1ธ.ค. วันเอดส์โลก เพื่อรณรงค์ยับยั้งการแพร่ระบาด
WHO กำหนดให้1ธ.ค.ของทุกปีเป็นวันเอดส์โลก เพื่อรณรงค์ยับยั้งการแพร่ระบาดและการเข้าใจโรคเอดส์
วันนี้(1 ธ.ค.58) องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้วันที่ 1 ธ.ค.ของทุกปีเป็น วันเอดส์โลก (World AIDS Day) เพื่อรณรงค์ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ (AIDS) ซึ่งเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ฮิวแมนอิมมิวโนเดฟีเซียนซีไวรัส (Human Immunodeficiency Virus) หรือที่เรียกว่า เชื้อเอชไอวี (HIV) เมื่อได้รับการติดเชื้อเข้าไปแล้ว ตัว HIV จะเข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยจะไปทำลายตัวเม็ดเลือดขาวที่ชื่อว่าเม็ดเลือดขาว CD4 เป็นเม็ดเลือดที่ป้องกันให้ร่างกายไม่ติดเชื้อ โรคแทรกซ้อนต่างๆเปรียบเสมือนทหารที่ป้องกันร่างกายเราจากโรคต่างๆ ซึ่งเมื่อไม่มีทหารภูมิคุ้มกันร่างกายก็จะลดลงก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อแทรกซ้อน
โดยการติดต่อหลักๆก็คือการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้รับการป้องกันอย่างวิธี เช่น ไม่ได้ใส่ถุงยาง หรือ การติดต่อจากแม่สู่ลูก และการติดต่อจากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในกลุ่มที่ใช้ยาเสพติด
ทั้งนี้ ในปัจจุบันโลกมีความก้าวหน้าทั้งในการป้องกันและรักษาเชื้อไวรัสเอชไอวี ที่อาจทำให้เป็นโรคเอดส์ มากขึ้น ภายหลังจากมีการค้นพบไวรัสตัวดังกล่าวเป็นครั้งแรกเมื่อปี2527 โดยสถิติระบุว่านับจนถึงสิ้นปี2557 ที่ผ่านมา มีประชาชน 36,900,000 คนทั่วโลกติดเชื้อไวรัสเอชไอวีในจำนวนดังกล่าวมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 15,800,000 คนทั่วโลกเข้าถึงการรักษาแล้ว ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตัวจากปี2553 หลังสหประชาชาติวางยุทธศาสตร์ 5 ปีเพื่อต่อสู้กับโรคดังกล่าว
นอกจากนี้ สถิติของโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติยังระบุด้วยว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็ลดลง 35% จากปี 2543 ซึ่งถือเป็นปีที่พบการแพร่ระบาดสูงสุด ขณะที่อัตราการเสียชีวิตจากโรคเอดส์ก็ปรับลงถึง 42% นับตั้งแต่ปี 2547
ด้านองค์การอนามัยโลกเตือนว่า ผู้ป่วยเอชไอวีทุกคนควรจะได้รับยาต้านไวรัสทันทีที่ทราบว่าตนเองติดเชื้อ เพราะยาเหล่านั้นจะช่วยทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสใช้ชีวิตได้ยาวนานยิ่งขึ้นและมีสุขภาพดี