เมื่อผมยอมเปลี่ยนตัวเองมาชอบผู้ชาย จนเป็นบทเรียนที่ควรจำไปตลอดชีวิต จนสับสนว่าผมควรจะเอายังไงกับชีวิตดี??
สวัสดีครับเรื่องราวของผมก็ตามชื่อกระทู้เลยครับ ใช่ครับผมเป็นผู้ชาย ที่ยอมเปลี่ยนตัวเองมาชอบผู้ชายด้วยกัน ผมขอใช้ชื่อสมมติว่า B นะครับ ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปี 4 ละครับ
ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมาตั้งแต่มัธยมจนเข้ามหาวิทยาลัย ผมคบกับผู้หญิงมาโดยตลอด แต่ก็มีบ้างที่คนจะชอบคิดว่าผมเป็นเกย์ รึป่าวอาจจะเพราะเป็นคนที่ผิวขาวกว่าผู้ชายทั่วไปหรืออะไรก็แล้วแต่ จนเมื่อตอนปี3 ผมก็มีโอกาสได้คบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ผมจริงจังมาก ผมแอบชอบเค้ามาตั้งแต่เรียนปี1 เค้าเป็นดาวคณะพยาบาลคนจีบเค้าเยอะมาก จนผมแอบก็มีโอกาสได้จีบและได้คุยๆกันอยู่พักใหญ่ๆ
จนผมรักจะจริงจังกับผู้หญิงคนนี้มากๆๆๆ เราคุยกันมาได้ 7 เดือนกว่าๆ ผมเองตั้งใจไว้ว่าในวันที่ครบรอบ 8 เดือน ผมจะขอเค้าเป็นแฟนอย่างจริงจัง เพราะตลอดระยะเวลา 7 เดือนกว่าๆเราคบกับแบบไม่มีสถานะ แต่รู้มั้ยครับ ก่อนที่จะครบรอบ 8 เดือน ผู้หญิงคนนั้นเค้าก็มาบอกกับผมว่าเค้าตัดสินใจเป็นแฟนกับผู้ชายอีกคนไปแล้ว... ใช่ครับ ผมไม่โทษว่าเค้าผิด แต่มันทำให้ผมเคว้งคว้างมากตอนนั้นขวัญหลายๆอย่าที่ผมเตรียมไว้ในวันที่คิดว่าจะขอเค้าเป็นแฟน ผมก็เอาไปทิ้งจนหมดเลยอ่ะ ช่วงนั้นเป็นช่วงก่อนสงกรานต์พอดี ผมแบบเสียใจมากอ่ะ ร้องไห้มั้ยก็ร้องนะ มากด้วย ทำอะไรไม่ถูกอยู่หลายวัน จนตัดสินใจที่จะไม่คบไม่คุยกับใครอีกล่ะ เพื่อนๆของผมเองก็พยายามแนะนำให้จีบผมเองเองก็ไม่คิดจะจีบหรือจะคบใคร คือปิดกั้นตัวเองไปเลย
(เข้าเรื่องเลยนะครับ) จนช่วงเปิดเทอมผมเองก็ต้องทำกิจกรรมช่วยคณะ ซึ่งกิจกรรมที่ผมรับผิดชอบคือการหาน้องๆมาเลยเอามาซ้อมเพื่อประกวดดาวเดือนของคณะ จนทำให้ผมได้มีโอกาสรู้จักกับเด็กผู้ชายปี1คนนึงคือน้อง A ตอนเจอกันแรกๆก็ไม่ได้อะไรมากครับ ด้วยที่น้องผู้เข้าประกวดทั้งหมดอยู่ปี 1 แล้วผมอยู่ปี 4 ทำให้แรกๆไม่ค่อยมีใครกล้าพูดหรือคุยนอกเรื่องที่เกี่ยวกับการประกวดซักเท่าไหร่ แต่มีเด็กผู้ชายอยู่คนนึงครับที่กล้าที่จะเข้ามาคุย นู้นนี่นั่นเรื่อยเปื่อยกับผมอยู่ตลอด ด้วยเรามีเฟสบุ๊คกัน
