ตร.รวบ อดีตฯ ส.ส.พรรคประชาธิปตย์ ค้ายาบ้ารายใหญ่

เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม นางสาวพลอยเพ็ญ พิมพ์เกษ อดีตผู้สมัคร สส.พรรคประชาธิปัตย์ ค้ายาบ้ารายใหญ่ ถูกจับได้พร้อมของกลาง หลังตำรวจล่อซื้อ

วันที่ 27 ธันวาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานเปิดเผยว่า นางพลอยเพ็ญ พิมพ์เกษ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เขตบึงกาฬ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวในข้อหาค้ายาเสพติด เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.ขอนแก่น

นำโดย พ.ต.ท.อนุศักดิ์ ศักดาวัชรานนท์ รอง ผกก.ฯ พ.ต.ต.วงศกร วันชัย และทีมงาน ได้จับกุม นางสาวพลอยเพ็ญ พิมพ์เกษ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 222 หมู่ 7 ตำบลโนนสมบูรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ อดีตผู้สมัคร สส. พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดบึงกาฬ พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 5,750 เม็ดในกล่องของขวัญ

ก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่ชุด ปส. สภ.เมืองขอนแก่น ได้จับกุม นายอัฐชะริยะพล หรือ อ๊อฟ ศรีไพรวัลย์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 310 หมู่ 4 ตำบลโคกฟันโปง ต.บ้านเป็ดอำเภอเมืองขอนแก่น จำนวน 1,100 เม็ด ซึ่งอ้างว่ามีการสั่งซื้อยาจากคนอื่นและเป็นคนจากประเทศลาว จากนั้นได้มีการขยายผลให้มีการล่อซื้อ

โดยมีการนัดส่งยากันที่บริเวณริมถนนมิตรภาพหน้าบริษัทไทยประกันชีวิต ในช่วงดึกของวันที่ 24 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ได้วางกำลังซุ่มจนเกือบถึงเวลานัดได้มีรถหรูซีอาร์วีสีขาว ทะเบียน กค 6138 พังงา มาจอดจึงได้แสดงตัวและขอตรวจค้นโดยในรถมีนางสาวพลอยเพ็ญ นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสารและมีนายฉลอง หรือ กบ ยอดขำ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/153 หมู่ 1 ตำบลคลอง 4 อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นผู้ขับรถ

และพบยาบ้าจำนวน 5,750 เม็ดบรรจุถุงพลาสติกสีน้ำเงิน แบบซองจำนวน 29 ถุง ซุกอยู่ในกล่องห่อด้วยกระดาษของขวัญซึ่งวางปะปนกับสิ่งของอื่นที่เบาะผู้โดยสารตอนท้ายของรถแม้นางสาวพลอยเพ็ญ อ้างว่ารับจ้างส่งยาบ้าให้กับคนอื่นซึ่งเป็นชาวลาว และรับสารภาพว่าทำมานานแล้ว และเคยเป็น สมัคร สส. เขต 1 บึงกาฬสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2554 และกำลังศึกษาระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

ขณะเดียวกันนางพลอยเพ็ญ มักจะแอบอ้างนำหน้าชื่อว่าเป็น ดอกเตอร์ โดยก่อนหน้านี้ทางมหาวิทยาลัยเคยแจ้งเตือนเนื่องจากยังเรียนไม่จบจึงยังไม่ได้วุฒิปริญญาเอกเนื่องจากไม่มีกฎหมายเอาผิดแต่เป็นเรื่องของจริยธรรม แต่นางสาวพลอยเพ็ญก็ไม่สนใจยังคงใช้ ดร.นำหน้าชื่อออกสื่อโดยเฉพาะทางสังคมโซเชียลประกอบกับแหล่งที่มารายได้ซึ่งแม้ว่าจะมีกิจการรีสอร์ท ที่จังหวัดศรีสะเกษ แต่อยู่อำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ

ซึ่งไม่น่าจะเป็นแหล่งทำเงิน และน่าจะมีเครือข่ายกระจายไปอีกหลายพื้นที่ ในวันพรุ่งนี้ (28 ธ.ค.) ผบช.ภาค 4 จะได้เรียกประชุมชุดสืบสวนภาค 4 เพื่อดำเนินการ สืบสวนสอบสวนขยายผลถึงเครือข่ายและการยึดทรัพย์ในการกระทำผิดครั้งนี้ต่อไป