หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

วิวัฒนาการทำให้เราต้องการ "เซ็กซ์" ไม่ใช่ "บุตร"

โพสท์โดย ห่ะไรนะ

การคัดสรรคู่ทางธรรมชาติกำหนดกลไกที่ทำให้เราสืบพันธุ์ ที่เห็นเด่นชัดสุด การเกิดการกระตุ้นทางเพศ

ผู้หญิงหลายคนได้ยินเสียงลือเล่าความเชื่อเรื่อง “นาฬิกาชีวิต” หรือนาฬิกาทางชีววิทยา เมื่อพวกเขาย่างเข้า 30 บางคนก็ไม่เคยได้ยินเลย บางความเชื่อว่าแรงขับเคลื่อนทางชีววิทยาให้เรามีลูกนั้นถูกกำหนดมาจากข้างใน ถึงขนาดว่ากันว่าหญิงใดที่ปฏิเสธหน้าที่ทางวิวัฒนาการ(อันสมมติ) นี้ถือเป็นความเห็นแก่ตัว

ส่วนความเชื่ออื่นๆ เช่นที่เรียกกันว่า “สัญชาตญาณความเป็นแม่” หรืออย่างเช่นคำว่า “baby fever” หรือเป็นไข้บุตร (อยากมีบุตร) นั้น แท้จริงไม่เกี่ยวอะไรกับชีววิทยา แต่เป็นกระบวนการทางสังคม

มันไม่มีประโยชน์เท่าไร ถ้าจะพิสูจน์ถกเถียงกันด้วยการกำหนดหัวข้อแค่สองทาง “ธรรมชาติ vs การเลี้ยงดู” เพราะทั้งชีววิทยาและวัฒนธรรมต่างมีส่วนสร้างพฤติกรรมการสืบพันธ์ุของเราทั้งนั้น  แต่ในเรื่องของสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่เกี่ยวข้องกับทักษะของแม่และความต้องการเลี้ยงดูและปกป้องลูก อาจเป็นรากหลักสนับสนุนโดยการหลั่งฮอร์โมนชุดหนึ่งและการเปลี่ยนแปลงทางชีววิทยาอื่นๆ

การกระตุ้นทางเพศ

ความหลากหลายอันงดงามของรูปแบบชีวิตทั้งในอดีตและปัจจุบันมาจากคุณสมบัติที่สำคัญข้อเดียว -การสืบพันธุ์  เราแต่ละคนต่างถูกกำหนดให้สืบพันธุ์อย่างเท่าเทียมกันโดยพันธุกรรมถูกคัดจับคู่กัน  โดยทางทฤษฎีแล้วกับประชากรที่มีรอบตัวเรา ซึ่งเกี่ยวโยงกันด้วย “ความสัมพันธ์ทางใจที่ยิ่งใหญ่”

ยังคงคลุมเครือว่าความปรารถนาอยากมีบุตรอย่างมาก หรือ ‘baby fever’ ถูกขับเคลื่อนโดยยีนของเรา หรือ กระบวนการทางสังคม

 

นี่เป็นข้อที่ประจักษ์ได้ด้วยตนเองในเรื่องของกระบวนการทางวิวัฒนาการ

นึกภาพถึงประชาการหนึ่งของสัตว์หรือคนซึ่งพอใจในเซ็กซ์ ในขณะที่ความพึงพอใจนั้นกำหนดโดยยีน นี่ทำให้สามารถนำมากำหนดประเมินความสำเร็จทางการสืบพันธุ์ได้ ทีนี้ลองมาเข้าเรื่องของประชากรโดยพันธุกรรมที่มีแนวโน้มไปทาง "ไม่สืบพันธุ์"

บุคคลที่ดูเหมือนเฉยชาในทางเพศเหล่านี้ก็จะไม่ผลิตตัวอ่อน(บุตร/ลูก) ดังนั้นแล้วก็จะไม่มีบุคคลที่ไม่สืบพันธุ์ทางเพศอีกในรุ่นต่อไป หรือกล่าวต่อไปอีกก็คือ แนวโน้มยีนที่หลีกเลี่ยงการสืบพันธุ์ก็จะไม่มีการสร้างขึ้นมาอีกหรือคงเหลืออยู่อีก