เวลาที่น้อง A จะลาหรือ ขาดซ้อมน้องก็จะทักแชทมาของลากับผมโดยตรงเลย ตรงนี้แหละครับทำให้เราได้คุยกันมากกว่าปกติที่ควรจะเป็น แต่แรกๆผมเองไม่ได้คิดอะไรนะครับ ด้วยผมเป็นคนที่เข้ากับคนง่ายแล้วผมเองก็ไม่มีน้องพอได้คุยกับน้อง A ก็รู้สึกเหมือนได้น้องชาย ก็เรื่องที่คุยส่วนมากก็เป็นเรื่องหนังสือที่เค้าชอบอ่าน และหนังสือที่ผมชอบอ่าน ด้วยความที่เป็นคนที่อ่านหนังสือแนวๆคล้ายๆกันเลยที่ให้รู้สึกเหมือนว่าเราเข้ากันได้ดี คุยกันถึงเรื่องความรักที่ผ่านๆมาอยู่เรื่อยๆครับ น้อง A จะชอบเอาเรื่องความรักครั้งที่ผ่านๆมา มาเล่าให้ผมฟังว่า เลิกกันยังไง รักเค้ามากขนาดไหน คบกันยังไง แต่ความรักที่ผ่านๆมาของน้อง A ก็คือผู้หญิงนะครับ มีหลายอย่างจากประสบการณ์ความรักของน้องเค้าที่มันช่างเหมือนกับเรื่องราวของผมเองซะเหลือเกินยิ่งทำให้เราพูดคุยถูกคอกันมากขึ้นและผมเองก็สนิทกับน้อง A มากกว่าน้องๆ ปี 1 น้องเค้าเลยค่อนข้างมีความคิดอะไรที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าน้องปี 1 คนอื่นๆ และมันยิ่งทำให้เราได้คุยกันมากขึ้นครับ
มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆหรือหวั่นไหวอะไรก็แล้วแต่ จนมีอีกเหตุการณ์ที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆเข้าไปอีก ผมดันเดินตกบันไดครับ จนข้อเท้าแพลง ต้องพันผ้าไว้อยู่เป็นอาทิตย์ เวลาเดินผมต้องคอยยกระโดด หรือเขย่งเดินอยู่ตลอด แต่ก็มีน้องA นี่แหละครับที่เวลาที่ผมมาคุมน้องๆซ้อมที่คณะทุกๆเย็นน้องA จะคอยวิ่งเข้ามาพยุง ให้ผมกอดคอน้องเค้าเดินอยู่ตลอดๆ ด้วยที่ช่วงนั้นรถผมเสียไม่มีรถใช้อีก น้องAก็จะคอยไปรับไปส่งตลอด ด้วยความที่ผมเองก็เกรงใจน้องผมก็เลยบอกไปว่า
“วันหลังไม่ต้องละนะ เดี๋ยวพี่ให้เพื่อนมารับมาส่งจะได้ไม่ต้องลำบากแก”
สิ่งที่น้องตอบกลับมาคือ “ไม่เป็นไรครับ ผมอยากทำ ให้ผมดูแลพี่เหอะเรื่องแค่นี้เอง”
หลังจากนั้นน้องก็จะคอยไปรับไปส่งผม คอยพยุงผมเดินอยู่ตลอดๆ
จนวันนึงที่เรามีโอกาสได้เปิดใจคุยกัน น้อง A ถามผมมาอยู่คำนึงว่า “พี่ B พี่เป็นเกย์รึป่าว??”
