รู้ยัง!! สร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่ทำเป็นผนังช่องคลอด
โพสท์โดย ลูกสาวอบต
การผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง สามารถแบ่งตามเทคนิคการสร้างช่องคลอดใหม่ได้ 3 วิธีดังนี้
1. เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต : SRS I
เป็นการนำเอาผิวหนังขององคชาตสอดกลับเข้าไปตกแต่งทำเป็นช่องคลอด ซึ่งเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายไม่ซับซ้อน ภาวะแทรกซ้อนต่ำ ศัลยแพทย์นิยมกันอย่างแพร่หลาย
1. เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต : SRS I
เป็นการนำเอาผิวหนังขององคชาตสอดกลับเข้าไปตกแต่งทำเป็นช่องคลอด ซึ่งเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายไม่ซับซ้อน ภาวะแทรกซ้อนต่ำ ศัลยแพทย์นิยมกันอย่างแพร่หลาย
ข้อดี คือ เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและไม่ซับซ้อน สำหรับแพทย์ผู้ที่มีความชำนาญและมี ประสบการณ์ จะใช้เวลาในการผ่าตัดแปลงเพศ โดยใช้เทคนิคนี้ ประมาณ 4 ชั่วโมง นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 4 คืน
ข้อเสีย คือไม่เหมาะกับผู้ที่มีความยาวขององคชาตสั้นกว่า 4 นิ้ว เพราะจะทำให้ได้ช่องคลอดที่ไม่ลึก (โดยปกติแล้วความลึกของช่องคลอดเท่ากับความยาวของหนังที่หุ้มองคชาต ลบ 1 นิ้ว (เผื่อผิวหนังที่จะใช้ทำแคมใน ) ระยะยาวหนังหุ้มช่องคลอดมักจะย้อยออกมา
2. เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต และจากผิวหนังจากถุงอัณฑะหรือจากที่อื่นๆมาทำเป็นผนังช่องคลอด : SRS 2
เทคนิคนี้เกิดจากการนำเอาผิวหนังจากองคชาตแล้วต่อด้วยผิวหนังจากถุงอัณฑะ มาเลาะให้มีผิวหนังบางๆ ไปทำเป็นผิวหนังหุ้มผนังช่องคลอด เพื่อเพิ่มความลึกของช่องคลอด ให้ได้ตามที่ต้องการและเพียงพอต่อการใช้งาน ถ้าต่อผิวหนังจากถุงอัณฑะแล้วยังได้ความลึกไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ผ่าตัด ศัลยแพทย์ตกแต่งอาจจะพิจารณานำผิวหนังจากที่อื่นๆ เช่น ต้นขา ขาหนีบ หน้าท้อง มาเพิ่มเป็นผนังของช่องคลอดให้ความลึกเพิ่มอีกก็ได้
ข้อดี คือ สามารถช่วยให้คนที่มีองคชาตสั้น มีโอกาสได้ช่องคลอดลึกมากกว่า 6 นิ้ว
ข้อเสีย คือ การผ่าตัดจะยุ่งยากซับซ้อน และใช้เวลาผ่าตัดมากขึ้น เทคนิคนี้แพทย์ผู้มีประสบการณ์และความชำนาญในการผ่าตัดแปลงเพศ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 6 คืน
3. เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่ทำเป็นผนังช่องคลอด
สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นหญิงสมบูรณ์แบบมากที่สุด เพราะลำไส้ใหญ่จะมีน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติ หรือ เป็นการผ่าตัดเพื่อช่วยเหลือผู้ที่เคยผ่าตัดแปลงเพศมาแล้ว ช่องคลอดตีบตัน ไม่สามารถร่วมเพศได้ โดยนำลำไส้ใหญ่บางส่วน ประมาณ 7-8 นิ้ว มาสร้างเป็นผนังช่องคลอด ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล มีเทคนิคในการนำลำไส้ใหญ่มาเป็นผนังช่อคลอด อยู่ 2 เทคนิค ข้อเสีย คือไม่เหมาะกับผู้ที่มีความยาวขององคชาตสั้นกว่า 4 นิ้ว เพราะจะทำให้ได้ช่องคลอดที่ไม่ลึก (โดยปกติแล้วความลึกของช่องคลอดเท่ากับความยาวของหนังที่หุ้มองคชาต ลบ 1 นิ้ว (เผื่อผิวหนังที่จะใช้ทำแคมใน ) ระยะยาวหนังหุ้มช่องคลอดมักจะย้อยออกมา
2. เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต และจากผิวหนังจากถุงอัณฑะหรือจากที่อื่นๆมาทำเป็นผนังช่องคลอด : SRS 2
เทคนิคนี้เกิดจากการนำเอาผิวหนังจากองคชาตแล้วต่อด้วยผิวหนังจากถุงอัณฑะ มาเลาะให้มีผิวหนังบางๆ ไปทำเป็นผิวหนังหุ้มผนังช่องคลอด เพื่อเพิ่มความลึกของช่องคลอด ให้ได้ตามที่ต้องการและเพียงพอต่อการใช้งาน ถ้าต่อผิวหนังจากถุงอัณฑะแล้วยังได้ความลึกไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ผ่าตัด ศัลยแพทย์ตกแต่งอาจจะพิจารณานำผิวหนังจากที่อื่นๆ เช่น ต้นขา ขาหนีบ หน้าท้อง มาเพิ่มเป็นผนังของช่องคลอดให้ความลึกเพิ่มอีกก็ได้
ข้อดี คือ สามารถช่วยให้คนที่มีองคชาตสั้น มีโอกาสได้ช่องคลอดลึกมากกว่า 6 นิ้ว
ข้อเสีย คือ การผ่าตัดจะยุ่งยากซับซ้อน และใช้เวลาผ่าตัดมากขึ้น เทคนิคนี้แพทย์ผู้มีประสบการณ์และความชำนาญในการผ่าตัดแปลงเพศ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 6 คืน
3. เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่ทำเป็นผนังช่องคลอด
- แบบเปิดแผลหน้าท้อง (Open Technique )
- แบบใช้กล้อง ( Laparoscopic Technique )
ข้อเสีย
1. อาจเกิดแผลเป็นยาวประมาณ 7 เซนติเมตร เหนือหัวเหน่าด้านซ้าย
2.การผ่าตัดมีความยุ่งยากซับซ้อนต้องมีการเตรียมการผ่าตัดเอาส่วนของสำไส้ ใหญ่ ออกมาโดยต้อง
มีการสวนล้างลำไส้ใหญ่ให้สะอาดก่อนผ่าตัด 1 วัน
3. ผู้ทำการผ่าตัดอาจจะมีอาการท้องอืด 2 – 3 วัน หลังการผ่าตัด
มีการสวนล้างลำไส้ใหญ่ให้สะอาดก่อนผ่าตัด 1 วัน
3. ผู้ทำการผ่าตัดอาจจะมีอาการท้องอืด 2 – 3 วัน หลังการผ่าตัด
4. การผ่าตัดโดยใช้ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอดนี้ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักมาก หรือมีหน้าท้องหนา ค่า BMI ไม่
ควรเกิน 28.5
ควรเกิน 28.5
การดูแลหลังการผ่าตัด
คนไข้จะต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล อย่างน้อย 4- 6 คืน เพื่อดูแลรักษาแผลในระหว่างที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนั้นคนไข้จะต้องปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้
1. ให้คนไข้งดรับประทานอาหารที่มีกากและเครื่องดื่มจำพวกน้ำผลไม้ นม นมเปรี้ยว โยเกิร์ต
เพราะจะเกิดการกระตุ้นทำให้เกิดการขับถ่ายในช่วง 2 วันแรกหลังการผ่าตัด ซึ่งอาจจะทำให้
แผลมีการปนเปื้อนอุจจาระได้
2. หลังผ่าตัด1-2 วันแรก คนไข้ควรนอนอยู่ในท่านอนหงาย ยกสะโพกให้สูง และแยกขาทั้ง 2
ออกจากกันเล็กน้อย เพื่อช่วยลดอาการบวมได้ดีขึ้น
3. วันที่ 3 หลังการผ่าตัดสามารถนอนตะแคงได้
4. วันที่ 4 หลังการผ่าตัดแพทย์ผู้ผ่าตัดจะทำการถอดสายระบายเลือดเสียออก และเปิดแผล
ทำความสะอาดแผล และถอดสายสวนปัสสาวะออก ผู้ป่วยผ่าตัดแบบใช้ เทคนิคการสร้างช่อง
คลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต สามารถกลับบ้านได้ และกลับมาตัดไหมในวันที่ 7 อีกครั้ง
สำหรับผู้ที่ทำการผ่าตัดแบบ เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต และจาก
ผิว
หนังจากถุงอัณฑะหรือจากที่อื่นๆมาทำเป็นผนังช่องคลอด หรือผู้ที่ผ่าตัดแบบ เทคนิคการสร้าง
