หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

Harold Shipman ด็อกเตอร์แห่งความตาย

โพสท์โดย ไก่อ้วน



เมื่อผมอยู่ต่อหน้าผู้ป่วย ผมก็คือพระเจ้าของพวกเขา
 
ผู้ป่วยของเขา ส่วนใหญ่เป็นสตรีสูงอายุ ถูกตัวคนเดียว มีช่วงโหว่  และผู้ป่วยหลายคนนับถือเขา
ด็อกเตอร์แฮโรลด์ ชิปแมน  ในปี 2000 ได้เกิดเรื่องจริงที่สั่นสะเทือนไปทั่วโลก เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแมนเชสเตอร์ได้ระดม
ผู้เชี่ยวชาญทำการขุดศพแคธรีน กรันดี เศรษฐีนีคนหนึ่งเพื่อทำการชันสูตร เนื่องจากสันนิษฐานว่าผู้ตายนั้นตายผิดธรรมชาติ
เนื่องจากถูกฆาตกรรม และศพของเธอก็เป็นอีกศพที่เป็นกุญแจดอกสำคัญที่สามารถระบุตัวฆาตกรที่ฆ่าเธอได้ นั่นก็คือเธอ
ถูกฆ่าโดยฝีมือที่เธอไว้ใจที่สุดนั่นก็คือ  ด็อกเตอร์แฮโรลด์ ชิปแมน


การเปิดโปงดังกล่าวทำให้ชื่อของด็อกเตอร์ชิปแมนโด่งดังขึ้นถนัดตา เขาถูกจารึกว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
เท่าที่โลกสมัยใหม่จะรู้จัก ด้วยจำนวนเหยื่อมากกว่าสองร้อยราย เป็นลองแค่ฆาตกรโปโดร โลเปซ เจ้าของฉายา สัตว์ประหลาด
แห่งเทือกเขาแอนดีส ทำไว้ถึง 300 ศพเท่านั้น แต่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เขามีชื่อบันทึกในประวัติศาสตร์ฆ่าคนมากที่สุดในโลกตลอดกาล
แต่ที่น่าเหลือเชื่อก็คือแม้ว่าจะมีหลักฐานมากมายบ่บอกว่าด็อกเตอร์ชิปแมนมีความผิดตามที่ถูกกล่าวหา แต่เขายังคงความอ้างถึง
ความบริสุทธิ์ของเขาจนวาระสุดท้ายของชีวิต

และคำถามที่ตามมาอีกก็คือทำไมด็อกเตอร์ชิปแมนถึงสามารถฆ่าคนได้มากมายโดยสามารถลอยนวลอย่างยาวนานมากกว่าสิบปี
ก่อนที่เขาจะถูกจบ และอะไรที่ทำให้เขากลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องฆ่า บางทีคำตอบนั้นอาจจะอยู่ในชีวิตวัยเด็กของเขาก็เป็นไปได้
 

   
แฮโรลด์   ชิปแมน(Harold Shipman)


 
แฮโรลด์ เฟรดเดอริค  ชิปแมนเป็นนายแพทย์และฆาตกรต่อเนื่องชาวอังกฤษที่ได้รับบันทึกว่าเป็นฆาตกรฆ่าคนมากที่สุดในโลก
อันดับต้นๆ ของโลก ด้วยจำนวนมากกว่า 218 รายระหว่างปี 1975-1988 ซึ่งจากคำสารภาพของเขาบอกว่าตัวแล้วที่แท้จริง
สูงกว่านี้มาก เขาถูกจับกุมเมื่อวันที่ 7 กันยายน 1998


ในวันที่ 31 มกราคม 2000 คณะลูกขุนพิจารณาความผิดของชิปแมน ผลปรากฏว่าเขาถูกจำคุกตลอดชีวิต จากคดีฆาตกรรม
เหยื่อ 15 ราย  โดยไม่มีการลดโทษหากไม่มีคำสั่งจากกระทรวงมหาดไทยอย่างน้อยสองปีให้หลัง

