Harvey Glatman มือสังหารหัวใจเปล่าเปลี่ยว
โพสท์โดย ห่ะไรนะ
“กล้องเป็นเครื่องมือที่เก็บความทรงจำที่ประทับใจและเหตุการณ์สำคัญสำหรับเรา”
คุณเคยได้ยินฆาตกรต่อเนื่องที่ชอบบันทึกเสียง บันทึกวีดีโอเหยื่อที่มันกระทำการย่ำยีมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น
ภาพเหยื่อตอนโดนข่มขืน ทรมาน ฆ่าให้ตาย ก็เคยมีมาแล้ว และนี้คืออีกฆาตกรอีกรายที่มีพฤติกรรมดังกล่าว
ฮาร์วีย์ แกลตแมน (Harvey Glatman)
ฮาร์วีย์ แกลตแมน เป็นฆาตกรต่อเนื่องชาวอเมริกัน ฉายา “มือสังหารหัวใจเปล่าเปลี่ยว” ก่อคดีฆาตกรรมผู้หญิง 3-4 ราย
ในช่วง 1 สิงหาคม 1957-13 กรกฎาคม 1958 ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งก่อนลงมือฆ่าเขาได้ถ่ายรูปเหยื่อด้วยทุกครั้ง
สุดท้ายเขาก็ถูกจับเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 1958 และถูกตัดสินประหารชีวิต
ฮาร์วีย์ แกลตแมน มีชื่อเต็มว่าฮาร์วีย์ เมอร์เรย์ แกลตแมนเกิดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 1927 ในบรองซ์ นิวยอร์กซิตี้
แต่เติบโตในรัฐโคโลราโด ครอบครัวฐานะปานกลางชาวยิว ตั้งแต่เด็กจนโตฮาร์วีย์เป็นเด็กนิสัยเสียที่ไม่ค่อยเข้ากับ
เพื่อนร่วมชั้น เนื่องจากมีพฤติกรรมต่อต้านสังคม และยังเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมบ้ากามซาดิสต์ โดยเมื่ออายุสิบสองขวบ
พ่อแม่ได้สังเกตรอบคอของเขามีรอยสีแดงเหมือนเชือกอยู่ หลังจากที่พ่อแม่สอบสวนอย่างหนัก เด็กชายก็สารภาพว่า
รอยสีแดงดังกล่าวก็คือเชือกผูกคอเขาที่รัดคอแล้วแขวนตัวเองห้อยจากคานในห้องใต้หลังคาเพื่อบรรลุจุดสุดยอด
เขาชอบการรัดคอหรือการทำให้หายใจไม่ออกเพื่อสำเร็จความใครตนเอง
ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวทำให้พ่อแม่ทนไม่ไหวเลยปรึกษาเรื่องนี้กับแพทย์ประจำครอบครัวเขาแนะนำพ่อแม่ของแกลตแมน
หากแต่แพทย์กลับพ่อแม่ของฮาร์วีย์ว่าไม่ต้องกังวลเพราะเมื่อเด็กผ่านถึงช่วงวัยรุ่นพฤติกรรมนี้จะหายไปเอง และขอให้
เด็กเล่นกีฬามากขึ้น
แต่ดูเหมือนแพทย์คนนี้จะคิดผิด เพราะเมื่อฮาร์วีย์โตขึ้นอาการบ้ากามยิ่งเป็นหนักยิ่งขึ้นไปอีก นอกเหนือจากความบ้ากามแล้ว
