ตำนาน คดีดัง คดี "สะท้านโลก ฆ่าหมู่พระไทย" รัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา
การสูญเสีย เมื่อ พ.ศ.2534 (1991) นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนา และคณะสงฆ์ไทย แม้วันเวลาจะล่วงเลยมา 18 ปีแล้วก็ตาม แต่ความรู้สึกในใจของคนที่ใกล้ชิด และเพื่อนสนิทมิตรสหาย ท่านที่เคารพนับถือในผู้มรณะ ยังไม่มีวันจางหายไป ซึ่งความรู้สึกอย่างนี้ นับเวลานี้ไม่มีเฉพาะพระธรรมทูต และสาธุชนในที่นี้เท่านั้น ยังเชื่อว่า ยังคงอยู่ในความทรงจำของคนทั่วโลกตลอดไป”
พระครูวิเทศพรหมคุณ
คดีนี้ถือว่าเป็นคดีที่ถูกจารึกในประวัติศาสตร์โลก แม้มันผ่านไป 17 ปีแล้วก็ตาม มันก็ยังเต็มไปด้วยปริศนา ความโหดเหี้ยม อำมหิต ลามปามไปถึงศาสนา เชื้อชาติ และกระบวนการยุติธรรม
วัดพรหมคุณาราม (Wat Promkunaram) เป็นวัดของพระพุทธศาสนา ตั้งอยู่ที่เมืองฟินิกซ์ รัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา(ตั้งอยู่ ณ 17212 West Maryland Ave, Waddell, Arizona 85355 U.S.A. พรหมคุณารามเป็นวัดที่ค่อนข้างเก่าแก่มีประวัติก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1982 และได้จดทะเบียนเป็นองค์กรการกุศลไม่แสวงหาผลกำไร เมื่อ 16 สิงหาคม 1983 จุดประสงค์เพื่ออยากให้พระสงค์มาจำพรรษาที่นี้เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาหรือศิลปวัฒนธรรมของประเทศไทยให้ต่างชาติได้รับรู้ อีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยที่มาศึกษาและทำงานในรัฐอริโซน่า นอกจากนั้นยังเป็นสถานที่พบปะบรรดาชาวไทยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตามประสาใครไกลบ้าน
วัดพรหมคุณาราม ถือได้ว่าเป็นวัดใหญ่ มีอาณาเขตค่อนข้างใหญ่ มีอาคารหลายหลังที่แสนสงบ เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี แม้สมัยก่อนนั้นบริเวณวัดแห่งนี้จะตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทราย แต่ด้วยความศรัทธาของชาวพุทธที่มุ่งหวังจะเผยแพร่ศาสนาให้ต่างชาติได้รับรู้ จึงได้ปรับปรุงศาสนาที่ใหม่จนกระทั้งปัจจุบันบริเวณวัดแห่งนี้กลายเป็นเปรียบเสมือนพื้นที่ของประเทศไทยขนาดย่อมๆ ก็ว่าได้ ใครไปใครเห็นคงนึกว่านี้เขาเอาประเทศไทยมาตั้งอเมริกาเหรอนี้
ประวัติที่ผ่านมาของวัดแห่งนี้ช่างน่าสรรเสริญอย่างยิ่ง เพราะไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียอะไรเลย ทุกเช้า เวลาประมาณ 7.00 น. ชาวบ้านแถวๆ นั้นจะได้ยินเสียงระฆังดังเหง่งหง่าง ก่อนที่จะได้ยินเสียงสวดแว่วๆ ตามมา ซึ่งเป็นกิจกรรมสวดมนต์ทำวัตรเช้าตามปกติของพระสงฆ์
เรื่องประวัติเสื่อมเสียนั้นไม่มี หากแต่........ที่นี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นเวทีสังหารหมู่ ที่สุดโหดเหี้ยม มันเป็นคดีที่แสนร้ายกาจ สะเทือนสั่นประสาทเลือดพุทธเราพอสมควร ไม่ใช้เฉพาะพุทธไทยเท่านั้น มันยังสะเทือนถึงโลก และกระบวนการความยุติธรรมของอเมริกา ว่านี้คดีคือเชื้อชาติ สีผิว??