หลังจากเขาถูกจำคุก เขาก็ถูกสอบถามอย่างละเอียดเพิ่มเติม เพื่อประโยชน์ในการวิจัย เขาบอกว่าเหยื่อของเขามีประมาณ 80%
ทั้งหมดเป็นผู้หญิง เหยื่ออายุน้อยที่สุดของเขาคือชายอายุ 41 ปี ชื่อ ปีเตอร์ ลูอิส โดยสาเหตุที่ทำให้เขาสามารถก่อกรรมทำเข็น
ได้นั้นก็เนื่องด้วยกฎหมายโครงสร้างของสหราชอาณาจักรเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการตรวจสอบทางการแพทย์นั้นมีผลโดยตรง
และทางอ้อมที่ทำให้ชิปแมนสามารถก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องได้สะดวก
 
   

 
ชิปแมนสมัยเป็นเด็ก


 
แฮโรลด์ เฟรดเดอริค  ชิปแมน หรือหลายคนเรียกเขาว่าเฟรดดี้ เกิดเมื่อวันที่ 14 มกราคม 1946 ในน็อตติงแฮม ประเทศอังกฤษ
เป็นบุตรคนที่สี่ของวีร่าและแฮโรลด์ซึ่งเป็นครอบครัวชนชั้นแรงงานนับถือนิกายกลุ่มคณะเมทอดิสต์  พ่อของเขามีอาชีพเป็นคนขับรถบรรทุก
ไม่ค่อยอยู่กับบ้านทำให้ชิปแมนคุ้นเคยกับแม่ของเขามากกว่า หากแต่ในวันที่ 21 มิถุนายน 1963 แม่ของเขาก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง
เมื่อเธออายุ 43 ในวันที่เธอตายชิปแมนอยู่ตรงนั้นด้วย ซึ่งเขาไม่เคยลืมวันนั้นออกจากสมองของเขา ภาพของแม่ที่กำลังจะตายด้วย
ความสีหน้าเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน ภาพที่นายแพทย์ฉีดมอร์ฟีนเพื่อระงับความเจ็บปวดให้กับแม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนมีอิทธิพลอยกให้
เขาเป็นหมอในอนาคต


ชิปแมนนั้นเป็นโจทย์ปัญหาใหญ่ที่ทำให้นักจิตวิทยางงงวย เพราะจากชีวิตเป็นอยู่และสภาพแวดล้อมไม่มีเค้าแม้แต่น้อยว่าเขาจะกลาย
ฆาตกรต่อเนื่องโรคจิตในอนาคตวันข้างหน้า เขาเป็นเด็กที่สดใส กลางเรียนปานกลาง เขาเป็นนักกีฬาที่เก่งเรื่องฟุตบอลและกีฬาประเภทลู่วิ่ง
 
เนื่องด้วยพ่อของชิปแมนไม่ค่อยอยู่บ้าน อีกทั้งแม่ของเขายังเป็นโรคมะเร็งที่รักษาไม่หาย ดังนั้นหน้าที่งานบ้านส่วนใหญ่จะตกอยู่ที่เขา
เขาอาสาที่จะดูแลแม่ที่ป่วย เวลานั้นเขาเริ่มหลงใหลความทุกข์ของแม่ของเขา และเขาชอบมากในช่วงที่หมอประจำครอบครัวมาถึงแล้ว
ฉีดมอร์ฟีนให้กับแม่ ในเวลานั้นเขาจะจ้องตาไปที่ภาพนั้นแบบไม่กระพริบ จนกระทั้งวันที่ 21 มิถุนายน 1963 แม่ของเขาก็ได้เสียชีวิตลง
ด้วยโรคมะเร็งขณะที่เธออายุ 43 ในวันที่เธอตายแชปแมนอยู่ตรงนั้นด้วย ซึ่งเขาไม่เคยลืมภาพติดตาในวันนั้น ภาพของแม่ที่กำลังจะตาย
ด้วยความสีหน้าเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน ภาพที่นายแพทย์ฉีดมอร์ฟีนเพื่อระงับความเจ็บปวดให้กับแม่ก่อนเสียชีวิต ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เขามี
ความมุ่งมั่นอยากเรียนต่อในโรงเรียนแพทย์
 