พวกผู้หญิงในโรงเรียนต่างรู้จักเขาในรูปร่างที่น่ารังเกียจ เขาผอมสูงและหูใหญ่ เขาเลยได้ฉายาว่า “กระรอก” หรือ “วีเซิล”
ที่มีนิสัยเรียกร้องความสนใจกับเพศตรงข้ามด้วยวิธีต่างๆ นาๆ เช่น ชอบฉกกระเป๋าผู้หญิงที่หน้าตาดี พาวิ่งไปพร้อมหัวเราะ
ชอบใจก่อนจะโยนกลับไปให้
หากเราไม่นับเรื่องบ้ากามแล้วฮาร์วีย์ ก็มีส่วนดีอยู่บ้าง เขาเป็นคนฉลาด มีไอคิวสูงถึง130 เขาเป็นคนขี้อายและรักการเรียน
เชื่อฟังคำสั่งสอนของครู มีมารยาท สงบเสงี่ยม
เมื่อฮาร์วีย์อายุ 17 เขาไม่พอใจกับชีวิตปกติ อีกทั้งเขายังมีความฝันในการบรรลุกามอารมณ์ เขาได้กลายเป็นนักย่องเบา
มือสมัครเล่น ชอบบุกรุกอพาร์ทเมนท์ของผู้หญิง ชอบเอาเชือกมามัดผู้เสียหายก่อนลงมือข่มขืนและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ก่อนจากไป หากแต่คืนหนึ่งเขาได้ใช้ปืนเด็กเล่นขู่เด็กสาวคนหนึ่ง บังคับให้เปลือยผ้า แต่เด็กสาวคนนั้นร้องสุดเสียง
จนเขาตกใจเผ่นหนีทันที แต่ไม่นานก็ถูกจับ แต่กระนั้นเขาถูกจับคุกไม่กี่เดือนก็ออกจากคุกโดยการประกันตัว หลังจากนั้น
เขาย้ายบ้านโดบ มุ่งหน้าไปตะวันตกและเริ่มอาละวาดออกครั้ง ด้วยการใช้อาวุธปืนของจริงปล้นทรัพย์ในหอพักสตรี
ก่อนที่จะถูกจับกุมและจำคุกในเรือนจำชิงชิง
จูดี้ ดูลล์
เมื่อเขาคุกฮาร์วีย์แกล้งทำเป็นนักโทษชั้นดี และเข้ารับการรักษาทางจิตเวช จากผลการทดสอบพบว่าฮาร์วีย์มีไอคิวสูง
มีความสามารถและความกระตือรือร้น อีกทั้งด้วยความฉลาดนี้เองทำให้เขาหลอกนักจิตวิทยาได้ว่าเขาหายแล้ว ในปี 1951
เขาก็ได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนด เขากลับไปตะวันตกเพื่อเปิดร้านซ่อมเครื่องรับโทรทัศน์ที่ลอสแองเจลิส ใช้ชีวิตชายโสด
นอกบ้านอย่างเงียบๆ หลายปี
แม้ในระหว่างนี้แม่ของเขาจะเป็นห่วง แต่กระนั้นเธอก็เชื่อว่าลูกชายของเธอได้กลับตัวเป็นคนดีและเริ่มต้นชีวิตใหม่
ในบรรยากาศใหม่ พบผู้คนเป็นมิตรและทำงานที่เขารัก หากแต่เธอคิดผิด เมื่อฮาร์วีย์เริ่มสนใจเรื่องการถ่ายภาพแมกกาซีน
ที่มีภาพสาวสวยรวยเสน่ห์ จนเขาอยากเห็นความเซ็กซี่ของสาวๆ เหล่านั้น จนกลายเป็นสิ่งกระตุ้นให้เขาเกิดความหื่นกระหาย
เขาเริ่มจินตนาการถึงหญิงสาวเปลือยกายเป็นทาส เพื่อตอบสนองเรื่องดังกล่าวเขาได้ซื้อจัดหาปืน กระเป๋าที่ใส่มีด และเชือก
