วินาทีระทึก!!! 6 วัยรุ่นรุมฆ่าโหดหน้าผับเมืองการณ์ ล่าสุด เจ้าหน้าที่จับตัวได้แล้ว 2 ราย
จากการที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ ส.อ.นนทกฤต น้ำแก้ว ได้นำคลิปวีดีโอสุดระทึกจากกล้องวงจรปิด มาเผยแพร่สู้โลกโซเชี่ยล โดยในคลิปจะมีวัยรุ่นชายจำนวน 6 คน เข้ารุ่มทำร้ายชายผู้เคราะห์ร้าย จึงเป็นเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด ทำให้มีชาวเน็ตร่วมแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นการสาปแช่งการกระทำที่เหี้ยมโหดของกลุ่มวัยรุ่นในครั้งนี้
เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อคือ นายพีระพงษ์ หรือนิก เรืองจันทร์ อายุ 22 ปี ส่วนผู้เคราะห์ร้ายที่โดนกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกายด้วยการรุมเตะต่อย ใช้ก้อนอิฐทุ่มทุบใบหน้าและศรีษะ รวมทั้งใช้ท่อนไม้ตีเข้าที่ใบหน้าอย่างรุนแรงและนอนแน่นิ่งเสียชีวิตคาที่ คือ นายกฤษฎา หรือเอิร์ด อ่อนน้อม อายุ 19 ปี
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับตัวคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ได้แล้ว 2 ราย คือ นายติณห์ หรือเว เทวกุล อายุ 21 ปี และ นายไพศาล หรือโอ๊ต จันทร์เมธากุลวัฒน์ อายุ 20 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ เพื่อติดตามจับกุมผู้ร่วมกระทำผิด
อย่างไรก็ตาม คนร้ายอีก 4 รายที่ยังหลบหนีอยู่ ศาลจังหวัดกาญจนบุรีได้อนุมัติหมายจับแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา คือ 1.พงศ์วิทย์ เทพกาวีระ อายุ 22 ปี 2.นายนิตินัย หรือมอส วัชรานุทัศน์ อายุ 25 ปี ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 ราย ไม่ทรายชื่อ แต่ภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพใบหน้าได้อย่างชัดเจน เจ้าหน้าที่รู้ตัวหมดแล้ว และอยู่ระหว่างการติดตามจับกุม
“ฝากไปถึงผู้ปกครองของผู้ต้องหาทั้ง 4 รายว่า หากทราบว่าบุตรหลานคือผู้ร่วมก่อเหตุ ขอให้รีบนำบุตรหลานเข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็ว เพราะโทษหนักจะได้เป็นเบา และหากมีการต่อสู้หรือขัดขืน การจับกุมของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่อาจจะมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เพราะ 1 ในคนร้ายมีอาวุธปืนอยู่ด้วย”
ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม สารภาพว่า ไม่เคยรู้จักกับผู้ตายมาก่อน ก่อนเกิดเหตุ มีเพื่อนเข้าไปถามผู้ตายว่า ใช่เด็กเตาปูนที่เคยมีเรื่องกันมาก่อนหรือไม่ ซึ่งผู้ตายก็ตอบว่า ไม่ใช่ ตนเป็นเด็กตำบลท่ามะขาม แต่เพื่อนไม่ยอมเชื่อ จึงลงมือชกต่อย เมื่อพวกตนเห็นจึงเข้าไปรุมทำร้าย ด้วยการเตะและต่อย พร้อมทั้งใช้ปูนปั้นรูปตุ๊กตา และไม้เบสบอลทุบตีเข้าที่ใบหน้าและศีรษะอย่างที่เห็นจากในคลิป ส่วนเพื่อนที่ยังหลบหนีอีก 2 คน ชื่อนายต้น ที่พกอาวุธปืน และชื่อนาย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามคนร้ายที่เหลือมาดำเนินคดีต่อไป