 
 
ชิปแมนสมัยเป็นหนุ่ม


 
สองปีหลังจากที่แม่ของเขาเสียชีวิต  ชิปแมนได้เริ่มได้ทุนศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยลีดส์ โดยวิชาที่เขาสนใจเป็นพิเศษคือเรื่องยา
แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่าระหว่างที่ชิปแมนเรียนในมหาลัยนั้น ทั้งอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นไม่มีใครสามารถจำเขาได้เลย  เพื่อนร่วมชั้น
ที่พอจำเขาได้ให้การว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีมารยาทที่ไม่ค่อยเข้ากับกลุ่มเท่าไหร่นัก แต่เขาก็ไม่เคยขัดใจกลุ่ม เวลามีใครบางคน
ปล่อยมุกตลกเขาก็จะยิ้มและตลก นอกจากนี้เขายังเป็นนักศึกษาแพทย์ที่หลงใหลยาเสพติดและยาเสพติด


นิสัยของชิปแมนได้เปลี่ยนไปหลังจากที่แม่เสีย เขาเริ่มเป็นพวกนอกรีต ที่สนามฟุตบอลเขาเริ่มมีบุคลิกก้าวร้าวมากขึ้น เขาจะทำทุกอย่าง
เพื่อใช้ชนะ แม้วิธีการเหล่านั้นมันจะรุนแรงก็ตาม

ต่อมาชิปแมนก็มีความสัมพันธ์กับพริมโรส ลูกสาวของเกษตรกร ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยคิดจะมีแฟน พอถึงงานโรงเรียนเขามักพาพี่สาว
ไปเต้นรำด้วยทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เขากลับได้แฟน พวกเขาพบหากันอย่างรวดเร็ว จนกระทั้งทั้งสองแต่งงานกันในขณะที่เธออายุ 17 ปี
และตั้งครรภ์

ในปี 1970 ชิปแมนก็เริ่มฝึกงานที่แผนกทั่วไป  ที่โรงพยาบาลใน เปรตาแฟร็กทัล ยอร์กเชียร์ตะวันตก ต่อมาในปี 1975 เขาก็ได้
ตำแหน่งแรกเป็นแพทย์ทั่วไป(General Practitioner) ที่ศูนย์กลางแพทย์อับราฮัม ออเมร็อด  ในท็อดมอร์เด็น ตอนที่เขาฝึกงาน
ครั้งแรกนั้นผู้ป่วยที่เขาดูแลอยู่ต่างให้ความเคารพเขามาก เนื่องจากด้วยบุคลิกที่เงียบขรึม แต่งตัวเรียบร้อย มารยาทดี และเป็นมิตรมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาเป็นนายแพทย์ที่มีน่าเชื่อถือ

หากแต่สำหรับพนักงานที่ใกล้ชิดของเขากลับตรงกันข้าม อีกด้านบุคลิกที่เป็นมิตร อารมณ์ของชิปแมนกลับเต็มไปด้วยความรุนแรง
เพราะความกดดันในอาชีพการงาน การรับมือผู้ป่วยจำนวนมาก ความคาดหวัง ได้แปรเปลี่ยนให้เขามีบุคลิกที่ก้าวร้าว เขามักพูดหยาบคาย
กับบุคคลที่ทำงานใกล้ชิดเขา โดยเฉพาะคำที่เขาใช้บ่อยก็คือ โง่" และเขาหยิ่งผยองต่อผู้ร่วมงานหรือแม้แต่ผู้บังคับบัญชาของเขา
 


