หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

Jeffrey Bruce Pardo ซานตาฆาตกร

โพสท์โดย ไก่อ้วน

 


Jeffrey Bruce Pardo ซานตาฆาตกร



แม้ฤดูหนาวของที่นี้จะเต็มไปด้วยหิมะที่แสนจะขาวโพลง แต่มันหาได้กลบเกลื่อนจิตใจดำมืดของคนไม่

พูดถึงวันคริสต์มาส สิ่งแรกที่เราคิดถึงวันดังกล่าว คือ หิมะ ต้นคริสต์มาส และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือซานตาครอสขวัญใจของเด็กทั่วโลก
ในภาพลักษณ์ชายแก่รูปร่างอ้วนหนวดขาดเครายาว สวมเครื่องกันหนาว ที่มาพร้อมกับของขวัญที่ใส่ในถุงผ้าใบโตๆ ที่มาแจกของขวัญ
ในตอนที่เด็กดีหลับในตอนกลางคืนโดยเข้ามาทางปล่องไฟ


แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อซานตาครอสที่ว่านั้นได้เปลี่ยนเป็นฆาตกร

เชื่อหรือไม่ว่าเด็กหลายคนมีอาการกลัวซานตาครอส ใช่มันเป็นแบบนี้จริงๆ เนื่องจากเด็กเหล่านี้มองรูปลักษณ์ของซานตาครอสในด้านลบ
ซึ่งภาพลักษณ์ที่เด็กมองนั้นคือ คนแก่ที่รูปร่างน่าเกลียด เสื้อสีแดงที่น่ากลัวเหมือนเลือดสาดกระเด็น และถุงขนาดยักษ์ที่เด็กกลัวว่า
มันมีไว้ลักพาตัวพวกเขา


พูดถึงวันคริสต์มาส สิ่งที่เป็นธรรมเนียมอย่างหนึ่งก็คือการฉากภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับคริสต์มาส โดย ส่วนมากเนื้อหาภาพยนตร์จะเน้นความสุข
และความปรารถนาในความสนหวังของตัวละครในเรื่องนั้นๆ ก่อนที่จะจบประทับใจทุกครั้ง และเช่นกัน ก็มีภาพยนตร์คริสต์มาสที่เสนอ
ภาพลักษณ์วันคริสต์มาสให้เป็นวันแห่งความตาย ตัวอย่างก็เช่นภาพยนตร์เรื่อง Silent Night, Deadly Night (1984)




ซึ่ง เป็นหนังสยองที่ได้รับการจารึกว่าเป็นหนังที่ผู้ปกครองต่อต้านมากที่สุดถึงขนาดสมาคมผู้ปกครองและครูแห่งอเมริกาไปเดินขบวน
ทุกโรงภาพยนตร์เพื่อให้ถอดหนังเรื่องนี้ออก เนื่องจากพวกเขารับไม่ได้ที่ซานตาครอสที่เป็นตัวแทนความสุขของเหล่าเด็กๆ ในวันคริสต์มาส
กลับกลายเป็นฆาตกรโรคจิตอำมหิตในคืนคริสต์มาส โดยภาพยนตร์เล่าถึงชีวิตของชายคนหนึ่งซึ่งมีอดีตประสบการณ์ที่เลวร้ายเกี่ยวกับซานตา
และได้รับสั่งสอนแบบผิดๆ จนในที่สุดชายคนนั้นก็เก็บกดและกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องในชุดซานตาที่มาลงโทษคนที่ผิด




อีกเรื่องหนึ่งที่โด่งดังก็เช่น Christmas Evil (aka: You'd Better Watch Out, 1980)กำกับโดย ลูวิส แจ็คสัน
โดย เป็นเรื่องราวของเด็กชายที่มีบาดแผลทางใจเกี่ยวกับครอบครัว เนื่องจากในวันคริสต์มาสเขาโดนลงโทษโดยพ่อเลี้ยง
ที่แต่งเป็นซานตา (และเมื่อโตขึ้นก็ทำงานในบริษัทของเล่น และเขาก็เห็นเด็กซนที่ไม่ชอบของขวัญ เขาเลยต้องแปรงร่าง
เป็นซานตาสั่งสอนเหล่าเด็ก(และผู้ใหญ่)พวกนี้จนลืมวันคริสต์มาสไม่ลง 

