หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ตำนาน "เจ้าพ่อภาคตะวันออก"

โพสท์โดย LOVE MAX SHE

สมัยก่อนถ้าเอ่ยถึง จังหวัด ชลบุรี สิ่งที่คนจะนึกถึงไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวชายทะเลเหมือนดังตอนนี้ แต่ทุกคนจะนึกถึงความน่ากลัว
เมืองที่มีข่าว ฆ่ากันยิงกันรายวัน เมืองที่ผู้มีอิทธิพล มือปืน แย่งกันเข้ามาเป็นใหญ่เพื่อผลประโยชน์ที่ล่อตาล่อใจ จุดกำเนิดเริ่มต้นของเรื่อง เดวผมจะเล่าให้ฟัง

“ ภาคตะวันออก ” ของประเทศไทย อาณาจักรซุ้มมือปืน ดูจะเป็นดินแดนที่กล่าวขานว่า เป็นพื้นที่ “หยดเลือดและคราบน้ำตาไม่เคยเหือดแห้ง” ผู้มีอิทธิพลคนแล้วคนเล่า เข้ามาแผ่ขยายอำนาจของตัวเอง สถาปนาความยิ่งใหญ่ไม่ทันไร ก็มีอันเป็นไป “ทัวร์เมืองผี” ไม่สิ้นสุด

คำว่า “เจ้าพ่อ” จึงเคียงคู่กับความเปลี่ยนแปลงของดินแดนในแถบนี้ โดยเฉพาะ “ชลบุรี” แผ่นดินที่อุดมไปด้วยทรัพยากรอย่างมากมาย ทั้งสัตว์น้ำในทะเล ลูกรัง และแร่ธาตุบนภูเขา ชาดหาดที่สวยงาม แหล่งผลประโยชน์มหาศาล ที่สำคัญอาชีพที่สร้างความร่ำรวยจนกลายเป็นผุ้มีอิทธิพลในรอบ 40 ปีที่ผ่านมา คือการขนของเถื่อน ของหนีภาษี และกิจการผิดกฎหมายทุกรูปแบบ
โดนเฉพาะเหมือน “ แร่พลวง ” มูลค่าอเนกอนันต์ ซึ่งพบมากที่สุดใน ตำบลบ่อทอง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี (ปัจจุบันเป็นอ.บ่อทอง) จนเกิดการแย่งชิงผลประโยชน์กันขึ้น ถึงขนาดรบราฆ่าฟันกันตายนับไม่ถ้วน จนกลายเป็น ตำนานเลือด ที่เล่าขานกันอื้ออึง
ขบวนการสังหารโหด "สุชาต สุขพันธ์ถาวร หรือ "กำนันย้ง" แห่งต.บ่อทอง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
ผู้กว้างขวางในย่านตะวันออกอีกคนหนึ่ง
ซึ่งถูกดักสังหารด้วยอาวุธปืนเอ็ม-16 อย่างอนาถ
ถือเป็นการล้างบัญชีหักหน้าเจ้าพ่อตัวจริงอย่าง "กำนันเป๊าะ" ชนิดปฏิเสธไม่ได้

ขบวนสังหาร ถูกตั้งไว้หลายประเด็น
เจ้าหน้าที่ระบุว่า การเสียชีวิตของ "นายสุรพล พรวัฒนา" เมื่อ ปี 2534
มีการกล่าวหาว่า "กำนันย้ง" มีส่วนพัวพันกับการสังหารโหดดังกล่าว
เพราะก่อนหน้านั้นทั้งสองเคยมีเรื่องขัดแย้งถึงขั้นยกลูกน้องถล่มกันมาแล้ว
เพราะขัดผลประโยชน์มหาศาลในสัมปทานแร่พลวง ที่ อ.บ่อทอง!!!!!!

"กำนันย้ง" เคยมีเรื่องบาดหมางขัดผลประโยชน์การทำเหมืองแร่พลวงกับ นายเฉลิมชัย เจริญสุข หรือ ฆผู้ใหญ่เอี๊ยก" และนายหลี ประสมทรัพย์ หรือ "กำนันหลี" ในอดีตหลายสิบปีที่ผ่าน

จะเห็นได้ว่า มูลเหตุการปิดบัญชี "กำนันย้ง" ทั้งหมดเที่ยวพันเรื่องผลประโยชน์ในเหมืองแร่พลวงแทบทั้งสิ้น !