ชิปแมนกับเพื่อนร่วมงาน


 
ในปี 1975 เกิดเรื่องเสื่อมเสียแก่ชปิแมน เมื่อเขาถูกจับในข้อหาปลอมใบสั่งยามอร์ฟีน และยาบรรเทาปวดยาเพททีดีนซึ่งตัวอย่าง
ดังกล่าวหากเสพมากๆ จะมีผลต่อระบบประสาทในสมอง ซึ่งเขาสั่งยาเหล่านี้ในนามของผู้ป่วยเพื่อใช้เสพเพียงคนเดียว ซึ่งเมื่อถูกจับได้
ตอนแรกชิปแมนปฏิเสธและขู่ลาออก หากแต่ผลจากการสอบสวนภายใน ปรากฏว่าเขาผิดจริง หากแต่การลงโทษนั้นเบาอย่างน่าใจหาย
เขาถูกปรับเงินเพียง 600 ปอนด์สเตอร์ลิงสำหรับการปลอมแปลงใบสั่ง และเขาถูกส่งเข้าไปฟื้นฟูยาเสพย์ติดในระยะสั้นๆ


ในช่วงนั้นมีหลายคนเชื่อว่าชิปแมนน่าจะเริ่มฆ่าคนแล้ว เนื่องจากดูจำนวนยาที่สั่งมันมีปริมาณมากพอที่จะใช้ฆ่าใครสักคนหนึ่ง นอกเหนือ
ที่เขาจะเก็บเอาไว้เสพคนเดียว โดยเฉพาะมอร์ฟีนเป็นยาเสพติดร้ายแรงที่สามารถฆ่าคนได้หากได้รับปริมาณมากพอ แต่กระนั้นเรื่องดังกล่าว
ก็ไม่มีการตรวจสอบ และที่น่าเหลือเชื่อคือเพียงสองปีเขาก็กลับมาเป็นเจ้าหน้าที่แพทย์ โดยตำแหน่งเดิมคือทำงานเป็นแพทย์ทั่วไป
และเป็นหมอประจำครอบครัวในไฮด์, เชสไฮร์ ด้วยบุคลิกที่น่าเชื่อถือ นายแพทย์หนุ่มที่ทุ่มเททำงานหนักเพื่อชุมชน ด้วยเหตุนี้ทำให้เขา
เรียกศรัทธาต่อเพื่อนร่วมงานและผู้ป่วยกลับมาอีกครั้ง

ในตอนนั้นไม่มีสัญญาณใดๆ ที่บ่บอกเลยว่าเขาจะเป็นฆาตกรต่อเนื่องในเวลาต่อมา
 
   

สำนักงานของชิปแมน


 
ไม่มีใครรู้ว่าชิปแมนนั้นสังหารเหยื่อตั้งแต่เมื่อไหร่ และเขาจะฆ่าเหยื่อเพื่ออะไร ในเมื่อเขาไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการก่ออาชญากรรมของเขา
หากแต่สันนิษฐานว่าอาจเป็นที่นิสัยความหยิ่งผยอง บวกเหยื่อของเขาส่วนมากเป็นผุ้หญิงสูงอายุ ชราอายุ 75 ปี แชปแมนอาจช้อนทับผู้ป่วย
เหล่านี้เหมือนแม่ของเขา เขาชอบที่ผู้ป่วยมีสีหน้าทรมานเหมืนอสีหน้าอันเจ็บปวดของแม่ของเขา ก่อนที่จะหยุดความทุกข์ทรมานเหล่านี้
ด้วยการฉีดมอร์ฟีนก่อนที่จะตายอย่างสงบ


การฆ่าของชิปแมนนั้นเป็นระบบ โดยเขาทำท่าทีมาเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้าน ฉีดมอร์ฟีนในปริมาณสูงแก่ผู้ป่วย เมื่อผู้ป่วยตาย เขาก็วางใบมรณะบัตร
ระบุว่าผู้ป่วยของเขาตายเนื่องด้วยสาเหตุธรรมชาติ บางรายที่ผู้ป่วยเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเข้ารับการรักษา กฎหมายได้บังคับ
หมอที่รักษาต้องแจ้งต่อแพทย์ชันสูตรศพ หากแต่ชปิแมนเลือกที่จะไม่บอกใคร ทำให้บัดนี้(จนถึงปี 1998) ประวัติการรักษาคนไข้กว่า 3,000 คน
ที่ของเขาล้วนใสสะอาดไม่มีพิรุธ