บ้างที่ถกเถียงกันว่าสิ่งนิยมที่เรียกกันว่า “นาฬิกาชีวิต” เป็นตัวกำหนดความสนใจในการสืบพันธุ์ของกลุ่มผู้หญิงที่ยังไม่มีบุตรในวัย 30 ของพวกเธอ น่าจะเป็นการทำงานของการคัดสรรทางธรรมชาติ

มีหลักฐานเกี่ยวกับการตัดสินใจทางเพศนี้ว่าน่าจะเกี่ยวกับพื้นฐานทางพันธุกรรม ยกตัวอย่าง งานวิจัยที่เจาะเรื่องอายุเฉลี่ยของครั้งแรกของผู้ที่พยายามมีบุตรในประชากรประเทศฟินแลนด์ พบว่าเด็กมีพัฒนาการรูปแบบเดียวกันกับพ่อแม่ของพวกเขา แต่ข้อพิสูจน์นี้พิสูจน์แค่เรื่องเดียวว่า มีอิทธิพลตัวแปรในทางพันธุกรรมที่ทำให้มีการตัดสินใจมีลูกเฉพาะในสตรีเท่านั้น ยังไม่มีการตัดสินใจ ระหว่างชายด้วย หรือทั้งคู่

เราต่างเกิดความรู้สึกหวั่นไหวอย่างผิดๆ จากอิทธิพลของสิ่งอื่นๆ เหล่านี้ (ลูกล่ออันชาญฉลาดของโฆษณาที่ประสบผลสำเร็จ ,ความหวังส่วนตัว ,การศึกษา)

ดังนั้นแล้ว เหมือนกับหลายมุมมองอื่นๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ มันยังคงคลุมเคลือว่า ความอยากอย่างแรงกล้าที่ต้องการจะมีลูก “เป็นไข้บุตร” นั้นถูกขับเคลื่อนโดยยีนของเราหรือกระบวนการทางสังคมกันแน่

ชีววิทยาท้าทาย

เซ็กซ์และการสืบพันธุ์เกี่ยวข้องอย่างแนบแน่นกับทุกสิ่งมีชีวิต ปัจุบันไม่นานมานี้ มีการค้นพบเทคโนโลยีต้านการมีบุตรซึ่งนั่นเปลี่ยนแปลงเผ่าพันธุ์ของเราให้ก้าวห่างไกลจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ

ด้วยความเชื่อถือวางใจได้ว่าปัจจุบัน มนุษย์สามารถมีเซ็กซ์ได้โดยไม่ตั้งท้องบุตร ดังนั้นในทางความก้าวหน้าของชีววิทยาแล้ว ความเชื่อมโยงในทางยีนต่อกิจกรรมทางเพศก็จะไม่มีผลสมมูลต่อสัญชาตญาณความเป็นแม่หรือพ่อที่ทำให้มีลูกอีกต่อไป

ยาคุมกำเนิด สิ่งที่มนุษย์เราเอาชนะชีววิทยา

มีสตรีมากมายในสังคมเราตอนนี้ที่เป็นผู้ที่ไม่สนการมีบุตร

ตัวอย่างเช่น  ในสหรัฐ มีผู้หญิงช่วงอายุ 34 ถึง 44 ปี ที่ไม่เคยมีบุตรเลย เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ตั้งแต่ปี 1976 และ ในการเก็บข้อมูลตัวอย่างผู้หญิงชาวออสเตรเลียมากกว่า 7,000 คน ระหว่างอายุ 22 ถึง 27 ปี พบว่าเกือบ 10% ไม่ต้องการมีบุตร