จะเห็นได้ว่าภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องดังกล่าวล้วนนำเสนอฆาตกรซานตาที่มีปูมหลังที่เคยเป็นเด็กเก็บกดเพราะปัญหาครอบครัว
ก่อนที่จะระบายออกจนกลายเป็นฆาตกรฆ่าคนเพื่อความสนุกในที่สุด

และคราวนี้เรามาดูเรื่องจริงบ้าง เมื่อซานตาฆ่าคน!!

 

 
นายบรูซ เจฟฟรีย์ ปาร์โด (Jeffrey Bruce Pardo)
 



หลังจากนั้นคดีสังหารหมู่ก็กลายเป็นหัวข้อขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทั่วสหรัฐอเมริกา รายละเอียดถูกนำมาลงอย่างละเอียดยิบ
โดยเนื้อหาส่วนใหญ่พยายามตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดที่คนธรรมดาที่มีชีวิตอย่างซื่อตรง ไม่เคยมีประวัติในการก่ออาชญากรรม
ต้องฆ่าคนด้วย อีกทั้งยังมีการวางแผงล่วงหน้าเป็นเดือนๆ จัดเตรียมอุปกรณ์สังหารพร้อมสรรพ และหัวข้อหนังสือพิมพ์ก็ไม่ลืม
ที่จะตั้งขนามนามบรูซว่า ซานตาคลอสฆาตกร


คนเราเมื่อถึงเวลาก็อาจเป็นฆาตกรได้โดยไม่จำเป็นต้องมีพฤติกรรมที่บิดเบี้ยวตั้งแต่เกิด ขอให้เพียงเกิดสถาวะที่หลังพิงฝา
อย่างเช่นในกรณีของนาย นายบรูซ เจฟฟรีย์ ปาร์โด วัย 45 ปี ที่ก่อการสังหารหมู่ยิงคนไม่เลือกหน้า 9 คน เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2008
ในเขตโควิน่า ของนครลอส แองเจลีส  รัฐแคลิฟอร์เนีย  วันนั้นเขาถือปืนในชุดซานตาคลอสจากนั้นก็ยิงและเผาบ้านอดีตภรรยา
ในคืนคริสมาสต์อีฟ ทำให้เหตการณ์นั้นผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งที่ตายจากกระสุนและวางเพลิง ก่อนที่เขาจะลงมือปลิดชีพตัวเอง
ต่อมาเหตุการณ์นี้เรียกว่า สังหารหมู่โควิน่า หลังจากนายบรูซตายหลายฝ่ายพยายามคาดเดาว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาก่อคดีในครั้งนี้

ก่อนหน้าก่อเหตุนายปาร์โดก่อเหตุนั้นเขาเพิ่งตกงาน ทั้งที่เคยทำรายได้ 5 ล้านบาทต่อปี มีบ้านพร้อมภรรยาและลูกสามคน
หากแต่ภรรยาของเขาขอหย่ากับเขาเมื่อ 18 ธันวาคม และสุดท้ายคือสูญเสียสุนัขสัตว์เลี้ยงตัวโปรด ในการหย่าร้าง หลังศาล
ตัดสินให้นายปาร์โดจ่ายค่าเลี้ยงดูภรรยาเก่าเดือนละ 60,000 กว่าบาท พร้อมค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูเพียบตามมา
จึงไม่น่าแปลกอะไรที่จะทำให้เขาเครียดและก่อเหตุดังกล่าว
 