บ่อทอง....บ่อเลือด จึงเป็นชนวนก่อเหตุ "สังหารโหด" คนดังมานับไม่ถ้วน
ใครที่มีความสัมพันธ์กับภาคตะวันออก
ต้องเคยได้ยินชื่อ ตัวละครในเรื่องราวนี้
ในนามของ "เจ้าพ่อ" ของภูมิภาคนี้
และจะรู้ว่า คนเหล่านี้ ยิ่งใหญ่ (อำนาจเถื่อน)
ไปไหนต้องมีมือปืน ล้อมหน้าล้อมหลัง
.มือปืน
ชีวิตใหม่บนเขตงานใหม่ ไม่ได้ทำให้ผมและพรรคพวกมีความสุขสนุกใจเหมือนเมื่อครั้งอยู่เขต 11 ความยากลำบากของเขตงานนี้ เทียบไม่ได้เลยกับเขตเก่าที่เคยอยู่มา ที่ดูเหมือนว่าจะมีความยากลำบากกว่า ก็จะไปอยู่ที่สภาพของป่าซึ่งค่อนข้างจะแตกต่างกับทางภาคอีสานโดยสิ้นเชิง

ป่าแถบนี้ตลอดทั้งผืนเป็นป่าโปร่ง ยิ่งในช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ ใบไม้ทั่วทั้งป่าก็พากันเดินพาเหรดสลัดใบร่วงหล่นเป็นทิวแถว จนยากที่จะหาร่มเงาหลบแดดนอนผูกเปลเล่นในเวลากลางวัน

ช่วงฤดูนี้นอกจากอากาศจะแห้งแล้งด้วยแล้ว แสงแดดก็ยังกลายเป็นศัตรูตัวสำคัญอีกตัวหนึ่ง โดนเฉพาะความร้อนที่แผดเผาลงมายังราวป่า ดูเหมือนว่าจะแสบร้อนเป็นพิเศษกว่าช่วงฤดูอื่น ห้วย หนอง คลอง บึง ก็พากันตื้นเขินแห้งขอด ชีวิตคนอยู่ป่าที่ฝากชีวิตส่วนหนึ่งไว้กับน้ำ จึงยากลำบากกว่าฤดูอื่นๆ

หน่วยงานมวลชนบางหน่วย ที่ชอบเอาข้าวของเครื่องใช้ไปซุกซ่อนไว้ตามสุมทุมพุ่มไม้ ที่เผลอแผลบเดียวเจ้าพุ่มไม้ที่ว่านั้นก็พากันผลัดใบร่วงโกร๋น จนมองเห็นสิ่งที่ซุกซ่อนไว้มาแต่ไกล บางคนพาลหาไม่เจอเลยก็มี เพราะภูมิประเทศเปลี่ยนแปลงไปจนจำอะไรไม่ได้

ครึ่งปีกว่ามาแล้ว ที่อดีตกองทหารเดนตายจากเขต11 เวียนเฝ้ากุมสภาพเหมืองศรีกมล ตามเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะต้องเผด็จศึกเหมืองนี้ให้ได้ จากการสืบสภาพของเหมืองนี้พบว่า เจ้าของเหมืองเป็นนายทหารสังกัดกองทัพอากาศ ที่ดอนเมือง กรุงเทพ มีหุ้นส่วนคนสำคัญเป็นนายตำรวจใหญ่ ในกรมตำรวจ มีลูกสาวชื่อ"ก้อย" กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วนลูกชายนั้นชื่อ"ศักดา" ซึ่งผู้เป็นพ่อส่งมาเป็นตัวแทน ให้มาควบคุมดูแลผลประโยชน์จากการขุดแร่อยู่ที่เหมืองนี้

ตัวประกอบสำคัญอีกกลุ่มหนึ่งคือพวกเจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งจะถูกส่งมาอยู่ประจำสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันที่เหมืองนี้ ชุดละหนึ่งเดือน แต่ที่ดูเหมือนจะเป็นขาใหญ่ เข้านอกออกในกับเหมืองนี้ได้เป็นอย่างดี และมักจะไม่ได้สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปไหนเหมือนกับคนอื่นๆ พวกมือปืนที่เหมืองนี้เรียกเขาว่า"พี่หมู"