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 1991 เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อพระธรรมทูต 6 รูป สามเณร 1 รูป เด็กวัด 1 คน แม่ชี 1 ท่าน ถูกฆาตกรรมด้วยการสังหารโหดสุดๆ เมื่อพระและคณะถูกคนร้ายที่คาดว่ามี 2 คนบุกวัด แล้วใช้ปืนยาวยิงเข้าที่ท้ายทอยทุกรูปทุกคน
ในเวลาต่อมา ตำรวจก็จับผู้ต้องหาได้ 2 คน คือ อเล็ก การ์เซีย และโจนาธาน ดูดี โดยหนึ่งในผู้ต้องหาคืออเล็ก การ์เซีย รับสารภาพว่า ปล้น เพราะต้องการเงิน แต่ไม่ได้คิดฆ่ามาก่อน แต่เป็นเพราะสามเณรแมททิว มิลเลอร์ หนึ่งในผู้มรณภาพจำเสียงเขาได้เลยจัดการซะ
คดีนี้ดูเหมือนจะจบ แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะตำรวจไม่เชื่อว่าคดีโหดแบบนี้จะมีคนร้ายก่อการแค่ 2 คน หลังจากนั้นตำรวจทำการจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายคน บางคนให้การรับสารภาพแต่กลับคำให้การในภายหลัง โดยอ้างว่า ระหว่างถูกคุมขังถูกกระทำทารุณเพื่อบีบบังคับให้สารภาพ จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ต้องปล่อย ตัวพ้นข้อหาไป จนเหลือเพียงนาย โจนาธาน ดูดี้ ลูกครึ่งอเมริกัน-ไทย กับนาย อเล็กซานเดอร์ หรืออเล็กซ์ การ์เซีย ลูกครึ่งเม็กซิกัน-อเมริกัน ซึ่งนายอเล็กซ์รับสารภาพต่อศาล และ ระบุว่านายโจนาธานเป็นคนใช้ปืนไรเฟิล .22 คาลิเบอร์ จ่อยิงผู้ตายทั้งหมด
คดีนี้มีการเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นหลายครั้ง จนกระทั่งวันที่ 11 ก.พ. 1994 ผู้พิพากษาศาลสูงมณฑลมาริโคปา รัฐอริโซนา ได้อ่านคำพิพากษา ให้จำคุกนายโจนาธาน ดูดี้ ตามที่คณะลูกขุนลงความเห็นว่ามีความผิดอุกฉกรรจ์ 9 กระทง และความผิดอื่นๆ อีก 11 กระทง รวมโทษจำคุก 285 ปี จำเลยยื่นอุทธรณ์
สำหรับคดีนี้ได้มีกลุ่มชาวไทยที่เชื่อว่า นายโจนาธาน ไม่ได้เป็นฆาตกรตัวจริง ได้พยายามว่าจ้างทนายต่อสู้คดีให้นาย โจนาธาน ส่วนพระสงฆ์มีการตั้งขบวนช่วยเหลือนายโจนาธานได้ร่วมบริจาคเงินเพื่อเป็นค่าจ้างทนายสู้คดี เพราะเชื่อว่าโจนาธาน ดูดี้ ซึ่งเป็นคนไทยไม่ได้สังหารพระ แต่เป็นแพะรับบาป จนในที่สุดศาลอุทธรณ์ได้พิพากษากลับให้ จำเลยพ้นผิด หลังถูก จองจำมานานกว่า 17 ปี
เรื่องนี้การเป็นประเด็นสำหรับชาวพุทธในเวลาต่อมา ว่าการช่วยเหลือโจนาธาน ดูดี้ ถูกต้องหรือไม่ จะเสียเงินเสียทองไถ่ชีวิตเด็กเพียงคนเดียวทำไม ทั้งๆ ที่รูปคดีก็บอกอยู่ว่าเขามีส่วนรู้เห็นในการสังหารหมู่ในครั้งนี้ ทำไมไม่เอาเงินไปช่วยเด็กน้อยที่อยู่ชนบทที่ห่างไกลทุรกันดารละ
หรือโจนาธาน ดูดี้จะเป็นแพะรับบาปที่เขาว่า??