แม้ว่าจะมีญาติของผู้ป่วยบางรายสงสัยว่าหมอชิปแมนจะฉีดมอร์ฟีนเกินขนาดให้ผู้ป่วยญาติของเขาจนตายอยู่ก็บ้าง เขาสามารถก่ออาชญากรรม
อย่างลอยนวลหลายปี สามารถฆ่าผู้ป่วยมากกว่าสองร้อยคนอย่างไม่มีพิรุธจำผิดแม้แต่น้อย และเขาฆ่าหมดเหยื่อทุกรายโดยไม่สนว่าผู้ป่วยของเขา
จะเป็นคนแบบไหน จนรวย มีอาการเจ็บปวดเล็กน้อย หรือเรื้อรังก็ตาม
 
   


เหยื่อรายสุดท้ายของชิปแมน กุญแจดอกสำคัญ


 
อาชญากรรมของแชปแมนถูกเปิดเผย เมื่อเดือนมีนาคม 1988 เมื่อด็อกเตอร์ ลินดา เรย์โนล์ด แห่งแผนกศัลยกรรมในไฮด์ ที่ได้รับรายงาน
จากญาติผู้ป่วยคนหนึ่งที่ตายจากการรักษาของหมอชิปแมน ทำให้เธอเร่งตรวจสอบแล้วพบว่าบรรดาผู้ป่วยในแมนเชสเตอร์ทางตอนใต้
ว่าภายใต้การรักษาของหมอชิปแมนมีสถิตอัตราการตายสูงจนเกินเหตุ แม้ว่าเรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ตามปกติของคนทำอาชีพหมอ
หากแต่สิ่งที่เธอกังวลผู้ตายส่วนมากเป็นสตรีสูงอายุ ทำให้เธอเชื่อว่าหมอชิปแมนมีเจตนาฆ่าหรือรักษาโดยประมาณต่อผู้ป่วยของเขา


เรื่องดังกล่าวถูกไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน หากแต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถหาหลักฐานเพียงพอที่จะมัดตัวหมอชิปแมนได้
ในวันที่ 17 เมษายน 1998 เจ้าหน้าที่ตำรวจยกเลิกการตรวจสอบที่จับกุมหมอชิปแมนในข้อหาต้องสงสัยฆาตกรรมคนป่วยของเขาสามคนขึ้นไป
แต่กระนั้นหมอแชปแมนก็รอดพ้นข้อหาในช่วงสั้นๆ เท่านั้นเมื่อเหยื่อรายล่าสุดของเขาคือแคธรีน กรันดีอดีตนายกรัฐมนตรีของไอด์อายุ 81 ปี
ที่เธอเป็นที่รู้จักกันดีของคนในเมืองว่าเป็นผู้หญิงที่ขยันทำงานไม่รู้จักเหนื่อยและเป็นคนใจบุญช่วยเหลืองานกุศลท้องถิ่น

หากแต่เธอกลับต้องตายด้วยฝีมือของหมอชิปแมน โดยแม่บ้านเป็นคนพบศพของเธอในสภาพนอนตายบนโซฟาในบ้านของตนเอง
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 1998 โดยชิปแมนเป็นคนสุดท้ายที่เห็นเธอมีชีวิตอยู่และต่อมาเธอก็ถูกลงสาเหตุการตายในใบมรณะบัตรว่า
โรคชรา เป็นสาเหตุการตาย แน่นอนว่าการตายของหญิงชราคนดังกล่าวหลายคนไม่สงสัย ศพถูกฝังโดยไม่มีการชันสูตรอย่างละเอียดใดๆ ทั้งสิ้น
 
   