ซึ่งแน่ว่าของเล่านี้เขาไม่ได้ซื้อมาเป็นของเล่นแก้เหงาแน่
วัน 29 กรกฎาคม 1957 วันนั้นฮาร์วีย์ไปซ่อมโทรทัศน์ที่ห้องพักของจูดี้ ดูลล์ นางแบบวัย 19 ปี คนหนึ่งมี่พึ่งกลับ
มาจากฟลอริดาและถึงลอสแองเจลิสและอาศัยอยู่กับเพื่อนได้ไม่นาน ระหว่างทั้งสองพูดคุยกัน เขาเริ่มรู้สึกถึงความ
เซ็กซี่ของเธอจนรู้สึกเกิดอาการกระหายกาม แต่เขายังสงบสติอย่างใจเย็น เขารู้ว่าถ้าจู่โจมตอนนี้มีหวังเหยื่อคงกรีดร้อง
ไม่ก็หนีเขาไปก็ได้ เขาเลยต้องออกอุบาย วางแผนโดยเขาอ้างว่าเขาเป็นช่างภาพมืออาชีพชื่อ “จอห์นนี่” สังกัดใน
สำนักงานสายบันเทิงชื่อดัง โดยตอนนี้เขากำลังต้องหานางแบบเพื่อถ่ายภาพชุด “หญิงสาวถูกมัดและอุดปาก”
เพื่อนำภาพไปลงประกอบสารคดีที่ตีพิมพ์ในนิตยสารฉบับหนึ่งที่นิวยอร์ก และตอนนี้เขาเลือกเธอ
แน่นอนจูดี้ ดูลล์เธอหลงเชื่อ ยอมเป็นนางแบบให้ฮาร์วีย์ และเมื่อปลาติดเบ็ด ฮาร์วีย์ยังไม่รีบลงมือแต่อย่างใด
เขาบอกกับเธอว่าสองวันจะมารับตัวเธอ เพราะต้องเตรียมงานก่อน ก่อนที่เขาจะกลับ เขาหาเบอร์โทรให้เธอเอาไว้
สองวันต่อมา ในช่วงบ่าย ฮาร์วีย์มารับตัวจูดี้ ดูลล์ที่อพาร์ทเม้นบ้านของเขาแน่นอนว่าเธอไม่รู้สึกส่งสัยอะไรกับ
ช่างภาพหน้าเหมือนกระต่ายหูใหญ่นี้เลย และเมื่อไปถึงที่หมายเขาบอกว่าเขาทำงานคนเดียว จากนั้นเขาก็ให้เธอ
เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมัดมือ 2 ข้างของเธอ ซึ่งเธอยอมอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นเขาก็แกล้งทำเป็นช่างภาพ
โดยถ่ายรูปเธอหลายภาพในอากัปกริยาหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนอนราบไปกลับพื้น นั่งบนเก้าอี้ หลังจากที่เขา
ถ่ายจนพอใจเขาก็เริ่มแสดงธาตุแท้ก่อนที่จะใช้ปืนพกอัตโนมัติจ่อศีรษะเธอพร้อมข่มขู่ว่าเขาเป็นอดีตนักโทษ
พึ่งออกจากคุกและไม่ลังเลที่จะฆ่าเธอ หากเห็นเธอขัดขื่นแม้แต่นิดเดียว หากเธอยอมทำตามที่เขาสั่งเขาจะไว้ชีวิตให้
ซึ่งหลังจากจูดี้ได้ยินเขาขู่ก็รู้สึกกลัวก่อนที่จะพยักหน้าเป็นสัญญาตอบตกลง
ศพจูดี้ ดูลล์
หลังจากนั้นฮาร์วีย์ก็นั่งโซฟาและเขาก็จัดการเปลืองผ้าเธอแล้วข่มขืนเธอสองครั้ง และเมื่อเสร็จกิจกาม เขายังใจเย็น