ผมก็ตอบไปว่า "ไม่" แล้วถามกลับไปว่าทำไมถามแบบนี้ น้อง A ก็ไม่ตอบครับ
จนวันต่อมาที่ไปซ้อมประกวดที่คณะ น้อง A เงียบ ไม่พูดไม่คุย ไม่มองหน้าผมจนผมเองก็งงๆ ครับ ผมเองก็ร้อนใจครับว่าน้องเป็นอะไร ซึ่งตอนนั้นผมร้สึกแย่รู้สึกไม่ดีมาก รู้สึกใจหายแปลกๆแบบบอกไม่ถูก พอซ้อมเสร็จน้องก็กลับเลยครับ ซึ่งปกติน้องต้องเป็นคนไม่ส่งผม นั้นรู้ทันทีเลยว่าน้อง A โกธรอะไรผมแน่ๆ ณ ตอนนั้นผมแคร์น้องเค้ามาก ถึงมากที่สุดโดยไม่รู้ตัวอ่ะ ถึงห้องผมเลยทักแชทไปถาม
ผม: A ครับเป็นไรรึเปล่า?
A: ไม่เป็นอะไร
ผม: ไม่เป็นอะไรแล้วทำไมวันนี้เป็นแบบนี้
น้องอ่านไม่ตอบครับ
ผมร้อนใจมาจนโทรหาเค้าแล้ววันนั้นผมมีโอกาสได้คุยกับน้องหลายๆเรื่อง จนน้อง A สารภาพกับผมว่าเค้าแอบชอบผมครับ ตอนนั้นผมดีใจมากกกกกก แต่ก็ต้องสตั้นคิดแบบนึงว่าน้องเป็นผู้ชาย แล้วผมเองก็เป็นผู้ชาย ?? ใช่ครับตอนนั้นผู้เองก็หลงรักผู้ชายด้วยกันแบบไม่รู้ตัวไปแล้วอ่ะ
หลังจากวางสายวันนั้นเราก็ยังไม่ได้คุยอะไรกันต่อครับ ผมสับสนและงงๆกับตัวผมเองมาก แต่ก้ไม่กล้าที่จะเล่าและบอกเพื่อนๆคนไหนครับ ตอนนั้นผมเครียดมากแล้วพยายามต่อต้านกับความรู้สึกของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ผมเครียดจนร้องไห้ออกมากับเพื่อนสนิทผมคนนึง ได้แต่ร้องไห้เพื่อนก็สงสัยว่าผมเป็นอะไร แต่ผมเองก็ไม่กล้าที่จะเล่าให้เพื่อนฟังวันต่อมาผมก็ยังได้คุยกับน้อง A ถึงความรู้สึกระหว่างเราวาที่เกิดขึ้นมันคืออะไรกันแน่ จนมีอยู่ประโยคนึงที่น้องบอกกับผมคือ “ผมชอบพี่ผมยอมเปลี่ยนตัวเองมาชอบผู้ชายก็เพราะว่าผู้ชายคนนั้นเป็นพี่ ผมเชื่อว่าจะทำให้พี่เปลี่ยนมาชอบผมได้”
หลังจากวันนั้นที่เราสองคนคุยกันผมก็ยอมแพ้ต่อความรู้สึกตัวเองครับ ผมยอมหยุดที่จะต่อต้านความรู้สึกตัวเองและยอมที่จะเปลี่ยนตัวเองมาชอบผู้ชายด้วยกันตามที่ความรู้สึกของตัวผมผมตัดสินใจที่จะคบกับน้อง A ครับ เราสองคนคบกับแบบลับๆนะครับ ด้วยความที่ไม่รู้อนาคตจะเป็นยังไง เราก็คบกันด้วยดีนะ เค้าก็ยังไม่รับไปส่งผมตลอดๆเวลาที่เข้าซ้อมประกวดที่คณะ
จนถึงวันประกวดจริงปีที่แล้ว หลังจากนั้นก็จะเป็นช่วงของการเตรียมส่งดาวเดือนคณะเข้าประกวดของมหาวิทยาลัย ด้วยที่น้อง A ไม่ได้ตำแหน่งอะไรเลยไม่ได้เข้ามาซ้อมต่อ ทำให้เราไม่ค่อยเจอหน้ากันเท่าไหร่ เพราะผมเองก็ต้องมาเทรนน้องที่จะไปประกวดต่อทุกวัน แต่เราก็มีโทรศัพท์ แชทเฟส อยู่ตลอดๆ ถ้าว่างผมก็จะเข้าไปหาน้องที่ห้องอยู่บ่อยๆก็ราบรื่นดีไม่มีอะไร ณ ตอนนี้ผมยอมรับเลยครับว่าผมรักน้อง A มากๆ