ช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอด แพทย์จะยังไม่ถอดสายสวนปัสสาวะออก
และคนไข้ต้องนอนอยู่บนเตียงต่อไปจนถึงวันที่ 6 ของการผ่าตัด
5. คนที่ผ่าตัดแบบ เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอด จะงด
น้ำและอาหารหลังการผ่าตัดจนกระทั่งมีอาการผายลมก่อน จึงจะเริ่มจิบน้ำและรับประทาน
อาหารเหลวได้ ถ้ารับประทานอาหารเร็วเกินไป อาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืดและอาหารไม่ย่อย
ได้ ดังนั้นสำหรับผู้ที่ผ่าตัดแบบ เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่อง
คลอด ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และพยาบาลอย่างเคร่งครัด
6. วันที่ 6 ของการผ่าตัด คนที่ผ่าตัดแบบ เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต
และจากผิวหนังจากถุงอัณฑะหรือจากที่อื่นๆมาทำเป็นผนังช่องคลอด เปิดแผลทำความสะอาด
แผล และ เอาผ้าก๊อสที่อยู่ในช่องคลอดออก
7. วันที่ 7 ของการผ่าตัด เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต และจากผิวหนัง
จากถุงอัณฑะหรือจากที่อื่นๆมาทำเป็นผนังช่องคลอด, เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้
ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอด ถอดสายสวนปัสสาวะออก และกลับบ้านได้
8. ผู้ผ่าตัด เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต, เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดย
ใช้ผิวหนังจากองคชาต และจากผิวหนังจากถุงอัณฑะหรือจากที่อื่นๆมาทำเป็นผนังช่องคลอด ,
เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอด กลับมาพบแพทย์เพื่อตัด
ไหมและขยายช่องคลอดโดยใช้ Dilator ที่ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อรักษาความกว้าง
และเพิ่มความลึกให้คงที่ควรหมั่นขยายช่องคลอดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 30
นาที
9. ผู้ผ่าตัดต้องทำความสะอาดแผลพร้อมกับขยายช่องคลอด ทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง จนกว่า
แผลภายนอกและในช่องคลอดจะหายสนิทดี
10. งดมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลาอย่างน้อย 2 เดือน
11. มาพบแพทย์ตามนัดทุก ๆ 1 สัปดาห์ หลังผ่าตัดจนครบ 1 เดือน เพื่อให้ผลการผ่าตัดที่ได้สมบูรณ์
และสวยงามใกล้เคียงธรรมชาติ
คนไข้จะต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล อย่างน้อย 4- 6 คืน เพื่อดูแลรักษาแผลในระหว่างที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนั้นคนไข้จะต้องปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้
1. ให้คนไข้งดรับประทานอาหารที่มีกากและเครื่องดื่มจำพวกน้ำผลไม้ นม นมเปรี้ยว โยเกิร์ต
เพราะจะเกิดการกระตุ้นทำให้เกิดการขับถ่ายในช่วง 2 วันแรกหลังการผ่าตัด ซึ่งอาจจะทำให้
แผลมีการปนเปื้อนอุจจาระได้
2. หลังผ่าตัด1-2 วันแรก คนไข้ควรนอนอยู่ในท่านอนหงาย ยกสะโพกให้สูง และแยกขาทั้ง 2
ออกจากกันเล็กน้อย เพื่อช่วยลดอาการบวมได้ดีขึ้น
3. วันที่ 3 หลังการผ่าตัดสามารถนอนตะแคงได้
4. วันที่ 4 หลังการผ่าตัดแพทย์ผู้ผ่าตัดจะทำการถอดสายระบายเลือดเสียออก และเปิดแผล
ทำความสะอาดแผล และถอดสายสวนปัสสาวะออก ผู้ป่วยผ่าตัดแบบใช้ เทคนิคการสร้างช่อง
คลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต สามารถกลับบ้านได้ และกลับมาตัดไหมในวันที่ 7 อีกครั้ง
สำหรับผู้ที่ทำการผ่าตัดแบบ เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต และจาก
ผิว
หนังจากถุงอัณฑะหรือจากที่อื่นๆมาทำเป็นผนังช่องคลอด หรือผู้ที่ผ่าตัดแบบ เทคนิคการสร้าง
ช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอด แพทย์จะยังไม่ถอดสายสวนปัสสาวะออก
และคนไข้ต้องนอนอยู่บนเตียงต่อไปจนถึงวันที่ 6 ของการผ่าตัด
5. คนที่ผ่าตัดแบบ เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอด จะงด
น้ำและอาหารหลังการผ่าตัดจนกระทั่งมีอาการผายลมก่อน จึงจะเริ่มจิบน้ำและรับประทาน
อาหารเหลวได้ ถ้ารับประทานอาหารเร็วเกินไป อาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืดและอาหารไม่ย่อย
ได้ ดังนั้นสำหรับผู้ที่ผ่าตัดแบบ เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่อง
คลอด ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และพยาบาลอย่างเคร่งครัด
6. วันที่ 6 ของการผ่าตัด คนที่ผ่าตัดแบบ เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต
และจากผิวหนังจากถุงอัณฑะหรือจากที่อื่นๆมาทำเป็นผนังช่องคลอด เปิดแผลทำความสะอาด
แผล และ เอาผ้าก๊อสที่อยู่ในช่องคลอดออก
7. วันที่ 7 ของการผ่าตัด เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต และจากผิวหนัง
จากถุงอัณฑะหรือจากที่อื่นๆมาทำเป็นผนังช่องคลอด, เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้
ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอด ถอดสายสวนปัสสาวะออก และกลับบ้านได้
8. ผู้ผ่าตัด เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต, เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดย
ใช้ผิวหนังจากองคชาต และจากผิวหนังจากถุงอัณฑะหรือจากที่อื่นๆมาทำเป็นผนังช่องคลอด ,
เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอด กลับมาพบแพทย์เพื่อตัด
ไหมและขยายช่องคลอดโดยใช้ Dilator ที่ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อรักษาความกว้าง
และเพิ่มความลึกให้คงที่ควรหมั่นขยายช่องคลอดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 30
นาที
9. ผู้ผ่าตัดต้องทำความสะอาดแผลพร้อมกับขยายช่องคลอด ทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง จนกว่า
แผลภายนอกและในช่องคลอดจะหายสนิทดี
10. งดมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลาอย่างน้อย 2 เดือน
11. มาพบแพทย์ตามนัดทุก ๆ 1 สัปดาห์ หลังผ่าตัดจนครบ 1 เดือน เพื่อให้ผลการผ่าตัดที่ได้สมบูรณ์
และสวยงามใกล้เคียงธรรมชาติ
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
24 VOTES (4/5 จาก 6 คน)
VOTED: ซาอิ, I AM THOR, ของกล้วยกล้วย
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
อีกหนึ่งวิธีการนำ ปลาหมอคางดำ มาใช้ประโยชน์ ก็คือการนำมาทำเป็น น้ำหมักชีวภาพ นั่นเองเบส คำสิงห์โพสต์!! พ่อบาสเข้าห้อง ICU ด่วน เนื่องจากร่างกายซีกซ้ายไม่มีแรง พบเส้นเลือดในสมองตีบ 😔เลขเด็ด เลขมาเเรง เลขดัง "รวมหวยเด็ดสำนักดัง vol.13" งวดวันที่ 1 ธันวาคม 2567Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด