวลา 40 วินาที

หลังจากนั้น Tim Cook ก็ขึ้นมากล่าวเปิดงาน ซึ่งงานในครั้งนี้ถือว่าเป็นการครบรอบ 40 ปีอีกด้วย นอกจากนี้ยังกล่าวถึง Apple Device ที่วางจำหน่ายทั่วโลกไปแล้วกว่า 1,000 ล้านเครื่องเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงเรื่องข้อพิพาท ในด้านการขอข้อมูลส่วนตัวจากผู้ต้องสงสัยจากรัฐบาล ซึ่งแอปเปิ้ลยืนยันว่า จะปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อย่างเต็มความสามารถ

หลังจากนั้น Apple ก็เริ่มพูดถึงเรื่อง การจัดการและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการประหยัดพลังงาน โดยการตั้งแผงโซล่าที่สามารถเข้ากับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี

และ Liam เครื่องจักรกลอัจฉริยะ ที่จะสามารถแยกชิ้นส่วน อุปกรณ์เช่น iPhone ออกมาทีละชิ้น เพื่อให้ง่ายต่อการจำแนก และ นำมารีไซเคิล นั่นเอง

หลังจากนั้น ก็ได้มีการเชิญคุณ เจฟ ขึ้นมาพูดถึง ResearchKit และ CareKit สำหรับให้นักพัฒนา นำไปใช้สำหรับการจัดการข้อมูลสุขภาพของผู้ใช้ เพื่อนำไปศึกษา และนำมาพัฒนาให้เหมาะสมกับการใช้งานด้านสุขภาพต่อไป

หลังจากนั้น Tim Cook ก็กลับขึ้นมาบนเวที แล้วเริ่มพูดถึง ผลิตภัณฑ์ กันแล้ว โดยเริ่มต้นที่ Apple Watch โดยสำหรับ Apple Watch นั้นจะมีการเพิ่มสายแบบใหม่ ทั้งในเรื่องของ รูปแบบ และ สีสันใหม่ๆ ของ สาย Apple Watch โดยในรูปด้านบนนั้น สายทำมาจาก ไนล่อน และสีสันใหม่ที่มีให้เลือกมากขึ้น ของสายในแบบเดิม สำหรับ Apple Watch และยังได้มีการปรับราคาเริ่มต้นของ Apple Watch ลดลงเหลือเพียง $299 หรือประมาณ 10,000 บาทอีกด้วย

สำหรับ Apple TV ก็มีการอัพเดตด้วยเช่นเดียวกัน โดยล่าสุดมี Application บน Apple TV มากกว่า 5,000 แอพพลิเคชันแล้ว และยังได้มีการพูดถึง tvOS ที่มีการปรับปรุงใหม่ด้วยเช่นเดียวกัน

หลังจากนั้นก็ได้เวลาของไฮไลท์สำหรับงานนี้ นั่นก็ก็คือ การเปิดตัว iPhone SE นั่นเอง

ซึ่ง iPhone SE นั้นมาพร้อมกับชิปประมวลผล Apple A9 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลตัวเดียวกันกับที่ใช้บน iPhone 6s

iPhone SE มาพร้อมกับกล้องดิจิตอลความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวีดีโอแบบ 4K พร้อมไฟแฟลชแบบ True Tone รองรับฟีเจอร์ Live Photos

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ ระบบ NFC และรองรับการใช้งาน Apple Pay ได้อีกด้วย

และนี่คือการสรุปฟีเจอร์คร่าวๆ ของ iPhone SE ว่ามีฟีเจอร์อะไรเด่นๆ บ้าง Phone SE นั้นมีราคาเริ่มต้นที่ $399 หรือประมาณ 12,000 บาท สำหรับรุ่น 16GB และ 15,900 บาทสำหรับรุ่น 64GB โดยราคาดังกล่าวเป็นราคาในสหรัฐฯ เท่านั้น

ต่อกันด้วยการ พูดถึง iOS 9.3 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุดกันสักเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ Night Shift, Note แบบใหม่รองรับการสแกนนิ้วมือ ไปจนถึง Carplay เวอร์ชั่นอัพเดตล่าสุด โดย iOS 9.3 นั้นได้ปล่อยให้อัพเดตกันเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ต่อด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ใหม่ล่าสุดอีกหนึ่งชิ้นนั่นก็คือ iPad Pro ที่มีขนาด 9.7 นิ้วนั่นเอง ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีหน้าจอแบบเดียวกันกับที่ใช้บน iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่อย่าง True Tone Display ที่จะปรับสีสันของหน้าจอให้ตรงกับสภาพแวดล้อมที่คุณกำลังเป็นอยู่ในขณะนั้น อีกด้วย

iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว มาพร้อมกับ ลำโพงสี่ตัวเช่นเดียวกันกับรุ่นใหญ่

ส่วนประสิทธิภาพในการประมวลผลนั้นก็จะเป็นแบบเดียวกันกับรุ่นใหญ่ เนื่องจากใช้ชิปประมวลผลตัวเดียวกัน นั่นก็คือ Apple A9X นั่นเอง

นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานร่วมกับ Apple Cover Keyboard ที่มีขนาดเล็กออกแบบมาสำหรับ iPad Pro รุ่น 9.7 โดยเฉพาะ

และแน่นอนว่าที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ การรองรับการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil นั่นเอง

ต่อกันด้วยอุปกรณ์เสริม สำหรับเชื่อมต่อกับ กล้องดิจิตอลแบบ USB และ อุปกรณ์เสริมสำหรับอ่าน SD Card

iPad Pro มาพร้อมกับกล้องดิจิตอลด้านหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ True Tone และ รองรับการถ่ายวีดีโอในระดับ 4K ด้วย

ส่วนกล้องดิจิตอลด้านหน้านั้นก็มีความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล รองรับการใช้งาน Facetime HD

โดยสำหรับราคาของ iPad Pro 9.7 นิ้วนั้น จะเริ่มต้นที่ $599 หรือประมาณ 19,000 บาท สำหรับรุ่น 32GB และเป็นครั้งแรกที่มีรุ่น 256GB มาให้เลือกซื้อกันแล้วในตอนนี้ สำหรับ iPad Pro รุ่น 9.7 นิ้ว โดย iPad Pro รุ่น 9.7 นั้นจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มีนาคมนี้ ในสหรัฐฯ

หลังจากนั้น Tim Cook ก็ได้กลับขึ้นมาพูดถึง ออฟฟิศแห่งใหม่ของแอปเปิ้ลที่กำลังก่อสร้างอยู่ในตอนนี้ และสุดท้าย Tim Cook ก็ได้กล่าวขอบคุณทีมงานแอปเปิ้ล รวมถึงผู้ที่เข้าร่วมงานในวันนี้ด้วยเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นการจบงานที่สมบูรณ์แบบอีกครั้งสำหรับ Apple เลยทีเดียวสำหรับงานในวันนี้