เจ้าคนที่ชื่อ"หมู"นี้ รู้เห็นเป็นใจกับพวกนายทุน เหมืองศรีกมล ในการขุดแร่นอกเขตสัมปทาน เอาเข้ามาในเหมืองสัมปทาน โดยได้รับการแบ่งปันผลประโยชน์คิดเป็นกิโลต่อเที่ยว เช่น ได้รับส่วนแบ่งกิโลละ 1 บาท ถ้าวันไหนมีแร่วิ่งออกไปส่ง 10 ตัน ก็หมายความว่า วันนั้นเจ้าคนที่ชื่อ"หมู"จะมีรายได้ทันที 1 หมื่นบาท

พี่หมูของพวกน้องๆมือปืน จึงมีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากเจ้าของเหมือง เพียงแต่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่เท่านั้น ก็จะได้เงินใช้อย่างสบายๆมือ เส้นทางที่รถบรรทุกแร่จากเหมืองศรีกมล ใช้วิ่งเข้าตัวจังหวัดชลบุรีนั้น ใช้เส้นทางผ่านออกไปทางอำเภอบ่อทอง โดยทุกๆเที่ยวนั้น จะมีมือปืนคุ้มกันอย่างแน่นหนา จนกว่าจะออกพ้นมาจากป่าชายดง

คนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีบทบาทและเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดของเหมืองนี้คือ กลุ่มมือปืน และ เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ
ต้องขออนุญาตขยายความให้ผู้อ่านเข้าใจดังต่อไปนี้………….

กลุ่มในเครื่องแบบ มีอยู่ราว 12 คน(หนึ่งหมู่) ทั้งหมดเป็นทหารเกณฑ์ สังกัดค่ายทหารเสือราชินี ร.21(กรมทหารราบที 21) จังหวัดชลบุรี ทำหน้าที่เป็นหน่วยซุ่มยิง จะมีหน้าที่ดูแลอยู่ตรงบริเวณก่อนถึงทางเข้าเหมือง

ภาระหน้าที่ของทหารรับจ้างกลุ่มนี้คือ ป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกจากคนแปลกหน้า ที่จะเข้ามาในเหมืองศรีกมล
ส่วนกลุ่มนอกเครื่องแบบอีกกลุ่มหนึ่งนั้นมีอยู่ราว 15 คน ทุกคนมีอาวุธทั้งปืนสั้นและปืนยาว(เอ็ม 16 ปืนลูกซอง หรือ เอชเค 33)

คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกมือปืนรับจ้าง ซึ่งล้วนแล้วแต่มีคอกสังกัดทั้งสิ้น อาทิ สังกัดเสี่ยจิว เสี่ยประโยชน์ เป็นต้น
มือปืนบางกลุ่มก็หากินกับพวกบริษัททำไม้หรือโรงเลื่อย เช่นพวกสิงห์ป่าซุง บางพวกก็เป็นมือปืนสังกัดกลุ่มอิทธิพลจากบ้านบึง พานทองและหนองกาน้ำ บางพวกก็เป็นมือปืนจากเพชรบุรีและนครศรีธรรมราช ที่พากันหลบหนีคดีมากบดานอยู่ที่นี่

พวกอาชญากรที่มาฝังตัวอยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่จะมีรายได้จากการดูแลควบคุมสินค้า(แร่)ไปส่งยังลูกค้า ไม่ให้เกิดความเสียหายระหว่างการขนส่ง แต่ที่สำคัญคือการทำหน้าที่คุ้มกันขบวนรถแร่ไม่ให้ถูกดักปล้นกลางทาง
นี่....ต่างหากคืองานสำคัญ ของคนกลุ่มนี้

จึงไม่แปลกที่เหมืองศรีกมลหรือแคมป์ศรีกมล จะมีสภาพทั่วๆไปเหมือนกับในหนังไทย ที่มีผู้ร้ายหน้าตาบอกบุญไม่รับ คาดปืนเดินส่ายอาดๆ แบบบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป เมื่อมีเรื่องผิดใจกันนิดหน่อย ก็จะชักปืนออกมาตัดสินกันง่ายๆ
แทบทุกวันจะได้ยินเสียงปืนดังไม่ขาดสาย เดี๋ยวโป้งตรงนั้น เดี๋ยวปังตรงนี้ โดยเฉพาะ"เดชา"ลูกชายนายตำรวจใหญ่ ที่ถูกส่งตัวมาอยู่ประจำที่เหมืองนี้ ค่อนข้างจะกร่างสุดแสบสันต์ พอๆกับลูกนักการเมืองบางคน ย่านบางขุนเทียน