เรามาย้อนเหตุการณ์ในวันนั้นดีกว่า........
วันที่ 10 สิงหาคม 1991 ที่วัดพรหมคุณา-ราม เมืองวัลเดล นครฟีนิกซ์ รัฐอริโซนา เวลาประมาณ 8.00 น.
วันนั้นเป็นเช้าที่สดใส ธรรมดาอย่างเช่นทั่วไป แต่เป็นวันแปลกสำหรับคนงานวัดที่ส่งอาหารในเช้าวันเสาร์ของวันที่ 10 สิงหาคม 1991 เขาสังเกตว่าไม่มีคนของวัดอยู่ในบริเวณนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นสวนที่ไม่มีคนมารดน้ำ ที่แท่งบูชาก็ไม่พบเห็นใคร และสถานที่ก็ดูท่าทางเงียบสงบอย่างน่ากลัว เออ....ปกติก็ดูสงบอ่ะนะ แต่นี้มันสงบเงียบวังเวงไม่ชอบกลอย่างบอกไม่ถูก
วัดในอเมริกานั้น มีลักษณะคล้ายกันเกือบทุกวัด คือ แรงงานคนน้อย แรงงานในการจัดการพัฒนาวัด ส่วนใหญ่จึงเป็นแรงงานพระ ถ้าวัดไหนมีแรงงานพระน้อย ก็จำเป็นต้องจ้างแรงงานเข้ามาเสริมซึ่งจะเสียเงินจ้างค่อนข้างมาก
พระในวัดพรหมฯ จึงไม่แตกต่างจากซูเปอร์แมน คือ ต้องทำทุกอย่าง ตั้งแต่ตัดหญ้า พรวนดิน รดน้ำต้นไม้ ฯลฯ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจอะไรเลยที่คนงานจะเห็นภาพพระสงฆ์ทำงานต่างๆ ในบริเวณวัดแต่เช้า
แล้ว....คนในวัดนี้หายไปไหนหมดนี้???
คนงานเก็บความสงสัยนี้ พร้อมกับมองโลกแง่ดีว่า บางทีคนในวัดอาจอยู่ข้างในก็ได้อ่ะนะ อาจทำงานหรือทำกิจวัตรของพระสงฆ์ก็ได้ คนงานเลยไปตามหาที่คาดว่าคนในวัดจะอยู่สักหน่อยเพื่อจะบอกว่าเขามาถึงแล้ว
จากนั้นในเวลาไม่นานนักคนงานก็รู้ว่าคนในวัดทั้งหมดหายไปไหน...ทำไมพวกเขาถึงได้เงียบหายไป....คนงานส่งเสียงกริ๊ดร้องผ่านอากาศที่สดใส เมื่อสถานที่ใหญ่และสงบได้กลายทะเลเลือดเสียแล้ว!!
