“พระเกศา-พระโลหิต” สมเด็จพระสังฆราชฯ แปรสภาพกลายเป็นพระธาตุ ! ลักษณะคล้ายแก้วใสเป็นผลึก!!
วานนี้ (10ธ.ค.56) พระราชรัตนมงคล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เปิดเผยว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้สิ้นพระชนม์ครบ 50 วัน ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล ปัญญาสมวาร ถวายสมเด็จพระสังฆราชระหว่างวันที่ 11-12 ธ.ค.นี้
ขณะเดียวกัน พุทธศาสนิกชน และศิษยานุศิษย์ยังคงหลั่งไหลมาถวายสักการะพระศพกันอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญ เพิ่งได้รับทราบจากคณะศิษยานุศิษย์ว่า พระเกศา (เส้นผม) และพระโลหิต (เลือด) ที่ได้รับประทานจากสมเด็จพระสังฆราชในโอกาสเจริญพระชนมายุ 100 พรรษา ได้แปรสภาพเปลี่ยนเป็นพระธาตุแล้ว ซึ่งสร้างความปีติแก่คณะศิษยานุศิษย์เป็นอย่างมาก
พระราชรัตนมงคล กล่าวต่อว่า สาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้พระเกศาและพระโลหิต แปรสภาพเปลี่ยนเป็นพระธาตุ ส่วนหนึ่งมีความเชื่อว่ามาจากการปฏิบัติด้านสมาธิกรรมฐานซึ่งสมเด็จพระสังฆราช ทรงสนพระทัยในการฝึกปฏิบัติกรรมฐานตั้งแต่ยังทรงเป็นพระเปรียญ โดยการปฏิบัติกรรมฐานเป็นคตินิยมในพระสงฆ์คณะธรรมยุตที่สืบเนื่องกันมาตั้งแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเน้นให้พระสงฆ์สามเณรพึงปฏิบัติ 2 อย่างให้เคร่งครัด คือ คันถธุระ ได้แก่ การศึกษาพระคัมภีร์ เพื่อให้มีความรู้ด้านพระธรรมวินัย และวิปัสสนาธุระ คือ การอบรมจิตใจตามหลักสมถะและวิปัสสนาเพื่อให้รู้แจ้งในธรรมและกำจัดกิเลสออกจากจิตใจ จนสามารถบรรลุธรรมได้ในที่สุด
สำหรับสมเด็จพระสังฆราช เคยฝึกปฏิบัติกรรมฐานกับพระอาจารย์สำคัญหลายรูปอาทิ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต นอกจากนี้สมเด็จพระสังฆราชทรงรับภาระสอนกรรมฐานที่วัดบวรนิเวศวิหาร มาตั้งแต่ พ.ศ. 2504 ซึ่งพระองค์ เป็นที่ยอมรับของหมู่พระนักปฏิบัติ หรือที่คนทั่วไปนิยมเรียกว่าพระกรรมฐาน พระองค์หนึ่ง และยังมีพระนิพนธ์เกี่ยวกับ เรื่องกรรมฐานและเรื่องของจิตมากมาย โดยเฉพาะเล่มที่ประชาชนให้ความสนใจมากที่สุด คือ “จิตตนครนครหลวงของโลก” ด้วย