ที่ว่ากร่างสุดๆก็เพราะที่เอวเจ้าคนที่ชื่อ"เดชา"นั้น มันอุตริคาดปืนลูกโม่ถึงสองกระบอก ดูไปเหมือนกับผู้ร้ายในหนังคาวบอยตะวันตก หลุดโลกย้อนยุคออกมาจากจอทีวีไม่ผิดเพี้ยน ยิ่งมีลูกน้องเป็นมือปืนเคียงข้างรอบกาย ประกอบกับมีพ่อเป็นนายตำรวจใหญ่ที่กรุงเทพฯ อะไรจะมาใหญ่เท่าหมอนี่ ไม่มีอีกแล้วในเหมืองศรีกมล

ที่เหมืองแห่งนี้ มีรถตักดินแม็คโครประจำอยู่ 3 คัน กับคนงานประจำทั้งหญิงชายรวมกันทั้งสิ้นราว 70 คน พื้นที่บางส่วนถูกจัดให้เป็นสนามตระกร้อ สำหรับเตะออกกำลังกายในยามเย็น สำหรับคนงานเหมือง

"เราจะเรียกค่าคุ้มครอง กับเหมืองนี้ดีไหม"
สหายศรเพชร อดีตทหารพิทักษ์ฝ่ายนำเขต 11 ออกความเห็นในเย็นวันหนึ่ง ก่อนที่จะอัดยาเส้นกอกเท่านิ้วหัวแม่โป้งควันโขมง เข้าปอดอึกใหญ่
"มันจะไม่ผิดแนวทางนโยบายของพรรคฯหรือ?"
สหายสมชาย แย้ง
"บ่ ผก บ่ ผิด อิหยังดอก"
สหายชม ซึ่งนั่งอยู่บนเปลอีกฝั่งหนึ่ง ตะโกนสวนกลับทันควัน
"พวกมันขุดเอาแร่ของแผ่นดินเราไป ทั้งๆที่พวกมันไม่ได้เป็นเจ้าของคนเดียว ประชาชนต่างหากเป็นเจ้าของตัวจริง เราทำงานปฏิวัติรับใช้คนยากคนจนทั่วทั้งแผ่นดิน ขอแบ่งเศษเงินพวกมัน เพื่อมาซื้อข้าวปลาอาหารและยารักษาโรค ทำงานปฏิวัติ ไม่น่าจะผิดอะไร"

"เรามาอยู่ทางนี้ถูกตัดขาดจากฝ่ายนำโดยสิ้นเชิง ต้องพึ่งตัวเอง เขตงานก็ใหม่ ผู้ปฏิบัติงานก็ใหม่ มวลชนพื้นฐานก็ยังไม่มีสักคน ไม่ทำอย่างนี้จะเอาอะไรมาอยู่มากินกัน อีกอย่างหนึ่งก็เพื่อที่จะได้พิสูจน์ด้วยว่าแนวทางใหม่ของอีสานใต้จะเป็นจริงได้หรือไม่"

ผมในฐานะผู้รับผิดชอบงานทหารของเขต ออกความเห็นเพิ่มเติมไปในทางสนับสนุนแนวความคิดของสหายศรเพชร พร้อมกับหันไปหาสหายฝน ผู้รับผิดชอบฝ่ายการเมืองของเขต เชิงขอความเห็น
"คุณจะว่าอย่างไร?"
"ไม่มีปัญหา ผมเอาด้วย...เยี่ยมๆ"
สหายฝน พูดพลางยกนิ้วหัวแม่โป้ง ชูเด่นหรา

เมื่อไม่มีใครคนใดมีความเห็นออกไปในทางอื่น ที่ประชุมจึงมีความเห็นร่วมกันว่าจะต้องเรียกร้องขอค่าคุ้มครองจากเจ้าของเหมืองนี้ ให้เร็วที่สุด
"ดีเดย์ วันจันทร์หน้า ผมจะเป็นคนบุกเข้าไปเจรจากับพวกมันเอง"
ผม สรุปเสียงดังฟังชัด.
ลุงพาสิต อยู่ร่วมให้เหตุการณ์คนหนึ่งจริง ๆ
สมัยก่อนนั้น คนทำไร่ในแถบนั้น เจ้าของไร่ต้องยิงปืนเป็น
และเวลาคุมคนงาน ต้องใช้ปืนคุมจริง ๆ
รู้มาจากคนข้างบ้าน ที่เขาเรียกกันว่า "หลงจู๊"