นั่งเปลือยกายดูโทรทัศน์อยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั้งฝ่ายหญิงสัญญากับเขาว่า หากปล่อยเธอไปเธอจะไม่แจ้งตำรวจ
เขาจึงจัดการให้เธอแต่งตัวและมัดมือมัดเท้าแล้วพาเธอขึ้นรถออกจากลอสแองเจลิสมุ่งไปทางตะวันออก
ซึ่งจุดมุ่งหมายเป็นทะเลทรายใกล้อินดีโอ ห่างจาก แอลเอ ราว 126 ไมล์ ซึ่งที่นั่นร้างผู้คน เมื่อมาถึงเขาบังคับ
ให้เธอใส่ชุดชั้นในเพื่อถ่ายภาพอีกครั้ง ก่อนที่จะใช้เชือกรัดคอจนสิ้นใจ และฝังศพในหลุมตื้นๆ ซึ่งไม่นานนัก
เมื่อกระแสลมหอบทรายที่อยู่เหนือศพออกไป ศพจึงโผล่เห็น และเมื่อมีคนไปเจอก็แจ้งแก่ตำรวจในเวลาต่อมา
5 เดือนหลังจากที่จูดี้หายไป วันที่ 29 ธันวาคม 1957 เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์แห่งหนึ่งกับสุนัขของเขาได้เดินเล่น
ผ่านทะเลทรายดังกล่าว ทันใดนั้นสุนัขก็เริ่มเห่า และเขาก็พบกะโหลกศีรษะของมนุษย์ เขาเรียกตำรวจ และพวกเขา
ก็พบโครงกระดูกเพียงไม่กี่เมตรที่พบกะโหลกศีรษะ จากการตรวจสอบพบว่าศพน่าจะเป็นผู้หญิงสาวผมสีบลอนด์
แต่งกายในชุดชั้นในสีน้ำตาล สาเหตุการตายยังลึกลับ และเชื่อว่าศพถูกฆาตกรรมและนำมาฝังแบบตื้นๆ
หากแต่ไม่นานนักเมื่อกระแสลมหอบทรายที่อยู่เหนือศพออกไป ศพจึงโผล่เห็น และเมื่อมีคนพบเจอดังกล่าว
หลังจากวันคริสมาสต์ฮาร์วีย์เข้าไปเป็นสมาชิกสโมสร “เปลี่ยวใจ” โดยใช้ชื่อจดทะเบียนเป็น “จอร์จ วิลเลียมส์”
วันที่ 8 มีนาคม 1958 เขาพบเหยื่อรายที่ 2 ที่สโมสร ชื่อเชอร์ลี บริดจ์ฟอร์ด อายุ 24 ปี เขาใช้วิธีหลอกล่อเธอ
เหมือนเหยื่อรายแรก
"ไหนล่ะ ? กล้องถ่ายรูป?"เธอถาม
"มัน...มันอยู่ในรถ" เขาพูดตะกุกตะกัก
จากนั้นฮาร์วีย์ขับรถพาเธอมายังทะเลทรายแห่งเดิม แต่ต่างตรงที่คราวนี้ขับห่างออกไป 55 ไมล์ สู่แอนซา สเตท ปาร์ค
ทางตะวันออกของซานดิเอโก โดยเขาหยุดรถในชนบทแห่งหนึ่ง และเขาก็โอบไหล่พยายามแตะต้องตัวหญิงสาว
หากแต่หญิงสาวปฏิเสธ ซึ่งส่งผลทำให้ฮาร์วีย์โกรธและเขาจึงใช้ปืนจี้และมัดเธอและพาไปยังถนนเปลี่ยวแห่งหนึ่ง
“นี้คือห้องนอนของคุณ” ฮาร์วีย์หยุดรถสถานที่ที่คิดว่าเหมาะแก่การปฏิบัติกาม
“ไม่ใช้..........ได้โปรด เห็นแก่พระเจ้า ขอร้อง” เชอร์ลีร้องคราง
