โลกจะเป็นอย่างไรหากไร้ฉลาม
Blogpost โดย Sophie Schroder
พอล ฮิลตัน กำลังจ้องมองเหล่าฉลามจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกตัดครีบทั้งเป็น หลังจากนั้นพวกมันก็ต้องตายลงด้วยความทุกข์ทรมาน
ภาพที่เห็นทำให้เขาแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้
เมื่อปีก่อน พอล ฮิลตันร่วมเดินทางไปกับเรือเรนโบว์ วอร์ริเออร์ไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก ในฐานะช่างภาพเชิงสารคดี เพื่อถ่ายทำสารคดีเปิดโปงอุตสาหกรรมการจับปลาทูน่าอย่างไร้การควบคุม ซึ่งเขาไม่ได้พบเพียงแค่ปลาทูน่าจำนวนมหาศาล (จนน่าตกใจ) ที่ถูกจับได้เท่านั้น แต่เขายังค้นพบว่ามีฉลามอีกนับร้อยนับพันตัวที่ถูกฆ่าทุก ๆ ปี เพียงเพื่อนำครีบของมันมาทำเป็นอาหาร
พอล อุทิศชีวิตมากว่า 10 ปี เพื่อสืบสวนและเปิดโปงอุตสาหกรรมอันโหดเหี้ยมนี้ และพยายามจะยุติการกระทำเช่นนี้ แต่ฉลามบางสายพันธุ์ก็มีจำนวนลดลงกว่าร้อยละ 90 ….เวลาของพวกมันใกล้หมดลงแล้ว
“ฉลามคือนักล่าในห่วงโซ่อาหารของมหาสมุทร” พอลกล่าว “หากพวกมันสูญพันธุ์ไป พวกเราจะต้องเจอกับปัญหาที่ใหญ่หลวง”
จากออสเตรเลียประเทศบ้านเกิดจนมาถึงบาหลี เมืองที่พอลอาศัยอยู่ในปัจจุบัน พอลสนใจเกี่ยวกับสัตว์ป่าและการอนุรักษ์ตั้งแต่เมื่อเขายังเล็ก เขามีความสุขทุกครั้งที่เล่าเรื่องที่เขาแอบปล่อยเต่าที่เด็ก ๆ ในเมืองจับมา
เมื่ออายุ 21 ปี ด้วยความอยากเห็นโลกกว้าง พอลจากบ้านมาเรียนต่อที่ลอนดอน และเริ่มศึกษาเกี่ยวกับศาสตร์การถ่ายภาพ
“หลังจากนั้น ผมประสบความสำเร็จกับอาชีพช่างภาพโฆษณาในฮ่องกง เมื่อครั้งที่ผมยื่นผลงานภาพถ่ายให้พวกเขาดู เขาบอกกับผมว่าภาพของผมหลุดโฟกัส และถามผมว่า คุณอยากเป็นช่างภาพจริง ๆ เหรอ ?” พอลหัวเราะ “ผมตอบไปว่า ‘ใช่’ แล้วผมก็ได้งานนั้น”
บทสนทนานั้นนำไปสู่งานประจำที่ ยูโรเปี้ยน เพรสโฟโต้ เอเจนซี่ ในฮ่องกง
“ผมเดินไปตามถนนทุกวันเพื่อมองหาเรื่องราวที่พอจะนำมาทำเป็นสารคดีได้ ผมรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เดินผ่านตลาดอาหารทะเลที่ผมมองเห็นกองครีบฉลาม มันทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ”
ในปี พ.ศ.2548 เป็นปีที่ดิสนีย์แลนด์ฮ่องกงเปิดเป็นครั้งแรก พวกเขาขอให้พอลถ่ายภาพอาหารในศูนย์อาหาร พวกเขาซักถามเกี่ยวกับเงื่อนไขของการถ่ายรูปของพอล และพอลก็ตอบกลับไปว่า เขาไม่ขอถ่าย หูฉลาม แล้วพอลก็ถูกถอดออกจากการถ่ายภาพในครั้งนั้นทันที
“ตอนนั้น ผมคิดว่าต้องเริ่มทำอะไรสักอย่างแล้ว” พอลกล่าว
เขาพบกับเพื่อนเก่าที่ชื่อ อเล็กซ์ ฮอฟฟอร์ด ทั้งคู่วางแผนเดินทางไปรอบโลก จากเมืองโมซัมบิกในแอฟริกา สู่เยเมนในตะวันออกกลาง ไปถึงอินโดนิเซียและประเทศไทย เพื่อสืบสวนการค้าครีบฉลาม
พวกเขาอัดวิดีโอสั้น ๆและเขียนหนังสือเป็นภาษาจีนและภาษาอังกฤษชื่อว่า Man & Shark ซึ่งเป็นหนังสือสารคดีสองภาษาเล่มแรกที่อธิบายเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการล่าครีบฉลามทั่วโลก
“ในขณะนั้นยังไม่มีใครพูดถึงประเด็นนี้เลย ทั่วฮ่องกงสามารถขายหูฉลามเป็นอาหารได้แบบไม่มีขีดจำกัด การบริโภคหูฉลามไม่สามารถควบคุมได้เลย”
อย่างไรก็ตาม ความพยายามของพอล ได้เปิดโปงบางส่วนของตลาดมืดที่ทำลายสัตว์ในตระกูลเดียวกับฉลาม ซึ่งก็คือปลากระเบนปีศาจและปลากระเบนราหู