เหล่าเหยื่อของหมอชิปแมน


 
ต่อมา เรื่องของหมอชิปแมนเริ่มแดงขึ้น เมื่อลูกสาวของแคธรีน กรันดีได้ปรึกษากับทนายความส่วนตัวเธอว่าเอกสารมรดกแม่ของเธอนั้นน่าสงสัย
เพราะเอกสารดังกล่าวได้ทำพินัยกรรมให้ยกเงินมรดกจำนวน 380,000 ดอลลาร์ให้แก่หมอชิปแมน ซึ่งเมื่อเธออ่านเอกสารดังกล่าวก็รู้ทันที
ว่าเป็นของปลอม เพราะแม่ของเธอเป็นคนเรียบร้อยพิถีพิถัน เธอไม่ลงนามเอกสารที่มีจุดผิดแบบนี้ อีกทั้งลายเส้นของแม่เธอดูแปลกๆ
มันมีขนาดใหญ่เกินไป ดูแล้วไม่ใช่ลายเซ็นแม่ของเธอแน่นอน ด้วยเหตุนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีการขุดร่างของศพแคธรีน กรันดีออกจากที่ฝังศพ
เพื่อที่พลิกศพขึ้นมาตรวจพบสอบทางนิติเวชวิทยา โดยตัวอย่างเนื้อเยื่อถูกนำไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ


ผลสรุปว่าในร่างกายมีร่องรอยของยาไดอามอร์ฟีน(เฮโรอีน)ซึ่งมักเป็นสารควบคุมการเจ็บปวดของผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ซึ่งการตรวจสอบ
ดังกล่าวส่งผลให้มีการจับกุมหมอแชปแมนเมื่อวันที่ 7 กันยายน 1998 และตำรวจได้ยึดพิมพ์ดีดที่ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นชนิดเดียวกับ
ที่ใช้ปลอมแปลงเขียนเอกสารมรดก สรุปได้ว่าชิปแมนต้องพบจุดจบเพราะแรงจูงใจของฆาตกรที่เก่าแก่ที่สุดในโลก นั่นก็คือ "โลภ"




หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบเหยื่อที่เสียชีวิตภายใต้การรักษาของหมอชิปแมน โดยการสุ่มตัวอย่างรายชื่อผู้ป่วยประมาณ 15 ราย
จากเอกสารของมาตรวจสอบ แล้วพบว่าการตายของพวกเขาทุกคนล้วนน่าสงสัย ทั้งหมดตายด้วยการให้ยาเกินขนาดโดยยาไดอามอร์ฟีน
ในเวลาสามชั่วโมงหลังได้รับยา การลงนามใบระรองการตายนั้นถูกทำปลอมขึ้นโดยเขียนไว้ว่า สุภาพไม่ดี ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกว่าทำไม
หมอชิปแมนถึงจงใจทำเอกสารปลอมที่ตรวจจับง่ายแบบนี้ ทั้งที่ยังมีหลายวิธีที่ง่ายต่อปกปิด หลายคนสันนิษฐานเขาต้องการจบชีวิต
ตนเองโดยรอใครสักคนมาหยุดเขา หรือไม่ก็เขาวางแผนที่จะลาออกจากอาชีพแพทย์เมื่ออายุ 55 และหนีออกนอกประเทศ

ในชั่วโมงแรกหลังจากจับกุมหมอชิปแมน เขาไม่เต็มใจในการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมากนัก เขายังแสดงความหยิ่งยะโส
และโอหังต่อหนักงานสืบสวนที่ซักถามเขา หากแต่หลังจากที่ซักถามหลายชั่วโมง ชิปแมนได้พูดว่า เขามีความต้องการที่จะควบคุมชีวิต
และความตายของผู้ป่วย หลังจากให้การกับตำรวจเขาพูดอีกว่า ผมสามารถรักษาหรือผมจะฆ่าผู้ป่วยก็ได้ สำหรับผมแล้วผู้ป่วยเหมือนลูก
ไก่ในกำมือที่ผมสามารถเลือกได้ว่าผู้ป่วยคนนี้จะเป็นหรือตาย

ผมอาจไม่ใช่พระเจ้า แต่ผู้ป่วยอยู่ในภายใต้ความรับผิดชอบของผม ผมคือพระเจ้า

 

 


 
วันที่ 5 ตุลาคม 1999 คดีของชิปแมนถูกนำตัวขึ้นศาล และ เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดจริงฐานฆาตกรรมเหยื่อ 15 ราย คือ

