เกย์เกิดจากกรรม แล้วการปฏิบัติธรรม ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปได้ คุณเห็นด้วยหรือไม่??
พูดมาถึงตรงนี้ นึกถึงชีวิตของเพื่อนคนหนึ่งที่สนิทกันม้ากมากแต่ไม่อาจเปิดเผยตัวได้ จะเล่าให้ฟังนะ รับรองน่าสนใจทีเดียว เขาก็ประสบชะตากรรมคล้ายแบบนี้แหละ และก็มีความเชื่อเรื่องผลของกรรม เชื่อว่าเคยนอกใจ เคยคบชู้ เคยมักมากในกาม และคิดว่ามันเริ่มให้ผลเมื่อถึงเวลา เขาเกิดมาเป็นผู้ชายปกติ ที่อาจมีจริตอ่อนหวานไปหน่อย แต่ก็ชอบผู้หญิง มีแฟนเป็นผู้หญิง เจ้าชู้นิดๆ วันๆก็ดูแต่รูปโป้ผู้หญิง แต่อยู่ดีๆ ก็เกิดอาการเริ่มรู้สึกอยากมองผู้ชายหน้าหวานๆ เริ่มเห็นอวัยวะของผู้หญิงไม่น่าสนใจ เขาเชื่อว่า เป็นจังหวะที่กรรมหรือวิบากแสดงผล แต่ก็อยู่ในช่วงของความสับสน ไม่แน่ใจตัวเอง ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้
จากที่เคยเห็นผู้หญิงสวยๆ แล้วใจสั่น ก็เริ่มเฉยๆ กลายเป็นเห็นผู้ชายแล้วใจสั่นแทน ไปเรียนก็ดันไปนั่งติดกับกระเทย ซึ่งชอบเอาหนังสือโป้ผู้ชายมานั่งอ่านในห้อง ด้วยความสงสัย ก็เลยขอดูบ้าง ความไขว้เขวเข้ามาเยือน จนเริ่มรู้สึกเปลี่ยนไปแบบชัดเจน ความรู้สึกแห่งความเป็นผู้หญิงเข้ามาแทนที่ความเป็นชายที่หายไปแทบหมดหัวใจ เริ่มจีบผู้ชายด้วยกัน กรรมส่งผลให้เห็นอวัยวะเพศชายเป็นสิ่งน่าถวิลหา ตรงข้ามกับที่เคยรังเกียจ ประสบกามด้านผิดธรรมชาติที่หลายคนประนามไว้ด้วยความไม่เข้าใจว่ามันคือผลของกรรม ก็เริ่มโคจรเข้ามาสะสมแต้ม จากหนึ่งเป็นสอง และเป็นสิบ ทั้งชายจริงและไม่จริง จนเขาคิดว่าคงหาความเป็นชายในตัวแทบไม่เจออีกแล้ว
แต่แล้วก็น่าแปลก หลังจากที่เขามาสนใจเรื่องศาสนา ทำบุญ ทำทาน ถือศีล นั่งสมาธิ กรรมจัดสรรให้เขาได้มาเจอคนรักที่เป็นผู้ชายแต่ใจเป็นสาวเต็มตัว ในที่สุดเขากลับผลัดเปลี่ยนมาอีกระดับ ด้วยการพัฒนา ขึ้นมาเป็นสามี โดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากเป็นภรรยามามิใช่น้อย ความเป็นชายเริ่มฟื้นคืนสภาพกลับเข้ามา ความรับผิดชอบ การรู้จัก เสียสละ การปกป้องคนรัก ก็ตามขึ้นมา