แต่ฮาร์วีย์ไม่ฟัง เขาใช้ความรุนแรงกับเธออีก แล้วใช้ปืนขู่ และใช้ประโยคเดิมๆ ที่ขู่หญิงสาวก่อนหน้าว่าหากเธอไม่ขัดขืน
เขาจะปล่อยเธอไป เขาสั่งให้เธอมาเบาะหลังและถอดเสื้อผ้าของเธอ หลังจากนั้นเขาก็ข่มขืนซ้ำซาก มัดตัว และถ่ายรูป
ในสภาพที่เธอถูกมัดข้อมือและข้อเท้าและผ้าปิดปาก
หลังจบกิจกาม หญิงสาวร้องไห้คราง เธอร้องขอชีวิตฮาร์วีย์
“ได้โปรด นายจะเอาอะไรจากฉันก็เอาไป ขอเพียงอย่าฆ่าฉัน อย่าฆ่าฉัน”
“กางเกงใน” แกลตแมนเอ่ย
“กางเกงใน?” หญิงสาวทวนคำ
“ใช่ ส่งกางเกงในของเธอมา ฉันอยากได้”
แต่หลังจากที่เชอร์ลีส่งกางเกงในให้ฮาร์วีย์ เธอกลับถูกรัดคอด้วยเชือกเส้นเดียวกับที่ใช้กับเหยื่อรายแรก หลังจากนั้น
ก็ทิ้งศพไว้หลังกลุ่มต้นกระบองเพชรในหลุมตื้นๆ แล้วหยิบเสื้อชั้นในสีแดงและรองเท้าของเธอเป็นที่ระลึก
เหยื่อรายที่ 3 ชื่อ รูธ เมอร์คาโด เป็นนางระบำเปลือยผ้า ซึ่งแกลตแมนบังเอิญไปเจอหน้าโฆษณาในหนังสือพิมพ์
ลอสแองเจลิส ไทม์ ว่ากำลังหานางงานแบบ
วันที่ 23 กรกฎาคม 1958 แกลตแมนไปหาเธอที่อพาร์ตเมนต์ ใช้ปืนขู่ ข่มขืน แล้วจับเธอขึ้นรถมุ่งสู่ทะเลทรายที่เดิม
คือทะเลทรายใกล้ซานดิเอโก แคลิฟอร์เนีย ที่นั่น เขามัด รูธ เมอร์คาโด ทั้งแขนมัดขาด้วยเชือก
เวลานั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยงคืน
“ฉัน.........ฉันไม่เข้าใจ นายต้องการอะไรจากฉัน”หญิงสาวเอ่ย
ชายหูกาง เกลตแมนหัวเราะ ตาเขาจ้องเธอเขม็ง จากนั้นก็ข่มขืนเธอซ้ำไปซ้ำมา สลับกับการถ่ายรูป
หลังจากแกรตแมนอิ่มหนำรสกามของเหยื่อเขา เขาพูดว่า
“ฉันจะแก้มัด คุณ ถ้า คุณสัญญาไม่ใช่การร้องไห้ออก หรือวิ่ง”
“ฉันสัญญา” รูธแสดงอาการหวาดกลัวแกแกลตแมน
“เอ่อ.....ลืมไป” แกลตแมนพูดหลังจากกำลังคลายเชือกรูธ
“ฉัน...ชอบ....ชอบกางเกงในของเธอ ไหมเนื้อของมันดีมาก ขอฉันลูบสักประเดี๋ยวได้ไหม”
แต่กระนั้นแกลตแมนคิดอะไรก็ไม่รู้ จู่ๆ หลังจากลูบกางเกงในของรูธสักพัก เขากลับไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้
เขาจัดการฆ่าเธอด้วยเชือกอย่างเลือดเย็น จากนั้นก็ถ่ายรูปที่ระลึกก่อนจากไป
ภายหลัง แกลตแมนได้เล่าภายหลังจากการจับกุมว่า
“ผมไม่อยากฆ่าเธอ ความจริงผมจะปล่อยตัวเธออยู่แล้ว แต่ไม่รู้เพราะอะไร
