[วิจารณ์] Hormones วัยว้าวุ่น 3 : EP8 – รอยยิ้มบนความเจ็บปวด
“ครอบครัว” คือหน่วยที่เล็กที่สุดของสังคม ถึงเป็นสถาบันที่มีขนาดเล็ก แต่ก็มีความสำคัญอย่างมากต่อระบบสังคม เศรษกิจ และการพัฒนาโดยรวมของประเทศ เพราะทุกครอบครัวมีการผลิตบุคคลากร ที่จะมาเป็นผู้ขับเคลื่อนสังคมต่อไป ถ้าเราสร้างเยาวชนที่มีคุณภาพประเทศชาติย่อมเจริญก้าวหน้าตามไปด้วย มาในตอนที่ 8 นี้ฮอร์โมนส์ จะไปพาเราไปสู่ปัญหาระดับพื้นฐาน สามารถพบเจอได้ทุกบ้าน แต่อาจจะไม่มีใครตระหนักเห็น นั่นก็คือ “ปัญหาภายในครอบครัว”
ปีโป้หรือ “เฟิสต์” เป็นตัวละครหน้าใหม่ ที่ถูกเกลียดตั้งแต่ตอนแรกๆ (อ่าว ถถถถถ) เพราะไปหลอกใช้ออยเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ของตัวเองกับขนมปัง แถมฉวยโอกาส ผู้คนเลยก่นด่ากันทั่วสารทิศ เฟิสต์เป็นตัวละครมีที่มีคาแร็คเตอร์หนึ่งเด่นชัดคือ การชอบแกล้งเพื่อน จากเรื่องเล็กๆ ขำๆ จนไปถึงบางเรื่องที่ดูหนักข้อไปหน่อย แต่อย่างไรก็ตามคนที่ดูไม่คิดอะไรมากอย่างเฟิสต์กลับอารมณ์ปะทุทันที เมื่อโดนพาดพึงถึง “ครอบครัว” เลยมีการวางเงินกันล่วงหน้าแล้วว่าหวยต้องลงเรื่องปัญหาภายในบ้านแน่นอน ซึ่งก็โป๊ะเช๊ะ 2 ตัวบนเลย ! คนที่ดูมองโลกในแง่ดีแบบเฟิสต์ จริงๆ เค้าแบกปัญหาแบบไหนอยู่กันแน่ ?
เรื่องราวเริ่มต้นต่อจากงานกีฬาสี หลังจากที่เฟิสต์ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ และทำให้ทีมโดนปรับแพ้ ทำให้เค้าถูกเพื่อนๆ ในห้องแบน ซึ่งนนเองก็เหมือนกัน เพราะเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้งานกีฬาสีล่มด้วย ในขณะที่นนรู้สึกเศร้า แต่เฟิสต์กลับยังยิ้มแย้มได้ “แกนี่ก็ยังยิ้มได้เนอะ” นนพูดด้วยความแปลกใจ
เมื่อกลับมาถึงบ้านเราก็ได้พบกับฉากใหญ่ นั่นก็คือพ่อกับแม่ของเฟิสต์ทะเลาะกัน ซึ่งเริ่มต้นด้วยเรื่องเล็กๆ แค่การลืมปิดไฟในบ้าน ซึ่งการทะเลาะก็ทวีความรุนแรงไปถึง “ขั้นทำร้ายร่างกาย” ซึ่งพอเฟิสต์จะเข้าไปห้ามก็ถูกกันออกมาด้วยคำว่า “เป็นเด็กไม่ต้องมายุ่ง” ซึ่งเหตุการณ์ก็พึลึกพิลั่นขึ้นไปอีกเมื่อสุดท้ายคืนนั้นพ่อกับแม่ก็จบลงด้วย Makeup Sex (การมีเซ็กซ์หลังการทะเลาะ) เฟิสต์ที่อยู่ห้องติดกันก็ได้แต่เปิดเสียงตัดความรำคาญ และพอเช้าขึ้นมาพ่อกับแม่ก็ทำตัวปกติ ซึ่งมันทำให้เราเห็นว่าหรือเหตุการณ์นี้จะเกิดมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ?