มันเป็นเรื่องของพื้นฐานธรรมชาติส่วนใหญ่ ที่คนที่มีจิตใจภายในเป็นเพศหญิง ไม่ว่าจะหญิงแท้ หรือหญิงในร่างชายก็ตาม จะมีลักษณะหวังการพึ่งพาจากคนอื่นสูง นอกจากหญิงเหล็กใจแกร่ง หรือ หญิงที่มีหัวใจเป็นชายเท่านั้น ซึ่งต้องมองกันด้วยใจว่างจริงๆ ถึงจะพอมองเห็น ไม่ใช่ จะดูถูกเพศใดเพศหนึ่ง สังเกตได้ว่า ทำไมคนที่มีจิตใจเป็นหญิง ถึงชอบผู้ชายแข็งแรง หรือมีอะไรที่ปกป้อง หรือให้ความสุขกับเขาได้ เช่น มีกล้ามโต มีฐานะดี มีตำแหน่ง หน้าที่การงานดี แต่กลับกันคนที่มีใจเป็นชายจริงๆ จะอยากเสียสละเพื่อคนรัก อยากดูแล อยากปกป้อง อยากทำงานเลี้ยงคนอื่น คนที่มีจิตใจเป็นผู้ชายจริงๆ แม้จะอยู่ในร่างหญิงก็ตาม จึงชอบผู้หญิง บอบบาง อ้อนแอ้น น่าทะนุถนอม ฯลฯ
แต่การมาเกิดเป็นเพศอะไรนั้น มันแสดงถึงพื้นฐานจิตใจที่เหมาะอยู่แล้ว ด้วยกรรม ด้วยนิสัย ด้วยวิบาก หลายๆ อย่างที่สะสมมา นั่นจึงส่งให้มาเกิดเป็นเช่นนั้นๆ เรื่องแปลกสำหรับเพื่อนผม ที่คิดว่าเป็นประเด็นก็คือ การเป็นเกย์ เกิดจากกรรมหลายๆ อย่าง แต่มีหลักๆ อยู่ไม่กี่อย่าง แล้วสามารถละลายหรือเบาบางได้ ด้วยการปฏิบัติธรรม จิตวิทยาสมัยใหม่ ก็ยอมรับแล้วว่า การเป็นเกย์ไม่ใช่สิ่งผิดปกติ ไม่ใช่โรค ไม่ต้องรักษา เป็นเพียงการเสพกามปกติทั่วไป เหมือนคนกินข้าว กับคนกินก๋วยเตี๋ยว ซึ่งเป็นอาหารคนละชนิด แต่ก็อิ่มเหมือนกัน
จุดประสงค์การมีคนรัก เพื่ออะไรก็แล้วแต่ ยกเว้นการสืบพันธ์ ทุกอย่างถ้ามองด้วยใจเป็นกลาง เราจะเห็นว่ามันเป็นเพียงการหาความสุขใส่ตัวอย่างหนึ่ง ที่แต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน อาจจะดูว่าผิดธรรมชาติ แต่ธรรมชาติคืออะไร มันคือสิ่งปกติใช่ไหม นั่นแหละ เขาก็เป็นปกติของเขา เพราะเมื่อเกิดเป็นเกย์ก็ต้องรักเพศเดียวกัน ถ้าเกย์ชายไปรักหญิง หรือทอมไปรักผู้ชายซิ ถึงเรียกว่าผิดธรรมชาติของเกย์ หรือมองตามธรรมชาติของจิต คนเป็นเกย์มักจะมีอารมณ์ทางเพศสูงหรือใฝ่ในเรื่องกามๆเป็นเบื้องต้น จิตเขาก็ทำหน้าที่ถูกแล้วที่ส่งให้มาเกิดเป็นเกย์ เพราะเป็นสภาพที่เหมาะสมต่อการเสพกามโดยที่ไม่ต้องมีพันธะ มีลูกไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องมีครอบครัว อันนี้พูดถึงภาพรวมนะ เกย์ดีๆ ไม่หื่นกามก็มีอยู่เยอะ ผมเข้าจายยยยยย
ส่วนเรื่องสืบพันธ์นั้น ประชากรก็ล้นโลกพอแล้ว มันก็เป็นธรรมชาติอีกนั่นแหละ ที่ทำให้คนต้องมารักเพศเดียวกัน เพื่อจำกัดจำนวนประชากรทางอ้อม แล้วคนที่เป็นเกย์ผมเชื่อว่า เขาก็คงคิดดีแล้ว เขามีแฟนเป็นเพศเดียวกัน เขาจะมีลูกได้หรือไม่ ทำไม สังคมต้องไปสนใจเขา มันก็ไม่ใช่ความผิดที่เราจะไปประนาม ด่าให้เขาเสียหาย เพราะมันเป็นชีวิตของเขา เหมือนคนเลือกจะกินขี้ เขาก็เหม็นของเขา การเสพเพศเดียวกัน หลายคนยังยอมรับไม่ได้ เพราะจิตยังไม่สูงพอที่จะคิดในแง่ความรัก แต่พอพูดถึงเรื่องรักร่วมเพศ จิตจะตกดิ่งลงสู่เบื้องล่างทันที