ในเวลาต่อมาเจ้าหน้า หรือแม้กระทั้ง FBI ต่างเข้ามาที่วัดวัดพรหมคุณาราม อย่างมืดฟ้ามัวดิน เพราะนี้เป้นคดีฆาตกรรมหมู่เขย่าขวัญครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมลรัฐอริโซน่า และอาจส่งผลความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศคือไทยและอเมริกาอีกด้วย
ในห้องเล่นของโบสถ์วัดเจ้าหน้าที่พบศพ 9 ศพ ถูกรวมไว้ในทีเดียวกัน ผู้ตายมีสมณะเป็น พระสงฆ์ 6 รูป สามเณร 1 รูป แม่ชี 1 คน เด็กวัด 1 คน (ชายแปดคนและหญิงสูงอายุหนึ่ง)ได้แก่
1. พระไพรัช พรหมวโร เจ้าอาวาสวัดพรหมคุณาราม
2. พระมหาเสียง มหาปญฺโญ พระจากวัดปทุมคงคา
3. พระมหาเฉลิม กิตฺติภทฺโร จากวัดใหม่ช่องลม
4. พระสุร-ชัย อนุตฺตโร จากวัดประดู่ฉิมพลี
5. พระบุญช่วย ชยธมฺโม
6. พระอธิการสมศักดิ์ สิริปญฺโญ
7. สามเณรแมทธิว มิลเลอร์
8. แม่ชีฝอย ศรีพันธ์ประเสริฐ
9. นายบอย เด็กวัด
ในที่เกิดเหตุนั้นเหมือนภาพสยองขวัญโดยแท้ เลือดเปื้อนชายผ้าเหลือง การเรียงศพอยู่ในลักษณะเรียงเป็นวงกลมคว่ำหน้า แต่ละศพมีรอยถูกยิงด้วยปืนยาวและปืนลูกซอง โดยจ่อยิงศีรษะอย่างเหี้ยมโหดจนหมดวัด ไม่มีคน เหลือเป็นพยานสักคนเดียว บางศพถูกยิงด้านหลังของหัวมากกว่าหนึ่งครั้ง บางคนถูกยิงสามครั้งและในที่เกิดเหตุนั้นมีปรากฏร่องรอยหลักฐานอยู่บ้าง แต่ไม่มีร่องรอยว่าผู้ตายได้ดิ้นรนขัดขืน แสดงให้เห็นว่าผู้ตายทั้งหมดถูกคนร้ายบังคับให้มารวมตัวในที่แห่งนั้นและคงสัญญาอะไรบางอย่างเพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ตายขัดขื่นเช่น แค่มาปล้น อย่าขัดขื่นเดี๋ยวเจ็บตัว หรือผู้ตายทั้งหมดลำบากยอมรับโชคชะตาของพวกเขาโดยไม่คิดต่อสู้ เป็นต้น
เจ้าหน้าที่ถึงกับอึ้งกับเหตุการณ์นี้ พวกเขาเห็นอะไรมามาก แต่นี้เป็นการสังหารที่โหดทารุณที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทำไม? เกิดอะไรขึ้นคนเหล่านี้ ทำไมจึงต้องฆ่าเป็นจำนวนมากในครั้งเดียว? ฆาตกรมีแรงจูงใจฆาตกรรมพอเหรอถึงลงมือกระทำเยี่ยงสัตว์นรกแบบนี้
นอกจากนั้นจากการตรวจสอบพื้นที่แบบคราวๆ พบว่าส่วนที่เป็นที่พักอาศัยในบริเวณวัดถูกรื้อค้นและได้รับความเสียหาย ทรัพย์สินบางชิ้นก็ถูกขโมยไปด้วย
ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบหลักฐานหลายอย่าง เช่นร่องรอยกระสุนปืนลูกซองที่ตกอยู่บนพื้นในที่เกิดเหตุ นิ้วมือของคนร้ายที่กดที่หลังคอของเหยื่อก่อนที่จะถูกยิง ขี้เถ้าบุหรี่(พระสงฆ์ไม่สูบบุหรี่) หรือรอยเท้าของคนร้ายเป็นต้น และจากการสอบสวนคร่าวๆ พบว่าเหตุการณ์สังหารหมู่น่าจะเกิดขึ้นใน กลางดึกช่วง 03.00-04.00 น.