สุดท้ายผมใช้เชือกเส้นเดิม และวิธีเดิมจัดการกับเธอ”
27 ตุลาคม 1958 หลังจากพยายามล่อลวงเด็กสาวชื่อ Lorraine Vigil ที่หวังจะเป็นนางแบบที่สตูดิโอ
ล้มเหลวหลายครั้ง แกลตแมนก็พบหญิงสาวคนหนึ่งกำลังร้องเงินและต้องการทำงาน เขาจึงรับเธอขึ้นรถ
ขับไปตามซานตาเอนา ฟรีเวย์ ตรงไปยังทะเลทรายรอบนอกลอสแองเจลิส บริเวณใกล้เมืองทิสติน
เมื่อถึงที่นี้ หญิงสาวเห็นทางไม่ดีและเริ่มเอะใจและตื่นกลัว แกลตแมนแอบรถเข้าข้างทาง กระชากปืน
บังคับให้ถอดเสื้อผ้า
“หนูรู้ว่าเขากำลังจะฆ่าหนู” เธอเล่าเหตุการณ์ให้ตำรวจฟังในเวลาต่อมา “พยายามวิงวอนแต่ไม่ได้ผล”
เธอจึงตัดสินใจแย่งปืน ทว่าปืนลั่น กระสุนเจาะที่ขาของเธอ แต่ก็แย่งปืนได้สำเร็จ เธอเล็งปืนไปที่เกลตแมน
ซึ่งโถมใส่เธอแบบไม่กลัวตายจนตัวหลุดออกมาจากรถทั้งสองคน ปล้ำแย่งปืนกันอย่างดุเดือด ตอนนั้นเองบังเอิญ
รถสายตรวจผ่านมาพอดี จึงทำการจับกุมแกลตแมนไว้ได้ และแกลตแมนก็สารภาพที่สถานีตำรวจอย่างหมดเปลือก
บอกว่าเขาฆ่าเหยื่อรายโน้นรายนี้แล้วเสียใจมากเพียงใด และขอให้ทุกศพยกโทษแก่เขา เขารู้สึกกลัวและขยะแขยง
สิ่งที่ตนเองมากกว่าที่จะสนุกตื่นเต้นและปลดปล่อย
แกลตแมนขึ้นศาลเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 1985 โทษของแกลตแมนได้รับแน่ๆ คือจำคุกตลอดชีวิตหรือไม่ก็
ประหารชีวิตด้วยการรมแก๊ส ซึ่งก่อนขึ้นศาลทางตำรวจมีหลักฐานพร้อมไม่ว่าพยาน กระดูกหญิงสาวที่พบใน
ทะเลทรายครบสามศพ และที่สำคัญคือรูปถ่ายของพวกสาว ๆ ครั้งสุดท้ายในชีวิตก่อนที่พวกเธอจะพบจุดจบ
โดยฆาตกรบ้ากามผู้นี้
ส่วนด้านแกลตแมนเขานั่งสงบในศาล จนกระทั้งวันสุดท้าย เขาขอคณะลูกขุนให้ลงโทษด้วยการประหารชีวิตเขา
โดยให้เหตุผลว่า
“ผมนั่งอย่างที่นี่ และฟังที่บันทึกเหล่านั้น ผู้หญิงเหล่านี้ถูกผมฆ่า...ก่อนตายเธอระทมทุกข์, และร้องขอชีวิตกับผม
ตลอดทั้งคืน ในทะเลทราย...ซึ่งมันต้องน่ากลัวต่อผมมาก แม้ผมจะรัดคอของเธอ ผมก็ยังไม่สามารถสละภาพ
ผู้หญิงเหล่านี้ได้เลย ดังนั้นโทษที่ผมควรได้รับ โทษที่ทำให้ผมหลีกเลี่ยงจากสิ่งนี้คือ การประหารชีวิต”
“ผมรู้ดีว่านี้คือสิ่งที่ผมควรจะได้รับ เป็นแบบนี้ดีกว่า”