มาอ่านกันต่อจากตอนที่แล้ว

ย้อนอดีตเมื่อครั้ง "เสี่ยจิว" นายจุมพล สุขภารังสี ผู้ยิ่งใหญ่แห่งภาคตะวันออกยังเรืองอำนาจ สร้างบารมีขึ้นมาจนชาวชลบุรียกให้เป็น "เจ้าพ่อหมายเลข 1" จากเด็กถือกระเป๋าให้นายธรรมนุญ เทียนเงิน อดีตนักเลงเก้ายอด สส.กรุงเทพฯ และผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพฯ

"เสี่ยจิว" ผงาดยิ่งใหญ่ เมื่อนายเกียง จึงประเสริฐ หรือ "หลงจู๊เกียง" เจ้าพ่อเมืองชลบุรีผุ้มีความสนิทสนมกับจอมพลประภาส จารุเสถียร ในสมัยนั้นเสียชีวิตลง และสร้างฐานะด้วยการทำธุรกิจทั้งถูกและผิดกฏหมายจนร่ำรวย เดินทางไปไหนมาไหนมีสมุนบริวารติดตามคุ้มกันนับ 10 คน

ที่ใดมีผลประโยชน์ ไส่ยจิว" มักจะเสนอตัวเข้ามามีเอี่ยวหรือกุมผลประโยชน์ด้วยเสมอ แต่ถ้าหากเกิดความขัดแย้งขึ้น เหตุการณ์นองเลือดก็จะตามมาเสมอ

"เหมืองแร่พลวง" ที่บ่อทองสมัยนั้นยังขึ้นอยู่กับ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ถูกค้นพบเมื่อประมาณปี 2503-2504 ขณะที่นายประโยชน์ เนื่องจำนงค์ สส.ชลบุรียุคนั้น เข้าไปทำไม้บริเวณดังกล่าว และพบแหล่งแร่พลวงมูลค่ามหาศาล

เมื่อข่าวแพร่ออกไป ประชาชนแห่มาขุดแร่กันเป็นจำนวนมาก จนมีบริษัทเอกชน เข้ามาขอรับทำสัมปทานจากกรมทรัพยากรธรณีถึง 28 บริษัท แต่ชาวบ้านไม่ยอมและรวมตัวกันก่อตั้ง บริษัทสหบ่อทองพัฒนาขึ้น เพื่อรับซื้อแร่จากชาวบ้านและนำออกจำหน่าย โดยมีคณะกรรมการบริหารของบริษัทที่ถูกตั้งขึ้นมาควบคุมดูแลกิจการ

ต่อมาคณะกรรมการบริษัท เกิดขัดแย้งกันอย่างรุนแรง โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งกลุ่มแรกนำโดย นายสุชาติ สุขพันธ์ถาวร หรือ "ผู้ใหญ่ย้ง" อีกกลุ่มหนึ่ง นำโดย นายเฉลิมชัย เจริญสุข หรือ "ผู้ใหญ่เอี๊ยก"

เมื่อความขัดแย้งรุนแรงเข้มข้น "เสี่ยจิว" ที่จ้องรอโอกาส สอดตัวเข้ามาหาผลประโยชน์จากแหล่งแร่ทันที โดยร่วมมือตักตวงจากแร่พลวงมหาศาล ซึ่งร่วมมือกับผู้ใหญ่ย้ง
ความแตกหักก็มาถึง เมื่อนายเชาว์ บุญรอด กรรมการบริษัทสหบ่อทองพัฒนา น้องเมียผู้ใหญ่เอี๊ยก ถูกยิงเสียชีวิตหน้าบริษัท ตามมาด้วยการสังหารโหด นายประสิทธิ์ กาญจนบัตร กรรมการบริษัทคนสนิทผู้ใหญ่เอี๊ยกอีกราย

