เกย์ครองโลก เปรียบได้กับคำว่า "ช้างคู่"
โพสท์โดย มิ้นส์
นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ : "ยุคนี้ใครหลายๆคนอาจต้องเปลี่ยนทัศนคติครั้งใหญ่ เพราะเกย์กำลังมีบทบาทอย่างมากในสังคม "เกย์กำลัง dominated สังคมในทุกๆ ส่วนแล้วนะ" เพราะที่พูดอย่างนั้น ผมจึงเริ่มสังเกตสภาพแวดล้อมและบริบทรอบๆ ในสังคมไทย และก็เริ่มเห็นว่ามันเป็นแบบที่พี่เขาว่าไว้จริงๆ
จำนวนตัวเลขประชาเกย์อย่างน้อย 1 ใน 10 คนที่ผมให้คุณผู้อ่านลองนึกเมื่อตอนต้นนั้นสะท้อนปรากฏการณ์นี้ได้ดีพอสมควร
เริ่มกันที่ "ปริมาณ" ก่อน ในประเทศที่ค่อนข้างเปิดกว้างการแสดงออกทางเพศ อย่างประเทศไทย จะมีตัวเลขของเกย์ประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเพศชายทั้งหมด (เทียบแล้วคือ 1ใน3) ถือว่าเยอะมากนะครับ และตัวเลขนี้ ไม่ได้หยุดนิ่ง มีแต่จะกราฟที่ชี้ขึ้นลูกเดียวเท่านั้น
การจะบอกว่ากลุ่มคนหลากหลายทางเพศมีอิทธิพลต่อสังคมอย่างไรนั้น ผมวัดง่ายๆ ว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็น "บุคคลที่มีอิทธิพล" ในวงการต่างๆ มากน้อยแค่ไหน แน่นอนว่าในวงการบันเทิง แฟชั่น ศิลปะ หรือความสวยความงาม พวกเขาล้วนเป็นผู้ทรงอิทธิพลมานานแล้ว แต่สิ่งที่น่าสนใจคือในวงการอื่นๆ อย่างการเมือง ธุรกิจ หรือแม้แต่กีฬา กลุ่มคนหลากหลายทางเพศก็เริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ
รู้ไหมครับว่าตอนนี้ในทวีปยุโรปมีคนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศหรือประธานาธิบดีที่เปิดเผยว่าตนเองเป็นเกย์ได้แก่ Elio Di Rupo จากเบลเยียม
จากรูป คือ นายเซเวียร์ เบตเตล นายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์กวัย 42 ปี ได้เข้าพิธีแต่งงานกับนายโกธิเยร์ เดสเตเนย์ สถาปนิกชาวเบลเยียม
ไอโฟนที่เราใช้กันหรือแบรนด์แอปเปิ้ลที่เรายกย่องก็มีซีอีโอเป็นเกย์ (Tim Cook)
นิตยสารระดับโลกที่เราชอบอ่านอย่าง Wallpaper และ Monocle ก็มีผู้ก่อตั้งเป็นเกย์ (Tyler Brule)
ผลิตภัณฑ์กีฬายักษ์ใหญ่ของโลกอย่างไนกี้ก็มีผู้บริหารระดับสูงตำแหน่ง chief information officer เป็นเกย์ (Anthony Watson)
วงการกีฬาบาสเกตบอล NBA ที่เต็มไปด้วยนักบาสผิวสีที่ปิดกั้นเรื่องรักร่วมเพศมากๆ ก็มีนักบาสที่ชื่อ Jason Collins กล้า "come out" คนแรก เปิดตัวว่าเป็นเกย์แล้ว ท่ามกลางเสียงสนับสนุนจากคนดังมากมาย เช่น บารัก โอบามา นิตยสาร TIME ถึงกับเลือกให้เขาเป็นหนึ่งใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลของโลกปี ค.ศ.2014
หรือล่าสุดกับ Laverne Cox นักแสดงสาวประเภทสองจากซีรีส์ฮิต Orange Is the New Black ที่กลายเป็นบุคคลข้ามเพศคนแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาที่มีชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy Award ในปีนี้ ทางนิตยสาร TIME ถึงกับเลือกเธอขึ้นปกพร้อมกับคำโปรยว่า "The Transgender Tipping Point"
แนวโน้มนี้เกิดขึ้นคล้ายๆ กันทั่วโลก ทั้งในองค์กรรัฐ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ บรรษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ ธนาคารอันดับต้นของโลก หรือสำนักข่าวทรงอิทธิพล ล้วนถูกขับเคลื่อนด้วยกลุ่มคนหลากหลายทางเพศไม่มากก็น้อย
จากปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจทำให้เกิดคำถามตามมาหลายข้อ
คำถามแรกปรากฏการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างไร
แน่นอนว่าคำตอบนั้นเป็นไปได้หลายทางทั้งค่านิยมและสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป สิทธิและเสรีภาพเพิ่มมากขึ้น แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบันคือผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
เนื่องจากจุดเด่นของเกย์ คือ ทำงานเก่ง รายได้ดี ไม่มีพันธะเรื่องครอบครัว มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย พวกเขาจึงมีแนวโน้มที่จะชื่นชอบใช้จ่ายไม่อั้นเพื่อปรนเปรอตัวเอง นักการตลาดได้นิยามคำศัพท์สแลงที่เรียกกำลังซื้อของพวกเขาว่า "pink money" แต่เป็นของเกย์
จำนวนเงินที่มหาศาลนี้ทำให้หลายๆ ธุรกิจทั่วโลกต้องจับตามองเป็นพิเศษ รวมทั้งเริ่มผลิตสินค้าและบริการเพื่อรองรับกับตลาดที่เติบโต
การจะตอบคำถามนี้ได้ต้องย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ว่าในอดีตไม่มีชาวสีม่วงจริงๆหรือ?