ผลการตัดสินเป็นไปตามที่แกลตแมนคาด คือตัดสินโทษประหารฮาร์วีย์ เอ็ม. เกลตแมน ฐานข่มขืนฆ่าผู้หญิง 3 ราย
อย่างเลือดเย็น ก่อนปิดศาล ผู้พิพากษาได้พูดขึ้นว่า
“แกลตแมน.......หวังว่าพระเจ้าจะยกโทษให้คุณ”
แกลตแมนถูกโยกย้ายไปนอนรอรับโทษประหารที่คุก โดยมีเลขนักโทษ-50239 เขาใช้ ชีวิตที่เหลืออยู่ที่นั้น
ก่อนที่จบชีวิตเลวร้ายของเขาในห้องแก๊สของเรือนจำเควนติน เมื่อเดือน 18 กันยายน 1959 เมื่อเวลา 10:12 นาฬิกา
ที่มา: http://www.cmxseed.com/cmxseedforumn/index.php?PHPSESSID=8rak9lcgv46bpb7mpolh2v4tf5&topic=105424.
0
credit :: cammy@dek-d.com
0
credit :: cammy@dek-d.com
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
32 VOTES (4/5 จาก 8 คน)
VOTED: Faddy, Thorsten, กุ้งฝอย
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
จำได้ไหม? "พุฒ เดชอุดม" จากยูทูบเบอร์เสียงเพี้ยน สู่สาวสวยสุดlซ็กซี่ใครเป็นคนคิด ทำไมเมืองไทยถึงสะดวกสบายขนาดนี้ ฝรั่งอึ้ง ไทยแลนด์ครบจบในที่เดียวปิดตำนานไร่ชื่อดังที่วังน้ำเขียว ลานกางเต็นท์ยอดนิยมได้ประกาศหยุดดำเนินการแล้วรวมเลขเด็ด! หวยแม่จำเนียร งวดวันที่ 1 ธันวาคม 2567เพจดังแฉหัวหน้าแก๊งค์ “น้ำไม่อาบ” ไม่ทน ออกแถลงการณ์ลั่นปิดท้าย “ผมด่ากลับ แล้วรับให้ได้นายแบบฟิลิปปินส์เดือด! โวยเวทีไทย เบี้ยวจ่ายรางวัล รอมาเป็นปี ไม่มีคำตอบสุนัขปอม รอดชีวิต จากการตกตึก ไม่ได้รับเเม้เเต่รอยขีดข่วนสรุปเลขเด็ด สลากสัญจร จ.เชียงใหม่เลขเด็ด เลขมาเเรง เลขดัง "รวมหวยเด็ดสำนักดัง vol.17" งวดวันที่ 1 ธันวาคม 2567เลิกจ้างพนักงาน 154 คน หลังช่อง 3 ปรับโครงสร้างลดบุคลากร 30%อัพเดท สงครามยูเครน ปะทะ รัสเซีย!!!ไปเนปาลเจอนักพรตต้องระวังHot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ปิดตำนานไร่ชื่อดังที่วังน้ำเขียว ลานกางเต็นท์ยอดนิยมได้ประกาศหยุดดำเนินการแล้วใครเป็นคนคิด ทำไมเมืองไทยถึงสะดวกสบายขนาดนี้ ฝรั่งอึ้ง ไทยแลนด์ครบจบในที่เดียวสรุปเลขเด็ด สลากสัญจร จ.เชียงใหม่ดราม่า ไอดอลฝึกหัดจีนวัย 13 ถูกบูลลี่หนักในโรงเรียน แม่ชี้แค่เล่นกันนายแบบฟิลิปปินส์เดือด! โวยเวทีไทย เบี้ยวจ่ายรางวัล รอมาเป็นปี ไม่มีคำตอบ