"ผู้ใหญ่ย้ง" ถูกมือปืนบุกยิงได้รับบาดเจ็บในอีกไม่กี่วันต่อมา และเชื่อว่าเป็นปมขัดแย้งในการแย่งรับซื้อแร่ ประจวบกับช่วงนัน "ผู้ใหญ่เอี๊ยก" กับ "ผู้ใหญ่ย้ง" ปีนเกลียวทับเงาซึ่งกันและกัน ในเรื่องจะลงสมัครรับเลือกตั้งกำนันตำบลบ่อทอง

จากนั้น "ผู้ใหญ่เอี๊ยก" ถูกกราดยิงด้วยเอ็ม-16 จนกลายเป็นอัมพาต หนึ่งในมือปืนที่ลอบสังหารคือนายวินัย สุขแสวง มือปืนประจำตัวนายปาน สุขภารังสี ลูกชายคนเล็กของ "เสี่ยจิว"

ชื่อของ ไส่ยจิว" จึงเข้ามาเกี่ยวพันกับความขัดแย้ง ในฐานะ "คนบงการ"

ธุรกิจการขนถ่ายแร่พลวงไปต่างประเทศของ "เสี่ยจิว" รุ่งโรจน์ ทำกำไรอย่างงาม เพราะมีเรื่องส่วนตัวนำไปขายยังประเทศสิงคโปร์ "คนมีสี" ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเสี่ยจิว และผู้ใหญ่ย้งเห็นผลประโยชน์มหาศาลจึงเกิดความไม่พอใจ จึงขอเข้ามามีเอี่ยว แต่เสี่ยจิวปฏิเสธ กลิ่นอายมหากาฬจึงเริ่มคุกรุ่นรุนแรงขึ้น

"เสี่ยจิว" เริ่มรู้ถึงชะตากรรมของตนเองว่าจะถูกเก็บในไม่ช้า เริ่มสะสมมือปืนแ ละระวังตัวมากขึ้น !
แต่เช้าตรุ่วันที่ 25 มิถุนายน 2524 "เสี่ยจิว" เจ้าพ่อตะวันออก ก็เหลือเพียงชื่อและตำนาน !
เหมืองพลวงที่ว่านี้คือเมืองพลวงที่ผมระบุในหนังสือชื่อว่าเหมืองศรีกมล ช่วงที่ทหารปลดแอกควบคุมบริเวณแถบนั้นผู้ยิ่งใหญ่ที่สหายดวงกล่าวมาทั้งหมด ยังไม่มีใครกล้าสยายปีกลงมา แต่หลังจากที่พวกเราออกมาจากป่าบริเวณนั้นหลังการประชุมสมัชชา4 พวกเจ้าพ่อเหล่านั้นจึงเข้าไปแทนที่พวกเราแทน ช่วงปลายๆตอนที่พวกเรายังอยู่ผมได้มีโอกาสพบพวกกำนันย้ง พวกมือปืนของเสี่ยจิว มือปืนของเสี่ยประโยชน์ เนื่องจำนง(ผู้ที่มีบ้านไม้แผ่นใหญ่มากๆ) พวกมือปืนเหล่านี้ในช่วงนั้นมีเสี่ยคนหนึ่งผมจำชื่อไม่ได้แล้วอยู่แถวๆบ้านบึงคอยควบคุมดูแลพวกมือปืน บริเวณจุดที่พวกมือปืนไปซ่องสุมมากที่สุดคือหนองกาน้ำ มือปืนพวกนี้ประสานกันกับพวกอิทธิพลมาเฟียหน้ารามคำแหง พวกนี้พอรู้ว่าผมกับสหายฝนเป็นเด็กรามจึงค่อนข้างเกรงใจ แต่ดูจริงแล้วๆผมว่าพวกมันเกรงใจอาร์พีจี เอ็ม 79 และอาก้ามากกว่า

ผมกับสหายฝนเคยบุกเข้าไปในรังของแดง สิงห์ป่าซุง ที่มันแอบมากบดานอยู่ที่โรงเลื่อย รู้ไหมพอผมเปิดประตูรั้วสังกะสีออกเท่านั้นกระบอกดำมะเมี่ยมร่วมสิบกระบอกโผล่ออกมาพร้อมกัน เดชะบุญมันเห็นชุดทหารป่าของผมและสหายพลัง ปืนมันเลยค่อยๆลดลง โดยมีนักเลงใหญ่คนหนึ่งที่พวกมันเรียกว่าอาจารย์คอยเป็นพี่เลี้ยงพูดคุยกับพวกผม