ให้เดาว่าสตรีไร้บุตรเหล่านี้ไม่ใช่ว่าเฉยชาทางเพศหรืออย่างไร (อย่างที่การเลือกคู่ทางธรรมชาติกำหนด) แต่อาจเป็นเพราะมีโอกาสน้อยในการเลือกคู่ในชีวิตปัจจุบันของแต่ละคน

นี่เป็นตัวอย่างที่น่าประทับใจในทางพฤติกรรมมนุษย์ ที่เราเอาชนะธรรมชาติและเกิดความก้าวหน้า แต่วัฒนธรรมและเทคโนโลยีก็กันเราออกห่างจากโอกาสในการเลือกคู่หลายอย่าง ตัวอย่างเช่น เครื่องนุ่งห่ม ช่วยให้เราอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่หนาวเย็นได้ แต่ไม่เหมาะโดยเฉพาะกับพวกนิยมเปลือย เซ็กซ์ก็เป็นหนึ่งในนั้น วัฒนธรรมส่วนใหญ่มองผ่านความสนใจทางเซ็กซ์ -ตั้งแต่ความคิดเหมารวมของพิธีทางการครองคู่ที่กว้างขวางอยู่ในสังคมยุคเก่า จนถึงภาพแนวคิดอันไม่สมควรเกี่ยวกับเซ็กซ์ในโฆษณาทางโทรทัศน์ในสังคมร่วมสมัย

สัญชาตญาณการเลี้ยงดู

ในหลายๆ กรณี การสืบพันธุ์ที่ประสบความสำเร็จนั้นต้องการความใส่ใจในการพัฒนาการเติบโตของตัวอ่อน และมักพบบ่อยที่สุด  แต่ไม่เฉพาะในเพศเมียหรือเพศแม่

การเลี้ยงดูเอาใจใส่เจ้าตัวน้อยคือ  รูปแบบหนึ่งของสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่เด่นชัด ดังเช่นคำว่า “baby fever” หรือเป็นไข้บุตร และธรรมชาติเป็นผู้สร้างกลไกทางชีววิทยาเพื่อแน่ใจว่าเกิดสิ่งนี้

 

ตัวอ่อนที่กำลังได้รับการเลี้ยงดู คือรูปแบบหนึ่งของสัญชาตญาณความเป็นแม่ ""

 

 

 

 

 
 
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ห่ะไรนะ's profile


โพสท์โดย: ห่ะไรนะ
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
12 VOTES (4/5 จาก 3 คน)
VOTED: Ployza, พริ้มพลอย
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ทฤษฎีการสร้างบาบิโลน!!?ฮ่องกงกลับมาครองตำแหน่งศูนย์กลางการเงินอันดับหนึ่งของเอเชีย แซงหน้าสิงคโปร์ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2022สัตว์ที่ทำให้คนเสียชีวิตมากที่สุดในโลก‼️ผู้หญิงที่มีเล็บยาวที่สุดในโลกตอบคำถามที่หลายคนสงสัยเลขเด็ด เลขมาแรง เลขดัง "รวมหวยเด็ดสำนักดัง vol.19" งวดวันที่ 1 ตุลาคม 2567
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
“ลงทะเบียนบัตรคนจน รอบใหม่” ปีหน้ายายวัย 40 หน้าเด็กเหมือน 20 กลายเป็นไวรัล ในชั่วข้ามคืนเปิดโปงธุรกิจขอทานไทย สื่อญี่ปุ่นแฉ รายได้สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำ นักข่าวญี่ปุ่นตามติดสะเทือนใจ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด มือถือ Gadget เทคโนโลยี
จีนสร้างเครือข่ายทางรถไฟที่ทันสมัยที่สุดในโลกMetaverse โลกเสมือนจริงกับชีวิตประจำวันโรงเรียนอนุบาลวอลฟาร์ตส์ไวเออร์: การศึกษาในบรรยากาศแห่งจินตนาการCaterpillar 797 หนึ่งในรถบรรทุกเหมืองที่ทรงพลังที่สุดในโลก
ตั้งกระทู้ใหม่