ผมมีความสุขกับความรักครั้งนี้มากอ่ะ แบบไม่สนว่าใครจะรู้รึเปล่า สนใจแค่เราสองคนรู้ว่าเรารักกันแค่นี้พอล่ะ ไม่จำเลยที่จะบอกหรือประกาศให้ใครรู้ว่าเราคบกับ น้อง A ก็คิดเหมือนๆกันนะเราก็ดูมีความสุขดี จนกระทั่งวันนั้นเราทะเลาะกันครับ ด้วยวันนั้นผมไปติวหนังสือให้น้อง A ที่หอ แล้วบังเอิญแม่น้องดันมาหาที่หอ ก็เข้ามาผมเจอก็สวัสดีทักทายตามประสาแม่น้องก็ดูใจดีไม่มีอะไรครับ น้องก็แนะนำว่าผมเป็นรุ่นพี่ที่คณะ มาติวให้ นู้นนี่นั่นๆหลายๆอย่าง
แต่ไม่ได้บอกนะครับว่าสถานะจริงๆเราเป็นอะไรกันแม่น้อง A ก็ฝากให้ผมดูแลน้องด้วยนะตอนประสาผู้ใหญ่อ่ะเนอะ ผมเลยขอตัวกลับก่อน แล้วตอนเย็น ผมโทหา ทักแชท น้อง A ไม่รับ ไม่ตอบ ผมก็งงๆว่าเกิดอะไรขึ้น แล้ววันต่อมาเราก็ได้เคลียร์กันว่าน้องเป็นอะไร สิ่งที่น้องบอกผมคือ คือขอให้เราหยุดความสัมพันธ์ไว้แค่นี่ น้องไม่อยากให้แม่เสียใจ ....
ตอนนั้นผมอึ้งและทำไรไม่ถูกเลยครับ (ผมได้แต่คิดว่าจะหยุดได้ยังไงในเมื่อผมให้รักน้องเค้าไปทั้งใจแล้วอ่ะ)
ด้วยความที่น้อง A อาจจะยังเด็กสำหรับผม ผมเลยรู้สึกว่าตอนที่น้องอยากจะให้ผมรักน้องก็ทำทุกอย่างให้ผมรักน้อง พอน้องคิดที่จะหยุดรัก ก็อยากจะหยุดกันดื้อๆ ผมเลยยังขอไม่ให้คำตอบอะไรทั้งนั้น ทำแค่เพียงปิดเฟส แล้วเงียบหายไปซักพักก็มีเพ้อลงไอจี แบบกระหน่ำเลยแหละครับเฮิร์หนักมากยิ่งเพ้อหนักมากจนโดยอันฟอลโล่ไปเป็นร้อยอ่ะครับ
สุดท้ายน้อง A ก็เป็นคนกลับเข้ามาหาผมอีกทีครับ มาขอให้เราคบกันเหมือนเดิมน้องบอกว่าน้องคิดมากไปเอง สุดท้ายเราก็กลับมาคบกันเหมือนเดิมด้วยดีครับ แล้วช่วงปิดเทอมช่วงปีใหม่ผมก็กลับบ้านแต่ด้วยที่มอผมมีแข่งกีฬามหาวิทยาลัยช่วงนั้นพอดีผมเองก็ได้หาเรื่องที่จะกลับมอมาหาน้อง A แหละครับเพราหลังจากที่มีปัญหากันครั้งนั้นมันเหมือนว่าจะยิ่งทำให้เราเข้าใจและรักกันมากขึ้นกว่าเดิมอีก
อ่อและจริงๆแล้วผมเรียนปี 4 เทอมสุดท้ายละครับ แต่ผมก็ไม่ได้ขอเงินที่บ้านแล้วนะครับเทอมนี่หาตังค์ใช้เองล้วนๆ ไปขายของตามเปิดท้าย หรือ ถนนคนเดิน
เวลาผมลงขายของน้องก็จะแวะมาหาที่ร้านตลอดแต่เวลาเราเจอกันต่อหน้าคนอื่นเราจะทำตัวปกติ เหมือนๆกับเวลารุ่นน้องคนอื่นๆ แวะมาหาผมที่ร้านนะครับ เพราะไม่มีใครรู้เรื่องของเรา และอีกอย่างเพื่อนสนิทผมเองก็จะขายของอยู่ข้างๆผมตลอด
น้อง A ก็จะมาหาน้องเฝ้าอยู่ซักพักแล้วก็ค่อยไป ก็จะแล้วก็จะโทรกลับมาถามว่า เหนื่อยมั้ย??? ขายดีมั้ย???