จะเล่าบรรยากาศในอำเภอบ่อทองช่วงที่พวกเราเคลื่อนไหวอยู่แถบนั้น จุดที่พวกเราต้องเดินผ่านเขาเรียกว่าเขาใหญ่ และจะมีทางทอดตัวยาวเข้าสู่อำเภอบ่อทอง มีบางจุดเรียกว่าหลุมมะนาว(จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ตรงไหนรู้แต่ว่าอยู่แถบๆนั้น) ถ้าเคยดูหนังคาวบอยยุคตื่นทองแล้วนำมาเปรียบเทียบกับอำเภอบ่อทองแทบจะคล้ายคลึงกัน ตลาดสดกลางอำเภอไม่ใหญ่มากนัก แต่เป็นจุดสำคัญเพราะจะมีพวกมือปืนที่ออกมาจากเหมืองเดินกันเป็นกลุ่มมาหาซื้อสะเบียงอาหาร พวกทหารป่าก็จะออกมาเดินหาซื้อสะเบียงอาหารเช่นกัน พวกมือปืนกับพวกทหารป่าจะรู้จักกันเพราะเห็นกันบ่อย ส่วนพวกตำรวจที่บ่อทองมันก็รู้ว่าใครเป็นมือปืน ใครเป็นพวกป่า แต่มันไม่อยากยุ่งด้วย มันบอกว่าต่างคนต่างอยู่ไม่เกี่ยวกัน ไอ้พวกตำรวจที่บ่อทองนี้มันกวนชะมัดชอบพกปืนสองกระบอกเหมือนในหนังคาวบอย ถ้ามันเห็นพวกเรามามันก็จะจับกลุ่มยืนดูอยู่บนโรงพักไม่ลงมาเดินเกร่เพราะกลัวจะมีเรื่อง ส่วนที่ข้างๆตลาดก็จะมีพวกบ่อนไฮโลเล็กและร้านเหล้าโรงขาย ตำรวจที่นี่กับโจรหรือพวกมือปืนต่างกันแค่เครื่องแบบเท่านั้น นิสัยใจคอเหมือนกันเปี๊ยบเลย และที่สำคัญบริเวณตลาดและโรงพักอยู่ติดๆกันและมักจะมีเรื่องยิงกันแทบทุกวัน ข่าวเรื่องคนถูกยิงตายเป็นเรื่องปกติของคนแถวนี้

อีกเรื่องหนึ่งคือจุดที่เสี่ยจิวถูกยิงตายนั้นเป็นถนนที่เปลี่ยวและเข้าออกได้ทางเดียว สองข้างทางอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอ้อย ถนนเส้นนี้พวกมือปืนและทหารป่าไม่ใช้เดินทางเพราะเปลี่ยวและเข้าออกได้ทางเดียว จึงไม่เหมาะต่อการเคลื่อนไหวไปมา ถนนเส้นนี้เป็นจุดเคลื่อนไหวจรยุทธของเขตงาน 404 ที่ผมรับผิดชอบอยู่ในสมัยนั้น คนมีสีที่สังหารเสี่ยจิวไม่ใช่สีกากีน่ะครับ แต่เป็นสีเขียวขี้ม้า
ชอบคุณลุงภาษิต ที่มาช่วยเพิ่มเติมให้
ช่วยให้ประวัติศาสตร์ของอำเภอบ่อทอง อำเภอบ้านบึง และอำเภอพนัสนิคมชัดเจนขึ้น

เมื่อ "เสี่ยจิว" ถูกลบไปจากบัญชีเจ้าพ่อ ชื่อของ "นายสมชาย คุณปลื้ม" หรือ "กำนันเป๊าะ" ก็ฉายประกายโดดเด่น จนถูกยกให้เป็นเจ้าพ่อภาคตะวันออกคนใหม่ พร้อมผลักดัน นายสุชาติ สุขพันธ์ถาวร ก้าวชึ้นสู่ตำแหน่ง "กำนันตำบลบ่อทอง" อย่างเต็มตัว เพื่อควบคุมพื้นที่บ่อทอง ทำธุรกิจเหมืองแร่พลวง จนเรื่องราวเงียบสงบลงชั่วคราว