มารี เวส, ไอร์เน่ เทอร์เนอร์, ลิซซี่ อดัมส์ม จีน ลิลเล่ย์, ไอวี่ โลมัส, เจอไมเน่ แอนคลา, เออเรียว กริมส์ฮาว์, มารี ควิ้นน์, เคธลีน เวคสต้าฟ,
เบียนก้า พอมเฟร็ท, นาโอมิ นัททอล์, ปามีล่า ฮิลไลเออร์, มัวรีน วอร์ด, วินิเฟร็ด เมลโล่ร์,โจแอน มีเลีย,เคธลีน กรูดี้ 

ซึ่งเป็นผู้ป่วยตายระหว่าง 1995 และ 1998

วันที่ 31 มกราคม 2000 หลังจากหกวันหลังจากพิจาณาคดี คณะลูกขุนได้ตัดสินว่าชิปแมนมีความผิดจริงฐานฉีดไดอามอร์ฟีนฆ่า
ผู้ป่วย 15 ราย อีกทั้งยังปลอมเอกสารมรดกของแคธรีน กรันดี โดยผู้พิพากษาได้กล่าวว่า

"ผู้ต้องหาความมุ่งมั่นในการก่ออาชญากรรมที่ชั่วร้าย อย่างไตร่ตรองและวางแผนโดยใช้ความสามารถทางการแพทย์มาใช้ประโยชน์
ในการฆ่าผู้ป่วยอย่างเลือดเย็น"


ผลคือเขาต้องถูกจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีการลดโทษหากไม่มีคำสั่งจากกระทรวงมหาดไทย และเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2000
สิบวันให้หลังในการตัดสินของชิปแมน แพทย์สภาก็ลงมติอย่างเป็นทางที่ยกเลิกใบอนุญาตชิปแมน

จากการสอบสวนชิปแมน ไม่สามารถสรุปเขาฆ่าเหยื่อทั้งหมดกี่รายกันแน่ บางทีอาจมากกว่า 500 คน หรือ 300 คน
บางที่ระบุว่าเขาฆ่าไป 215 คน โดยผู้ป่วยส่วนมากเป็นผู้หญิงอายุระหว่าง 41-93 ปีทั้งหมดเสียชีวิตด้วยการฉีดมอร์ฟีนเกินขนาด
แม้ไม่รู้จำนวนเหยื่อแน่นอน แต่กระนั้นชื่อของชิปแมนก็กลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนมากที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ในที่สุด
 
   

การตายของด็อกเตอร์แชปแมน


 
วันที่ 13 มกราคม 2004 ชิปแมนทำการฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอในห้องขังของเขาที่เรือนจำเวคฟิลด์เมื่อเวลา 6:20 น.
ในวันเกิดอายุ 58 ปีของเขา หากแต่กว่าจะพบศพของเขาก็ปาไป 8:10 โดยเขาแขวนคอตนเองจากหน้าต่างห้องขังกับแผ่นเตียง
ซึ่งจนแล้วจนรอดชิปแมนก็ไม่เคยยอมรับผิดของตัวเองหรือแสดงความเสียใจในสิ่งที่ตนก่อกรรมขึ้น การฆ่าตัวตายของแชปแมน
ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจสนับสนุนให้ฆาตกรต่อเนื่องทำตามตัวอย่างของเขา


หนังสือพิมพ์ซันเดย์ได้เขียนพาดหัวข่าวว่า ชิป ชิป ไชโย! 

ส่วนสาเหตุการฆ๋าตัวตายของชิปแมนสันนิษฐานว่าเขาไม่ตายฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิดหรือเสียใจในสิ่งที่ตนก่อขึ้นแต่เป็นอย่างไร
หากแต่เชาฆ่าตัวตายเพราะจะให้ภรรยาของเขาได้รับเงิยบำเหน็จบำนาญ หากหลังจากการตายของแชปแมนภรรยาม่ายของเขา
ควรได้เงินบำนาญ 100,000 ยูโร(150,000 ยูโร) แต่พอเอาเข้าจริงภรรยาของเขารับเพียง 5,000 ปอนด์เท่านั้น
(ประมาณ 7,500 ยูโร)ต่อปี