ซึ่งก็พบว่า"มี" ครับ
เช่น ในอียิปต์เราพบหลุมศพที่เป็นผู้ชายกอดกันอยู่
หรือในกรีกโบราณ เพลโตก็เคยเขียนไว้ในหนังสือ Symposium ว่า สนับสนุนให้มีเพศสัมพันธ์กันระหว่างชายอาวุโสกับเด็กหนุ่มๆ เพื่อมอบความรู้และประสบการณ์
คำถาม : ทำไม เกย์ถึงมาเปรียบเป็นช้าง แถมยังเป็นช้างคู่อีกด้วย
คำตอบ : เพราะว่าช้างคือสัญลักษณ์แห่งอำนาจ พลัง คนไทยเปรียบช้างเท้าหน้า คือผู้ชาย และช้างเท้าหลัง คือ ผู้หญิง ถึงแม้ว่าบางคนจะคิดว่าเป็นการเหยียดเพศระหว่างชายกับหญิง
และบางคนก็พยายามแย่งกันจะเป็นช้างเท้าหน้าเท้าหลังบ้าบออะไรก็ตาม
แต่ เหนือฟ้าย่อมมีฟ้า
เกย์นี่แหล่ะ เปรียบได้ดั่ง "ช้างคู่" มีทั้งเท้าหน้าและเท้าหลัง มีครบทุกอย่าง แถมมีงวงทั้งคู่เป็นของตัวเองซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของช้าง(เพราะช้างมีงวง) 555+
มาดูเหตุผลกันดีกว่า
"เกย์" โดยเฉลี่ยหน้าตาดีกว่าผู้ชายแท้ๆถึง80เท่าและผิวพรรณดีกว่าผู้หญิง เพราะธรรมชาติคัดสรรให้เพศชายมีคอลลาเจนผิวมากกว่าเพศหญิง ดังนั้นแค่เกย์ดูแลตัวเองดีกว่าผู้ชาย แค่นี้ก็ดีกว่าเห็นๆแล้ว "เกย์" มีความละเอียดอ่อนและแม่นยำมากกว่าชายจริงหญิงแท้
"เกย์" มีความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศเว่อๆ
"เกย์" มีความเท่าเทียมกันมากกว่าชายหญิง ซึ่งสังคมยังมองว่าชายต้องเลี้ยงดูและหญิงต้องรักนวลสงวนตัวแต่เกย์ไม่ต้องเลย เวลาไปไหนก็ไปด้วยกัน ต่างคนต่างจ่าย ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบและไม่มีใครว่าอีกด้วย
"เกย์" ถ้าเวลาทะเลาะกัน ไม่ต้องมีคำแคร์สังคมเหมือนชายกับหญิง เพราะเวลาแฟนทะเลาะกันมันเป็นเรื่องส่วนตัวล้วนๆ
"เกย์ " กิจกรรมทางเพศได้เหนือกว่าชายจริงหญิงแท้ซะอีก คุณลองคิดดู การที่ผู้ชายมีอะไรกับผู้หญิง ผลที่ตามมาอาจเกิดการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมได้ ในส่วนของการติดเชื้อ มันติดได้ทั้งหมดทุกเพศ ถ้าคุณไม่ป้องกัน "เกย์" เข้าหาสังคมได้เก่งมากๆ
"เกย์" หาเงินเก่งมากที่สุด มากกว่าชายหญิงแท้ซะอีก
"เกย์" แรงและพละกำลังเยอะกว่าผู้ชายแท้ๆบางคนซะด้วยซ้ำ เพราะออกกำลังกาย
"เกย์" เป็นเพศเดียวที่งัดข้อดีของเพศชายและเพศหญิงมารวมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เช่น ความแข็งแกร่ง มีเหตุผล ดุจดั่งชาย และความละเอียดอ่อนดั่งผู้หญิง "เกย์" มีพรสวรรค์ในการพูดคุยเจรจาสื่อสารต่างๆและเก่งภาษาดีมาก ก็นี่แหล่ะความขยันและสร้างสรรค์ผลงาน
"เกย์" มีความมุ่งมั่นตั้งใจและพัฒนาตัวเองมาก เพราะสังคมบางคนยังไม่ยอมรับ เราเลยต้องไม่หยุดอยู่กับที่
"เกย์" เป็นผู้นำทางด้านความสุขกับการให้คนได้จิ้น(วาย) ปล่อยให้ผู้หญิงโสดไปเยอะๆเพราะต้องมียอดชายเพิ่มขึ้น
"เกย์" มีเพิ่มมากขึ้นทุกๆวัน
ที่มา: https://www.facebook.com
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
28 VOTES (4/5 จาก 7 คน)
VOTED: กอกระดุม, makhamdong, mon, หมอมิ้น, Eaziie Roliie, มิ้นส์
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
จำได้ไหม? "พุฒ เดชอุดม" จากยูทูบเบอร์เสียงเพี้ยน สู่สาวสวยสุดlซ็กซี่ลูกชายสงสัย ทำไมพ่อไม่ส่งสติ๊กเกอร์ “สวัสดีตอนเช้า” ให้ 3 วันแล้ว พบนอนเสียชีวิตอยู่ในบ้านHot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
Kawaguchi Ayaka นักแสดง A.V วัย 25 ปี จะ "แต่งงาน" ในเดือนธันวาคมนี้ที่ฮ่องกงพร้อมลุย! ทีมชาติไทยประกาศ 26 แข้งลุยศึกชิงแชมป์อาเซียน 2024