นายบรูซ เจฟฟรีย์ ปาร์โดเกิดในปี 1963 ในชิคาโก อิลลินอยด์ สหรัฐอเมริกา เขาเป็นพลเมืองปกติคนหนึ่งของประเทศที่ทำกิจกรรม
ในวันสำคัญเหมือนคนทั่วไป โดยเฉพาะวันคริสต์มาสเขาก็จัดงานแบบเรียบง่าย มีต้นคริสต์มาส มีอาหาร มีของขวัญ และแขกรับเชิญ
ที่เป็นคนรู้จัก และนอกจากนี้เขายังแต่งตัวเป็นซานต้าครอสแจกของขวัญให้แก่บรรดาเด็กๆ ร่วมงาน


บรูซทำแบบมานานหลายปี  ในปีใหม่ 2006 ก็เช่นกัน เขายังคงยิ้มร่าพร้อมกับภรรยาที่พึ่งแต่งของเขาซิลเวีย ปาร์โด เขาและภรรยา
กำลังมีความสุข ทั้งคู่เป็นคนมีฐานะ รายได้รวมกัน 150,000 กว่าดอลลาร์ ที่อยู่อาศัยก็ปลอดโจรผู้ร้ายภัยอันตรายทั้งหลาย
และสุนัขตัวโปรดชื่อ ซาโก้

บรูซอยู่ใน ไอทีที อิเล็กทรอนิกส์ในแผนกขนส่ง เขาแต่งงานกับซิลเวียเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2006 ซึ่งต่อมาเขาก็ย้ายมาอาศัย
ในบ้านหลังใหม่ขนาดเล็กก่อด้วยอิฐสีน้ำตาลในเนินเขาใกล้โบสถ์คาทอลิกที่Montrose ประมาณ 15 ไมล์ทางตอนเหนือของ
มหานครนครลอส แองเจลีส

แต่ในปีต่อมา ชีวิตของบรูซมีแต่ล้มเหลว เริ่มจากเขาโดนไล่ออกจากงาน เห็นหมาที่เขารักตายต่อหน้าต่อตา และที่สำคัญคือ
เขาสูญเสียภรรยา จากการหย่า เนื่องจากสาเหตุเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อเธอ การแต่งงานสองปีจบสิ้นอย่างง่ายดาย ภรรยาย้ายไป
อยู่กับน้องสาวลี่ชายของเธอ ปลายปี 2007 เขาถูกศาลพิพากษาบังคับให้เขาจ่ายเงินบำนาญให้ภรรยา(และครอบคลุมค่าทนายของเขาด้วย)
แล้วเขาจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายในเมื่อทุกวันนี้เขาตกงาน

แต่เงินนั้นเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น เมื่อบรูซต้องจ่ายถูกเรียกเอาเงินรักษาบุตร อายุ 9 ปีของเขา ชื่อ แมทธิว  ที่เกิดจากแฟนเก่าของเขา
ชื่อ เอลีน่า ที่เขาได้รับอุบัติเหตุจากการตกสระน้ำเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2001 จนสมองได้รับกระทบกระเทือน จนเสียค่ารักษาพยาบาล
กว่า 340,000 ดอลลาร์ อีกทั้งเอลีน่ายังฟ้องเขาเป็นเงินอีก100,000 ดอลลาร์เพื่อรักษาบุตรชาย หากแต่บรูซไม่เคยให้เงินเลี้ยงดู
เด็กสักแดงเดียว
 
ความเครียดและความกดดันได้เข้ามาในชีวิตของบรูซ เขากลายเป็นโรคซึมเศร้า เขาอาศัยอยู่คนเดียวขาดคนให้กำลังใจเขา วันๆ เอาแต่ดูทีวี
กินอาหารและนอนหลับ เขาไม่ทำงานทำให้หนี้พอกพูนมากขึ้น แม้บางครั้งเขาจะมีรายได้จากงานพิเศษทำแต่เงินที่ได้ไม่กี่ดอลลาร์ไม่พอ
ต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หลายเดือนต่อมาเขาเริ่มมีจินตนาการเกี่ยวกับความตายและความรุนแรง เขาเริ่มคิดจะจัดการอะไรบางอย่าง
กับเพื่อนบ้าน อดีตภรรยา และครอบครัวของเธอ