แน่นอน การตายของชิปแมนนั้นหลายฝ่ายยอมรับไม่ได้ โดยเพราะครอบครัวของเหยื่อผู้ตายที่พวกเขารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม
ไม่สาสมและขี้โกง การฆ่าตัวตายของชิปแมนนั้นหมายถึงเขาชนะ  หนังสือพิมพ์ได้ขึ้นหัวข้อหน้าหนึ่งว่า คนเลือดเย็นขี้ขลาดตาขาว
พร้อมประณามเรือนจำว่าพวกเขาให้อิสระในการเปิดโอกาสให้ฆ่าตัวตายมากเกินไป  พร้อมกันนั้นยังเชื่อว่าภรรยาของหมอชิปแมน
ได้รับเงินจำนวนมากกว่าที่เป็นข่าวเป็นค่าตอบแทน แต่รัฐบาลอังกฤษก็ไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่าง

มันเป็นข้อบกพร่องที่น่าเศร้าที่อาชญากรรมของแชปแมนนั้นถูกปิดซ่อนเป็นเวลานานหลายปี เขาทรยศต่อความไว้วางใจต่อผู้ห่วย
และญาติผู้ป่วยต่ออาชีพหมอ จอห์น ชิสโฮล์มจากสมาคมการแพทย์กล่าว ผลการกระทำของชิปแมนทำให้คนจำนวนมากรู้สึกหดหู่ใจ
หวั่นไหวที่ได้ข่าวว่าพ่อแม่ของเขาหรือตายายที่รักษาโดยมือหมอนั้นจะไม่ได้ตายเพราะอาการเจ็บปวดของโรคหากแต่เพราะพวกเขา
ถูกฆ่าด้วคนที่นำหน้าด้วย หมอ" และนั่นเองทำให้หลายคนเริ่มไม่ไว้ใจแพทย์ที่ทำการรักษาพวกเขา

เรื่องราวของชิปแมนได้ทำให้กฎหมายอังกฤษแก้ไขกฎหมายการดูแลสุขภาพและยารักษาโลกที่ต้องทำการตรวจสอบให้เข้มงวด
ไม่ว่าจะเป็นทางตรงและทางอ้อมเพื่อป้องกันอาชญาการรมเหมือนชิปแมน ส่วนนายแพทย์ที่ลงนามอนุมัติการเผาศพของผู้ตก
เป็นเหยื่อของชิปแมนถูกปรับเงินในข้อหาประพฤติกรรมมิชอบต่อแพทย์สภา ได้กลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ได้รับความนิยมในโลก
แห่งอาชญากร เรื่องราวของเขาถูกนำไปแต่งเป็นเพียง หนังสือ สารคดี และภาพวาด เหมือนเช่นกรณีฆาตกรต่อเนื่องชื่อดังคนอื่นๆ


Credit :: cammy@dek-d.com
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ไก่อ้วน's profile


โพสท์โดย: ไก่อ้วน
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
32 VOTES (4/5 จาก 8 คน)
VOTED: แม่เสือ, Thorsten, SiamSith, ทวิฒ, ginger bread
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ผลไม้ที่ช่วยคลายร้อน ช่วยดับกระหายได้ดี
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สำนักงานพุทธฯ สั่งตรวจสอบ พ่อแม่ "น้องไนซ์" เชื่อมจิตเอาอีกแล้ว! เขมรก็อปปี้หนังไทย เรื่องเด็กหญิงวัลลี ยอดกตัญญู?
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
ตั้งเวทีแปลกๆ แบบนี้..หมดสิทธิ์มั่วหน้าเวทีแน่นอนเมื่อสาวเจอความทรงจำที่หายไป..มาอยู่ที่ใต้สะพานลอยเมื่อหนุ่มทำพัดลมไอเย็นเอง..ว่าแต่มันคลายร้อนได้จริงหรือ ?หากโลกนี้มีเวทมนต์จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ตั้งกระทู้ใหม่