ในอินโดนิเซีย สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่รักสงบเหล่านี้ถูกล่าจนใกล้จะสูญพันธุ์เต็มที พวกมันถูกล่าเพื่อนำไปเป็นส่วนผสมสมุนไพรระดับพรีเมี่ยมในตลาดจีน
ต้องขอบคุณการทำงานอย่างหนักของพอลและเพื่อน ๆ เพราะในปี พ.ศ.2556 กระเบนเหล่าดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือ ไซเตส (CITES) โดยอนุสัญญานี้ไม่อนุญาตให้ล่าปลากระเบนในอินโดนิเซีย
และในปีเดียวกันนี้เอง รายงานของ ไวลด์เอด (WildAid) แสดงให้เห็นถึงการลดลงของการบริโภคซุปหูฉลามลดลงถึงร้อยละ 80
พอลบอกกับเราอีกว่า “ผมยังมีความหวังที่เราจะได้รับชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ ผู้บริโภคชาวจีนรุ่นใหม่ตระหนักเกี่ยวกับปัญหานี้มากกว่าใคร พวกเขาคือเจนเนอร์เรชั่นแห่งการเปลี่ยนแปลง”
แต่ก็ยังมีภารกิจที่จะต้องทำต่อไป เพราะเทรนด์ใหม่ในประเทศจีนเริ่มมีการพูดถึงการนำน้ำมันจากฉลามที่มีโอเมก้า 3 มาบริโภค และจะยิ่งมีราคาสูงขึ้นหากเป็นน้ำมันจากฉลามวาฬ
เรื่องราวนักสืบจำเป็น พอลและอเล็กซ์ที่ทำหน้าที่เป็นร่วมกันสืบสวนกระบวนการล่าฉลามวาฬอย่างผิดกฎหมายได้รับความสนใจจาก หลุยส์ ไซโฮโยส ผู้กำกับภาพยนตร์รางวัลออสการ์ เดอะ โคฟ (The Cove)
หลุยส์ได้ร่วมงานในโครงการภาพยนตร์เรื่อง การสูญหายของสายพันธุ์(Racing Extinction) เขาขอให้พอลเข้ามาช่วยเหลือโครงการในส่วนของเกาะฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่
“การสืบสวนเรื่องฉลามวาฬของเรากำลังมุ่งสู่ทางแยก แต่เมื่อหลุยส์ติดต่อเข้ามาหาผมและชวนร่วมงานในการถ่ายภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ ผมก็ยิ่งรู้สึกลังเลเกี่ยวกับการเปิดเผยตัวตนของตนเอง” พอลกล่าว
“แต่หลุยส์ก็คุยกับผมและบอกผมว่า บางครั้งคุณก็ต้องยืนหยัดขึ้นเพื่อส่งเสียงบอกกับโลกว่า เราจำเป็นต้องมีผู้คนที่เข้าใจในสิ่งที่เราทำมากขึ้น เขาโน้มน้าวใจผมแบบนั้น แม้ว่าผมจะยังกังวลกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้”
ภาพยนตร์เรื่องการสูญหายของสายพันธุ์ (Racing Extinction) ถูกฉายในโรงภาพยนตร์แล้ว โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับตลาดมืดที่อันตรายที่สุดของโลกและการสืบสวนถึง 6 พฤติกรรมของมนุษย์ที่เป็นสาเหตุหลักทำให้เกิดปรากฏการณ์การสูญพันธุ์ ซึ่งประเด็นของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นประเด็นที่กระตุกหัวใจของมนุษย์เราได้ดีเพราะถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราเสียตั้งแต่ตอนนี้แล้ว สัตว์อีกหลายสายพันธุ์ที่ไม่ใช่แค่ฉลามก็จะสูญพันธุ์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโลกอย่างมหาศาล
พอลยังเสริมอีกว่า “ผมไม่คิดว่าเราจะแก้ปัญหาด้วยวิธีการจับฉลามอย่างยั่งยืน ผมคิดว่ามันถึงเวลาที่เราจะต้องหยุดการล่าฉลามและปล่อยให้พวกมันใช้ชีวิตอย่างที่มันควรจะเป็น ชีวิตที่พึ่งพากับระบบห่วงโซ่อาหาร ผมไม่ได้คาดหวังให้ทุก ๆ คนมารักสายพันธุ์ฉลามแต่คิดว่ามนุษย์ควรจะเห็นถึงผลกระทบของธรรมชาติที่เกิดขึ้นหลังจากเผ่าพันธุ์มนุษย์อาศัยอยู่บนโลกราว ๆ สี่ล้านปี”
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
พบกองอาเจียนข้างตัว นัทปง ก่อนเสียชีวิต ตำรวจได้กั้นพื้นที่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