ทั้งๆที่ผมเก็บร้านเสร็จผมก็จะแวะเอาของกิน ไปให้เค้าที่หอตลอดแหละ คำพูดเหล่านั้นก็เป็นกำลังใจเล็กๆ พอให้ผมเองได้หายเหนื่อยนะ ไม่ว่าจะขายของเหนื่อยแค่ไหนได้คุยกับน้องเค้าก็หายเหนื่อยตลอดแหละ น้องAก็จะแวะไปหาผมที่เปิดท้ายมอ ทุกวันที่ผมลงขาย
คือต้องบอกก่อนว่าปกติน้องไม่ค่อยชอบเดินหรือไปในที่ที่คนเยอะๆเท่าไหร่ แต่ที่น้องมาก็เพราะแอยากมาเจอผมแหละ 555
ก็เป็นอารมณ์สวีทนิดๆของคู่เราแหละ
เรื่องทุกอย่างก็เหมือนจะไปได้ดีใช่มั้ยล่ะครับ แต่เปล่าเลย เหตุการณ์หลังจากนี้แหละครับที่ทำให้ผมเองต้องมาตั้งกระทู้นี่
ช่วงหลังๆมา น้องA เริ่มอ่านแชทล่ะไม่ตอบ โทหาไม่รับไม่โทกลับ ผมสงสัยว่าเค้าต้องโกธรอะไรอีกแน่ๆ ตลอดเวลาที่คบกับอยู่แบบลับๆที่ครั้งที่น้องโกธรก็จะเป็นแบบนี้ครับ แต่ผมไม่เคยโกธรอะไรน้องเลยนะ เวลามีปัญหากันผมยอมที่จะง้อน้องตลอดเพื่อความสัมพันธ์ของเราครับ วันนั้นเราคุยกันครับ
A : “ผมอยากกลับไปใช้ชีวิตแบบผู้ชายปกติทั่วไป”
ผม : “คืออะไร ? เป็นอะไรอีก ? นอยอะไร”
A : “เปล่าครับแค่อยากหยุดจริงๆแล้ว”
ผม : “ไม่รักพี่แล้ว หรือ มีคนอื่น?”
A : “ไม่ได้มีใครครับ ผมยังรักพี่ยังรักมากด้วย แต่ผมแค่รู้สึกว่าเราควรหยุด เรื่องของเราก็ยังไม่มีใครรู้ ผมว่าเราควรจะกลับไปใช้ชีวิตเป็นผู้ชายจริงๆ ปกติทั่วไปนะพี่”
ผม : “หมายความว่าไง??”