มีสักกี่คนที่จะคิดนอกเหนือจากการร่วมเพศ ส่วนใหญ่จะคิดแต่ว่า อืมม เอาไปได้ยังไง สกปรก เพศเดียวกัน ขยะแขยง ด้วยเอาตัวเองเป็นพื้นฐานกลางในการตัดสิน แม้แต่การหอมแก้ม การจูบเพศเดียวกัน บางคนก็ยังขยะแขยงแทน เพราะความยึดมั่นในเรื่องเพศที่เหนียวแน่น แต่เป็นเรื่องเพศ ที่โยงมากับการมีเพศสัมพันธ์ ในแง่ พิศวาส ในแง่ความต้องการทางเพศล้วนๆ ซึ่งไม่ได้เคยคิดถึงแง่ ของความรักที่บริสุทธิ์ หรือ เรื่องหัวใจเลย ผมเชื่อว่า คนที่เขารักเพศเดียวกัน บางคู่ แทบไม่เคยมีอะไรกันด้วยซ้ำ แต่เขารักกันด้วยใจ เขาอยู่กันแบบเพื่อน แต่รักกันมากกว่าเพื่อน บางคู่ยอมตายแทนกันได้ รักกันจริงกว่า คนธรรมดาที่ถูกธรรมชาติด้วยซ้ำ
คิดว่า เราคงเคยหอมแก้มเด็กๆ มาเยอะ ไม่ว่าจะเพศไหน แม้แต่น้องหมา เราก็หอมได้ ทั้งๆที่มันเป็นสัตว์ มีสักกี่คนที่คิดอกุศล ขยะแขยงว่า หอมหรือกอดไปได้ยังไง เด็กผู้ชาย เพศเดียวกัน แต่ที่ทุกคนไม่คิดอะไร ก็เพราะไม่ได้มองการกอดหอมเด็กที่เป็นเพศเดียวกันในแง่ของ กามารมณ์ใต้สะดือ เช่นกัน อยากให้หันมามองกลุ่มคนที่มีอยู่จริงในแบบถูกทาง ไม่ต้องยอมรับ แต่ก็อย่าไปผลักไสขับไล่เขา เลิกมองเขาเป็นตัวน่ารังเกียจที่หาความดีไม่ได้สักทีเถอะ ทั้งๆที่หลายๆคนก็มีดี เป็นคนดี และทำดีให้กับสังคมได้มากอย่างที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนเลยทีเดียว
เพื่อนผมเล่าต่อไปอีกว่า หลังจากเขาจริงจังกับการปฏิบัติธรรมมากขึ้น สวดมนต์ นั่งสมาธิทุกวัน มีความเข้าใจในธรรมมากขึ้น จนเกิดการเบื่อหน่ายในวัตถุระดับหนึ่ง เห็นทุกข์ชัดอีกระดับหนึ่ง สิ่งที่เขาสังเกตได้ มันก็แปลก คือ เขาเริ่มรู้สึกเฉยๆ กับอวัยวะเพศชายที่เคยหลงไหล เริ่มเห็นความน่าเบื่อหน่าย และทุกข์ต่างๆ จากการเป็นรักร่วมเพศ ไม่ว่า สังคมไม่ยอมรับ ความรักที่เปิดเผย สวีทเหมือนคนทั่วไปไม่ได้ หรือแม้แต่การร่วมเพศ ที่ดูๆ ไปแล้ว มันเป็นของที่สกปรกที่ไม่น่าอภิรมย์ใดๆ เลย
ความรู้สึกเริ่มมาชัด เมื่อเขาบังเอิญไปเจอรูปโป้ผู้หญิง หลังจากที่ไม่มีความรู้สึกมานาน คราวนี้มาแปลก เจ้าตัวน้อยที่เคยสงบนิ่ง กลับตื่นตัวเมื่อได้เห็นร่างอันเปลือยเปล่าของสาวรุ่นๆ ยังความแปลกใจมาให้อย่างมากมาย ว่าเป็นไปได้อย่างไร หลังจากนั้นมา ก็เริ่มใจสั่นเมื่อเห็นสาวสวยๆ น่ารักเดินผ่าน ความเป็นชายที่โบยบินหนีฤดูหนาวไปนาน ก็หวนกลับมาสู่ถิ่นเดิมที่เคยอาศัย