ส่วนมูลเหตูจูงใจ คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นสหรัฐฯตั้งประเด็นไว้ หลายประเด็น เช่นหนึ่งในผู้ตาย 9 คนนั้นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรค้ายาเสพย์ติดผิดกฎหมายของไทย-อเมริกัน แต่ประเด็นนี้ตกไปเพราะไม่มีการพบยาเสพย์ติดที่ผิดกฎหมายในศาสนาแห่งนั้น อีกประเด็นคือพระภิกษุมีเรื่องกับผู้อื่นในเรื่องภรรยาแต่ก็ไม่มีทางเป็นไปได้เหมือนกันเพราะศาสนาพุทธมีกฎข้อห้ามหลายประการเกี่ยวกับศิลนี้ ยิ่งเป็นพระสงฆ์ในต่างประเทศแล้วยิ่งถือศิลเคร่งครัดมาก
งนั้นประเด็นที่เป็นไปได้จึงเหลือเพียง 2 ประเด็น คือการกีดกันเชื้อชาติศาสนาและสีผิว และประเด็นปล้นทรัพย์ เนื่องจากมีเงินและทรัพย์สินของวัดหายไปประมาณ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐฯและมีทรัพย์สินบางสวนหายไปจากห้องนอนของพระสงฆ์
ทางการได้ตระหนักถึงคดีที่โหดเหี้ยมในครั้งนี้ และมีการประชุมและจัดตั้งคณะทำงานสอบสวนขึ้นมาเร่งด่วนเพื่อคลี่คลายคดีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นคดีฆาตกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมลรัฐอริโซน่าและโด่งดังไปทั่วโลก จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เจ้าหน้าที่ที่สอบสวนคดีนี้จะกดดันมากเพียงในการสืบหาผู้กระทำความผิด ซึ่งพวกเขางัดวิธีการสอบสวนในหลายๆ บทมาใช้เพื่อเป็นประโยชน์มากที่สุด
1.) มองถึงอาชญากรรมอื่นๆที่อาจมีการเชื่อมโยงเกี่ยวกับคดีนี้
2.) เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเหยื่อ
3.) คำปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอื่นๆสำหรับความคิดเห็นเพิ่มเติม
4.) ถามเจ้าหน้าที่ไทยเกี่ยวกับอาชญากรรมที่คล้ายกันในประเทศของพวกเขา
แต่พอลงมือสอบส่วนจริงๆ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ใช้วิธีที่ 1,3 และ 4 มากนัก เพราะว่าคดีอาชญากรรมในรัฐแอริโซน่านั้นมีเยอะจนไร้ผลที่จะเชื่อมโยงกับคดีอื่น เพราะคดีอเมริกันส่วนใหญ่ก็มักแนวๆ นี้คือ ใช้ปืน ปล้นทรัพย์ ส่วนแบบ 4 นั้นแม้รัฐบาลไทยจะมั่นใจกระบวนยุติธรรมของสหรัฐและพร้อมจะให้ความร่วมมือทุกๆ ด้าน แต่ตอนที่จะกลับไปถามเจ้าหน้าที่ว่ามีอาชญากรรมแบบนี้เกิดขึ้นไหมในประเทศเขา พวกเขาก็ตอบเหมือนกันว่า “มีเป็นร้อยครับพี่ คนฆ่าพระสงฆ์เพื่อปล้นทรัพย์นะ ประเทศของผมออกเป็นข่าวหน้าหนึ่งประจำเลยแหละ”
ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงเน้นเรื่องประวัติของเหยื่อผู้ตายว่ามีส่วนเชื่อมโยงอะไรไหม กับเหตุสังหารหมู่ในครั้งนี้ มีการตรวจสอบซื้อขายยาเสพติดที่ของผิดกฎหมายที่น่าสงสัย มีข่าวลื่อเลยกิจกรรมชวนเชื่อหรือไม่ หรือผู้เกี่ยวข้องในบริเวณรอบๆ วัด แต่ก็ไม่พบสิ่งปกติที่เล่ามา
จากการตรวจสอบพบว่าความเชื่อมโยง ก็ไม่พบอะไรทั้งสิ้น อายุแต่ละคนห่างกันมาก เจ้าอาวาสวัดอายุประมาณ 36 พระภิกษุคนอื่นๆ อายุ 30 - 40 แม่ชีอายุ 75 และวัยรุ่นเด็กวัดอายุ 21 ปี ทั้งหมดอาศัยอยู่ในวัด และแต่ละคนมีทรัพย์สินไม่มากมาย