A : “ผมรักพี่นะ แต่ผมว่าเราควรเลิกกัน จริงๆก็ก็ชอบผู้หญิงไม่ใช่หรอ เลิกกับผมไปอาจจะมีผู้หญิงดีๆรอพี่อยู่นะ”
ผม : “เฮ้ย!! แต่ตอนนี้พี่รักแก ที่เป็นผู้ชายไปแล้ว คือในใจพี่ก็มีแค่แกว่ะ อะไรของแก ตอนที่คิดจะรักพี่แกก็ทำทุกอย่างเพื่อให้พี่รักแก พอคิดจะไม่อยากรักกันแล้วก็ทำงี้“
A : “ขอโทษครับพี่ เป็นเราควรหยุดมันจริงๆ ผมเชื่อว่าผมจะกลับไปเป็นผู้ชายปกติได้ พี่ก็เช่นกัน ผมเองจะพยายามลืมเรื่องของเรานะครับ ผมเชื่อว่าเรายังเป็นพี่น้องกันได้นะ เราเจอกันเราก็แค่ทำทุกอย่างเหมือนปกติต่อหน้าทุกคนไง เรื่องเราสองคนก็ไม่เคยมีใครรู้อยู่แล้วนิพี่”
ผม : “อืม! พี่เข้าใจแล้ว ไปเหอะน้อง ขอบใจนะ”
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เราคุยกันวันนั้นครับ จริงๆแล้วผมแทบจะไม่อยากให้น้องไป ผมพยายามหาเหตุผลที่จะรั้งไว้ต่างๆนานาๆก็เปล่าประโยชน์ครับ เราคุยกันจบวันนั้นจนเวลาผ่านมาได้ 1 อาทิตย์ ผมก็ยังขายของตามเปิดท้ายมอ ปกตินี่แหละครับ แต่ว่าน้อง A มาเดินแล้วแวะมาหาผมที่ร้าน ทำทุกอย่าเมือนปกติ แล้วคิดว่าผมจะทำได้มั้ยครับ ?
ทำไม่ได้หรอกครับ สิ่งเดียวทีผมทำคือแกล้งไม่เห็นแล้วฝากเพื่อนดูร้านแล้วเดินหนีออกมาอยู่ตลอด ก็เหมือนน้อง A จะรู้ตัวนะครับ หลายๆครั้งที่น้องพยายามทำตัวเหมือนปกติแต่ผมทำไม่ได้ครับพูดเลย ผมยังรักเค้าอยู่มาก
แค่เห็นหน้าก็อยากจะร้องไห้ละครับจะให้ทำเป็นไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวยังไงผมก็ทำไม่ได้ครับ จนตอนนี้ผมรู้ข่าวมาจากรุ่นน้องคนอื่นๆว่าน้อง A กำลังเดินหน้าจีบและคุยกับผู้หญิงคนนึงอยู่ ใช่แล้วครับการที่น้องบอกของกลับไปใช้ชีวิตแบบผู้ชายปกติคือการที่น้องจะกลับไปคบกับผู้หญิง หลังจากวันที่ผมได้รู้ข่าวนี้ ผมก็เห็นน้อง A ขึ้นสเตตัสถึงชื่อเรียกที่เค้ารู้กันสองคนกับผ้หญิงคนนั้นแล้วแท็กเฟสบุ๊คหากัน
ผมเองเลยตัดสินใจขอคุยกับน้อง A อีกครั้งว่าตกลงเรื่องเป็นยังไง จะกลับไปคบกับผู้หญิงได้จริงๆใช่มั้ย เราคุยกันเยอะครับแต่มีอย่ประโยคนึงที่ผมฟังแล้วก็ไปต่อไม่เป็นคือ น้อง A บอกกับผมว่า
“ที่ผมจะคบกับผู้หญิงคนนี้ก็เพราะว่าผมต้องการใช้ชีวิตตามธรรมชาติของผู้ชายที่ควรจะเป็น เราเป็นผู้ชายก็ควรจะคู่กับผู้หญิงถึงจะถูก ผมขอโทษพี่สำหรับเรื่องราวที่ผ่านมา ผมเชื่อเสมอว่าพี่ก็จะกลับไปชอบผู้หญิงได้เหมือนเดิมเหมือนก่อนที่เราจะรักกัน”