เราอยู่ตรงนี้
บ้านหรือครอบครัว โดยปกติแล้วควรที่จะเป็นหลุมหลบภัย เป็นสถานที่ที่เราควรรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่ได้กลับมาอยู่ แต่เพราะเรามองว่ามันเป็นที่ที่ปลอดภัย ผ่อนคลายที่สุดนี่เอง มันจึงเป็นที่ที่เราปล่อยตัว หรือควบคุมตัวเองน้อยที่สุด และเพราะการความคุมตัวเองที่น้อยลง อารมณ์จึงสามารถ “เหวี่ยง” และ “ปะทุ” ได้ง่าย ดังนั้น “การใช้ความรุนแรงในครอบครัว” หรือ“Domestic Violence” จึงมักจะเกิดขึ้น ซึ่งจากในเรื่อง เราก็จะเห็นว่าทั้งพ่อและแม่ต่างคนต่างใช้อารมณ์เข้าใส่กันโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
ซึ่งมันต่างกันกับตัวเฟิสต์ สำหรับเฟิสต์แล้วบ้านไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยที่สุด หรือหลุมหลบภัยสำหรับเค้า บ้านคือที่เค้าต้องกลับมาประคับประคองคำว่าครอบครัว อยู่ตลอดเวลา และคนในบ้านเองก็ไม่มีใครยอมรับเฟิสต์ว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกเต็มตัว มีแต่คำว่า “เป็นเด็กไม่ต้องมายุ่ง” อยู่ร่ำไป เหมือน “ไม่มีใครมองเห็น” เค้าเลย และนั่นเองเป็นเหตุให้เฟิสต์ต้องสร้างตัวตนที่ “ได้รับการมองเห็นจากคนรอบข้าง” บ้าง ซึ่งบทสรุปสุดท้ายที่เฟิสต์คิดขึ้นมาเองก็คือการ “แกล้งเพื่อน” นั่นเอง มันไม่ใช่รอยยิ้มจอมปลอม แต่มันเป็นรอยยิ้มบนความเจ็บปวด
“เราอยู่ตรงนี้ มองมาที่เราบ้าง”
และในฉากที่สุดท้ายที่ความเครียดเรื่องปัญหาครอบครัวพุ่งถึงขีดสุด เฟิสต์เลือกที่จะไม่เอาอารมณ์ด้านลบ หรือ “ความเจ็บปวด” ของตนเองไปลงกับสังคมหรือคนรอบข้าง แต่กลับเลือกเอาไปลงกับกีฬาแทน ซึ่งการออกกำลังกายนั้นร่างกายจะหลังสารเอ็นโดรฟิน (Endrophin) เพื่อทำร่างกายมีความสุข หรือจะพูดให้ตรงกับชื่อตอนนี้ก็คือ “เพื่อระงับความเจ็บปวด” นั่นเอง “เพราะว่าเวลาวิ่ง เราไม่ต้องคิดอะไรเลย คิดแต่จะพุ่งไปข้างหน้าก็พอแล้ว”
ซึ่งความขัดแย้งขนาดใหญ่ ที่เฟิสต์ยังต้องแก้ไขก็มาถึงเมื่อเค้าต้องเลือกทีจะอยู่กับพ่อหรือแม่ ซึ่งเฟิสต์ได้ถามแม่ว่าถ้าไปอยู่กับแม่จะเอาสุนัข (พิกุล) ไปด้วยได้หรือไม่ และพอแม่ตอบว่าไม่ เฟิสต์เลยบอกว่างั้นจะขออยู่กับพ่อ คำตอบของเฟิสต์ก็เหมือนตบหน้าทั้ง 2 คนเข้าอย่างจัง เพราะมันแสดงให้เห็นแล้วว่า สำหรับเฟิสต์จะอยู่กับใครไม่สำคัญแล้ว เพราะทั้งคู่ต่างใช้อารมณ์ ตอนนี้พ่อกับแม่ต่าง “เห็นแก่ตัว” กันทั้งคู่ ไม่มีใครสนใจคำว่า “ครอบครัว” อีกต่อไป มีแต่คนที่สนแต่“ตัวเอง” ทั้งนั้น ถ้าพ่อกับแม่ให้ความสำคัญกับคำว่าครอบครัวก่อนคำว่าตัวเอง ปัญหามันคงจะไม่ร้ายแรงถึงขนาดนี้ ดังนั้น “พิกุล” จึงเป็นที่พึ่งและเพื่อนหนึ่งเดียวของเฟิสต์ที่เหลืออยู่ในบ้านที่จะคอยเยียวยาเฟิสต์ได้ น้ำตาในฉากสุดท้ายที่หลั่งไหลออกมาเหมือนมันเป็นจุดที่ ฟางเส้นสุดท้ายที่มีทั้งครอบครัวและกีฬาของเฟิสต์ได้พังทลายลง สิ่งที่ยึดเหนี่ยวให้เค้าต้องยิ้มไม่มีอีกต่อไปแล้ว ทุกอย่างพังหมดแล้ว หลังจากนี้จึงมีแต่น้ำตา
“ครอบครัวมันหมายถึงการอยู่ด้วยกัน ประคับประคองกันไปไม่ใช่หรอ ?”