หินดำที่เมกกะ มาจากไหน

มาแล้วค่ะเรื่องราวของหินดำ วันก่อนเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับ วิหารหินดำแห่งมหานครเมกกะห์ ได้กล่าวถึงเรื่องหินดำไว้เพียงเล็กน้อย มีหลายท่านรวมถึงแอดมินที่เข้าใจว่าสี่เหลี่ยมใหญ่ๆ นั่นเป็นก้อนหินสีดำ แต่จริงๆ นั่นคือวิหาร ส่วนหินดำจริงๆ อยู่ตรงมุมด้านหนึ่งของวิหารหลังโตนั่น มีภาพในโพสต์นี้จะชี้จุดที่ตั้งของตำแหน่งหินดำให้เห็นกันอย่างชัดเจนค่ะ เราเข้าใจกันเบื้องต้นแล้วว่าหินดำ ไม่ใช่หินศักดิ์สิทธิ์ หินดำเป็นเพียงก้อนหินธรรมดา ไม่ใช่สิ่งวิเศษที่จะบันดาลอะไรทั้งสิ้น

แล้วทำไมใครๆ ก็พูดถึงแต่หินดำ หินดำมีความสำคัญอย่างไร แอดมินพยายามเก็บข้อมูลมาเรียบเรียง แต่ว่าเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยรู้เลยเหมือนเป็นตำราบทใหม่ที่เพิ่งจะทำความเข้าใจ ภาษาที่ใช้เขียนบทความนี้เน้นให้อ่านเข้าใจง่ายแต่จะคงใจความสำคัญไม่ให้มีสิ่งใดผิดเพี้ยน หากมีข้อผิดพลาดประการใด กรุณาแนะนำด้วยนะคะ ^^

"อัลฮะญัร อัลอัสวัด" หรือหินดำ เดิมมีรูปร่างเป็นครึ่งวงกลม กว้างราว 10 นิ้ว สูง 12 นิ้ว เป็นก้อนใหญ่ก้อนเดียวแต่ในปัจจุบันหินดำมีสภาพแตกออกเป็น 8 ชิ้น นำมาต่อกันรัดด้วยวงแหวนเงิน ปกปิดด้วยแก้วครอบทับด้วยเงิน วางอยู่มุมผนังด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของวิหาร สูงจากพื้นดินประมาณ 1 เมตร สาเหตุที่ทำให้ก้อนหินนี้แตกออกเกิดในปี ค.ศ. 682 มีเหตุการณ์ความขัดแย้งในคาบสมุทรอาหรับ มีกองกำลังกรีฑาทัพเข้าตีนครเมกกะห์ จนวิหารหินดำได้รับความเสียหายและส่งผลให้หินดำแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ท่านนบีนุอับบาสเล่าไว้ตอนหนึ่งว่า "ท่านรสูลุลลอฮ กล่าวว่า "หินดำถูกประทานลงมาจากสวรรค์ ซึ่งความขาว(ของหินดำนั้น), ขาวยิ่งกว่า (ความขาวของ) น้ำนมเสียอีก, (แต่ที่เปลี่ยนเป็นสีดำเนื่องจาก) ความผิดต่างๆ ของลูกหลานอาดัมทำให้หินดำนั้นเป็นสีดำ"" ข้อความบันทึกโดยติรฺมิซีย์ ...........ซึ่งตรงกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่า หินดำก้อนนี้แรกเริ่มเดิมทีไม่ได้เป็นสีดำ

เรื่องสีของหินดำยังมีข้อความสนับสนุน ซึ่งเป็นคำบอกเล่าของ มูฮัมมัด อิบนุ นาเฟียะอฺ อัลคอซาอีย์ ผู้ที่เห็นตอนที่หินดำแตกออกเป็นชิ้นๆ ว่าเค้าสังเกตุเห็นว่า สีดำเป็นสีที่อยู่เพียงภายนอก ส่วนภายในเนื้อหินนั้นเป็นสีขาว เป็นการตอกย้ำเรื่องสีของหินดำอีกประการหนึ่ง


ในเมือหินดำนี้ไม่ใช่สิ่งศักดิสิทธิ์ ไม่ใช่สิ่งเคารพบูชา แล้วเหตุใดชาวมุสลิมไปสักการะอยู่อีกเล่า หรือไม่ เวลาทำการละหมาดจะต้องหันไปทางทิศที่หินดำตั้งอยู่ เพราะอะไร ???????

คำตอบคือชาวมุสลิมไม่ได้ไปสักการะหินดำค่ะ เหตุผลที่การทำละหมาดไม่ว่าจะปฏิบัติที่ใดในโลกจะต้องหันหน้าไปทิศทางที่หินดำตั้งอยู่ ด้วยสาเหตุเดียวคือความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หากไม่ได้กำหนดไว้ผู้คนก็จะหันไปทางเหนือบ้างใต้บ้าง แต่เพื่อให้มุสลิมเกิดเอกภาพในการเคารพบูชาต่ออัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียว จึงกำหนดให้หันไปในทิศทางเดียวกัน คือที่เมกกะห์ แต่มีในยุคหนึ่งท่านศาสดาอพยพไปมาดีนะห์ ท่านกำหนดให้ผู้คนหันไปละหมาดทางทิศของเยรูซาเล็มแทน จนมีการกลับมาหันทางทิศของหินดำอีกครั้งจนถึงปัจจุบัน

แอดมินชอบจุดนี้นะคะถือเป็นกุศลโลบายที่แยบยลในเรื่องความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอันจะนำมาซึ่งความสามัคคีกันได้เป็นอย่างดี


อีกหลายเรื่องราวที่เป็นการสนับสนุนเรื่องที่ว่า หินดำไม่ใช่หินศักดิ์สิทธิ์ และชาวมุสลิมไม่ได้สักการะหินดำ อาทิเช่น

หากเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญในการบูชาจริง เหตุใดชาวมุสลิมถึงปล่อยให้หินดำโดนขโมยไป อีกทั้งยังโดนทำลายจนแตกออก ทั้งๆ ที่สามารถรักษาวิหารหลังโตไว้ได้ แต่หินก้อนแค่นี้ทำไมถึงดูแลไม่ได้.........................เพราะหินดำก้อนนี้ไม่ใช่หินศักดิ์สิทธิ์มันเป็นเพียงก้อนหินธรรมดา

ทำไมเวลาละหมาด มุอัซซิน (ผู้ป่าวประกาศ เวลาละหมาด) สามารถปีนขึ้นไปตะโกน ป่าวประกาศบนหลังคากะอ์บะฮ์ เพื่ออะซาน หรือเรียกคนให้มาละหมาดได้ ซึ่งจุดที่ยืนก็อยู่เหนือหินดำ.........................เพราะหินดำก้อนนี้ไม่ใช่หินศักดิ์สิทธิ์มันเป็นเพียงก้อนหินธรรมดา

ทำไมถึงมีช่วงหนึ่งที่ท่านศาสดาอพยพได้แจ้งแก่สาวกว่าให้หันหน้าละหมาดไปทางเยรูซาเล็มแทนทิศทางของหินดำ .........................เพราะหินดำก้อนนี้ไม่ใช่หินศักดิ์สิทธิ์มันเป็นเพียงก้อนหินธรรมดา

หินดำมีความสำคัญเพียงใช้เป็นตำแหน่งในการเริ่มตอวาฟ

การตอวาฟคือ การเวียนรอบกะอ์บะฮ์ 7 ครั้ง ในพิธีฮัจญ์ พิธีอุมเราะห์ หรือในโอกาสอื่น ๆ โดยเริ่มต้นที่มุมซึ่งมีหินดำเป็นสัญลักษณ์ ให้ไหล่ซ้ายอยู่ด้านหินดำ ต่อจากนั้นก็เดินรอบกะอ์บะฮ์ด้วยความเร็วปกติคงที่ 7 รอบ เท่านั้นเอง ............ การไปประกอบพิธีฮัญจ์ที่นครเมกกะห์ก็อยู่ในหลักปฏิบัติ 5 ประการ กล่าวคือให้ไปทำฮัญจ์ ที่นครเมกกะห์ ถ้ามีความสามารถที่จะไปได้.........หมายความว่าถ้าไปได้ก็ไป ถ้าไม่สะดวกที่จะไปนั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญตราบใดที่ยังยึดมั่นในคำสอนของอัลเลาะห์อย่างถูกต้อง

ยังคงเป็นคำสอนที่มั่นคงและยืนหยัดมานับพันปี ห้ามเคารพบูชาสิ่งใดนอกไปจากอัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียว และการที่เรายังเห็นคนจำนวนมากไปเมกกะห์ที่ตั้งของกะอ์บะฮ์ วิหารแห่งหินดำ เป็นจำนวนมากในทุกๆ ปี ไม่ใช่เป็นการไปเพื่อแสวงบุญ แต่การไปที่นั่นในช่วงเวลานั้น เป็นเสมือนงานสมัชชาใหญ่ประจำปีของชาวมุสลิมทั้งโลก และเพื่อเป็นการสืบสานสายป่านของศาสนาอิสลามให้เหนียวแน่น ด้วยใจที่มีศรัทธาแด่อัลเลาะห์องค์เดียวกัน สืบต่อมานับพันปี ให้ยาวนานต่อไปอีกกัลปวสาน นั่นเอง

** บทความแนบท้าย ** มีเรื่องที่น่าสนใจเรื่องจุดศูนย์กลางของโลกค่ะ

กะอ์บะฮ์เป็นจุดศูนย์กลางของแผนที่โลก มุสลิมเป็นชนกลุ่มแรกที่วาดแผนที่โลก พวกเขาวาดแผนที่โดยที่ทิศใต้อยู่ด้านบนและทิศเหนืออยู่ด้านล่าง กะอ์บะฮ์อยู่ตรงกลาง ต่อมานักทำแผนที่ชาวตะวันตกวาดแผนที่ตรงกันข้ามโดยให้ทิศเหนืออยู่ด้านบนและทิศใต้อยู่ด้านล่าง แต่อย่างไรก็ตาม กะอ์บะฮ์ก็ยังคงอยู่ที่ตรงกลางของแผนที่โลกเช่นเดิม เป็นเหตุว่าทำไมที่นี่จึงถูกกำหนดให้เป็นจุดรวมใจของชาวมุสลิม เพราะถือว่าเป็นศูนย์กลางของโลก เป็นศูนย์กลางของทุกทวีป ที่ไม่ว่าใครจากมุมไหนของโลกก็สามารถเดินทางมารวมกัน ณ ใจกลางแหงนี้ได้อย่างสะดวก

ตั้งใจทำมากๆ ค่ะโพสต์นี้ แอดมินอ่านอย่างช้าๆ และพยายามเรียบเรียงประเด็นหลักๆ มาให้ได้เท่าที่จะทำได้ในความเข้าใจของตัวเอง ช่วงที่นั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับหินดำ ก็ให้ไปเจอเรื่องราวเกี่ยวกับคำสอนต่างๆ ของอิสลาม อ่านแล้วลึกซึ้งค่ะ บอกได้เลยว่าอ่านแล้วเกิดศรัทธา ศรัทธาในคำสอน ศรัทธาในแนวทางทำความดี ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี จริง จริง เพียงแต่เราต้องเปิดใจที่จะศึกษา ศึกษาอย่างมีสติมีสมาธิ แล้วคุณจะได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้