นั่นแหละครับผมก็ไปไม่ถูกเลย เสียใจหนักมาก ไม่ว่าผมจะเข้มแข็งขนาดไหนก็ก็ไม่อายที่จะร้องไห้ออกมากับเรื่องนี้ ผมร้องไห้หนักมาก ร้องเทียบขาดใจอ่ะพูดเลย ด้วยอารมรณ์ผมก็ขึ้นสเตตัสในเฟสบุ๊คขอให้เค้ารักกันจนตาย ให้เค้าโชคดี ก็เห็นเค้ามากดไลค์นะครับ ณ ตอนนี้ผมเริ่มสับสนล่ะ จากที่เคยคิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกที่เปลี่ยนมาชอบผู้ชายคิดว่าน่าจะเป็นรักที่มีความสุขสำหรับตัวผมเองเป็นสิ่งที่พอดีกับผมเอง
แต่ตอนนี้สิ่งทีผมคิดมันคงไม่ถูกผมเริ่มรู้สึกว่ามันไปพอดี มันไม่ใช่ ตอนนี้ผมอยู่แบบคนที่กำลังสับสน ต่อจากนี้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมเองจะเป็นแบบไหนกันแน่อนาคตที่จะเปิดใจรับใครเข้ามาควรจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เพราะตอนนี้ทั้งใจผมเลยนะครับก็คือน้อง A
ผู้ชายคนเดียวที่ผมรักตอนนี้ ผมเองก็ไม่รู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนทั่วๆไป แต่ถ้าอนาคตผมจะกลับไปชอบผู้หญิงมันก็ยังจะมีปมเล็กว่าเราก็เคยคบกับผู้ชายด้วยกันมา ซึ่งถ้ามองก็เหมือนผมไปหลอกผู้หญิงเค้า ตอนนี้ผมเลยสับสนงุนงงกับตัวผมเองมาก เคว้งคว้างที่สุดอ่ะ
อยู่คนเดียวผมก็เครียดเอาแต่ร้องไห้ คือแบบ ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ยิ่งเมื่อวานนี้ ผมเห็นน้อง อัพรูปคู่กับ ผู้หญิงคนนั้น แล้วขึ้นสถานะว่าเป็นแฟนกันในเฟสบุ๊คนะ ผมนี่ร้องไห้โฮเลย พยายามกลั้นความรู้สึกแต่ก็ไม่ไหวจริงๆ
แต่ก็พยายามคิดนะ ขอให้น้องโชคดีกับเส้นทางที่น้องเลือกความรู้สึกของผมเองตอนนี้คือ ยินดีกับน้องด้วยถ้าความรักของน้องกับผู้หญิงคนนั้นเป็นความรักจริงๆไม่ใช่น้องไปคบกับผู้หญิงคนนั้นเพื่อเพียงต้องการให้ตัวเองเป็นเหมือนผู้ชายปกติทั่วไป ถ้ารักกันจริงๆก็ยินดีด้วย พี่รักน้องมากพอที่จะปล่อยน้องไปในเส้นทางที่น้องคิดว่ามีความสุข ถ้าน้องมีความสุขมากกว่าการคบกับพี่ พี่เองก็ยินดีด้วยจริง
เรื่องที่เกิดขึ้นผมจะคิดซะว่ามันไม่ใช่ความรัก แต่มันคงเป็นความเหงาระหว่างเราสองคนมากกว่าที่ได้มาคบกัน ยังไงชีวิตก็ต้องเดินต่อไปอ่าเนอะ ผมเชื่อว่าผมเองจะลืมเรื่องเหล่านี้ได้ ไม่ช้าก็เร็ว
เรื่องนี้ผมพูดกับใครไม่ได้ พันทิปนี่แหละครับเป็นช่องทางนึงที่ผมจะระบายได้ สิ่งที่ผมสับสนหาคำตอบให้ตัวเองยังไม่ได้ไม่รู้ผมจะเอายังไงกับชีวิตที่เคว้งคว้างดี ??????
ขอบคุณเพื่อนๆนะครับที่อ่านจนจบ สำหรับบางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องรู้สาระหรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่เป็นไรครับ ระดับความสำคัญของเรื่องราวต่างๆในชีวิตของคนเรามันต่างกันครับ ของให้ทุกคนมีความรักที่โชคดีนะครับ
สวัสดีครับ^^