เหตุการณ์นองเลือดยังไม่หยุด เมื่อนาย "พิพัฒน์ โรจน์วานิชชากร" หรือ "เสี่ยฮวด" คนดังบ้านบึง พยายามก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในดินแดนตะวันออก ถูกคนร้ายถล่มด้วยอาก้าและเอ็ม-16 ร่างพรุนตายบนถนนสายเศรษฐกิจ บ้านบึง-ชลบุรี เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2532

สืบสาวราวเรื่องปรากกว่า "นายปรีชา สถาวร" หรือ "แดง สิงห์ป่าซุง" เป็นผู้ลงมือสังหารโหด แต่ด้วยพยานหลักฐานอ่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้ประกันตัวออกไป

ทำให้ "แดง สิงห์ป่าซุง" ต้องกลายเป็นศพ เมื่อ 1 พฤษภาคม 2533 !!!
ต่อมาเป็นคิวของ "นายสุชัย ธนาวรรณ" หรือ "ชัยขาว" นายกเทศมนตรีอำเภอบ้านบึง จ.ชลบุรี ถูกสั่งปิดบัญชีเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2535

หลังจากนั้น เหตุการณ์สงบเงียบเมื่อ "กำนันเป๊าะ"ขึ้นครองบัลลังก์อย่างองอาจ แผ่นดินตะวันออกดูเหมือนจะหมดเสี้ยนหนาม

แต่เหตุการณืไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อ มือขวาของ "กำนันเป๊าะ" "นายกำพล คุปตวานิชเจริญ" หรือ "เสี่ยเก๊า" คนดังพัทยา ถูกคนร้ายใช้อาวุทันสมัยกระหน่ำยิงจนเสียชีวิตในร้านกาแฟเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2536

จากนั้น "กำนันเป๊าะ" ได้สูญเสียคนสนิทไปคนแล้วคนเล่า กระทั่งถึงคิว "กำนันย้ง"

กล่าวกันว่าที่ใดมีผลประโยชน์ ที่นั่นย่อมมีความขัดแย้ง ที่ใดมีความขัดแย้ง ที่นั่นย่อมไร้สามัคคี...ที่ใดไร้สามัคคี ความพินาศย่อยยับ ก็ตามมาในที่สุด

"กำนันเป๊าะ" หรือ "สมชาย คุณปลื้ม" ครองตำแหน่งอย่างยาวนาน ดดยใช้พระเดชพระคุณเป็นตัวนำร่อง ท่ามกลางบริวารและบารมีที่นับวันเพิ่มพูนมาก จนยากที่ฝ่ายใดมาต่อกร

ที่ใดมีผลประโยชน์และเงินครา ที่นั่นย่อมมีมัจจุราชเสมอ เหลือไว้แต่กลิ่นคาวเลือดและควันปืน สุดท้ายตายไปก้อเอาไปไม่ได้สักแดงเดียว อนิจาหนอชีวิตคน

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
LOVE MAX SHE's profile


โพสท์โดย: LOVE MAX SHE
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
40 VOTES (4.4/5 จาก 9 คน)
VOTED: Thorsten, แม่ทัพน้อยฮั่วชวี่ปิ้ง, aRnoNAe
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เพจดังแฉหัวหน้าแก๊งค์ “น้ำไม่อาบ” ไม่ทน ออกแถลงการณ์ลั่นปิดท้าย “ผมด่ากลับ แล้วรับให้ได้จำได้ไหม? "พุฒ เดชอุดม" จากยูทูบเบอร์เสียงเพี้ยน สู่สาวสวยสุดlซ็กซี่ปิดตำนานไร่ชื่อดังที่วังน้ำเขียว ลานกางเต็นท์ยอดนิยมได้ประกาศหยุดดำเนินการแล้ว
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เปิดวาร์ป "นางฟ้าลอตเตอรี่"! สวยจนโซเชียลสงสัย อาชีพจริงหรือแค่คอนเทนต์?Kawaguchi Ayaka นักแสดง A.V วัย 25 ปี จะ "แต่งงาน" ในเดือนธันวาคมนี้ที่ฮ่องกง
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
เปิดตำนาน "ยุทธหัตถี" วีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเปิดตำนาน "กวนอู" เทพเจ้าแห่งสงคราม ผู้ซื่อสัตย์และเกรียงไกรใครคือยอดนักรบที่เก่งที่สุดในสามก๊ก?โรงแรมร้อยศพ: เรื่องหลอนที่ไม่ควรพลาด
ตั้งกระทู้ใหม่