ในเดือนมิถุนายน 2008 บรูซได้ใช้เงินทั้งหมดที่มีซื้ออาวุธและกระสุนหลายรายการ จนบ้านของเขากลายเป็นคลังแสงสรรพาวุธขนาดย่อมๆ
ในช่วงเวลาหกเดือนก่อนที่จะเกิดเรื่องเขายังคงทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลายคนบอกว่าเขาดูมีชีวิตชีวาและนิสัยสุภาพ
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง บรูซได้ไปร้านเครื่องแต่งกาย เขาซื้อชุดซานตาคลอสขนาดใหญ่พิเศษแล้วนำมาดัดแปลงพิเศษให้เหมาะแก่เขา
ในตอนนั้นหลายคนคิดว่าเขาจะเตรียมตัวที่จะร่วมงานในวันคริสตมาสโดยการแต่งชุดซานตาคลอสมากกว่าที่จะคิดอีกเรื่องที่น่ากลัวกว่านั้น....
ในเดือนธันวาคม 2008 บรูซหย่ากับซินเธียอย่างเป็นทางการ ความเครียดความกดดันกระหน่ำมาทางบรูซย่างหนักหน่วง
ทำไมถึงมีแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ไม่มีความสุข ทำไมความสุขถึงตกไปอยู่กับครอบครัวของผู้หญิงที่ทิ้งเรา บรูซยังคงเตรียม
แผนระเบิดความเครียดของเขา คราวนี้เขาใช้สินเชื้อขอเงินจากเพื่อนๆ ไปซื้อตั๋วเครื่องบินไปยังรัฐอิลลินอยส์

จากนั้นเขาก็เช่ารถไว้สองคัน    พร้อมสำหรับวันที่ 24 ธันวาคม...
 

 
24 ธันวาคม ในนั้นก่อนเกิดเหตุบรูซนั่งดื่มกาแฟและกินเค้กในร้าน เขาชม แฮรี่ เบอีซ่าเจ้าของร้านว่าเค้กราชเบอร์รี่ของเขานั่นอร่อยมาก
ทั้งคู่คุยสัพเพเหระก่อนที่เขาจะกินเสร็จจ่ายเงินและออกจากร้าน  ก่อนที่จะลาจากเขาได้ทิ้งประโยคปิดท้ายที่แสนธรรมดาสำหรับ
วันคริสต์มาสว่า เมอรี่คริสต์มาสให้คุณและครอบครัวของคุณ

โดยหารู้ไม่ว่านี้คือประโยคสุดท้ายของบรูซก่อนที่เขาจะทำการสังหารหมู่อย่างอุอาจ!!

เวลาค่ำใกล้เวลา 23:30 ณ ที่บ้านในซีลมาร์ เขตโควีนา ฝั่งตะวันออกของนครลอสแองเจลิส ที่แห่งนั้นซินเธียกำลังจัดงานปาร์ตี้
รับวันคริสต์มาสโดยในงานนั้นมีสมาชิกมาร่วมในงานมากกว่า 25 คนทั้งหมดเป็นญาติของซินเธีย ซึ่งงานถูกจัดอย่างง่ายๆ เป็นกันเอง
เพื่อให้สมาชิกในงานพูดคุยอย่างสนิทสนม




ในระหว่างงานเต็มไปด้วยความชื่นมื่นอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียเคาะประตูบ้านขึ้น เมื่อสมาชิกในงานปาร์ตี้ซึ่งเป็นเด็กสาวอายุเจ็ดขวบเปิด
ประตูออก ก็พบนายบรูซ เจฟฟรีย์ ปาร์โดแต่งตัวในชุดซานต้าครอส ใช่มันเป็นซานตาครอสจริงๆ หากแต่สิ่งที่แตกต่างจาก
ซานต้าครอสทั่วๆ ไปคือ ในมือของเขามีของขวัญ ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ และเครื่องพ่นไฟในสงคราม มันเป็นของขวัญแห่งความตาย
เมื่อบรูซก้าวมายังบ้าน เขาเริ่มจัดการใช้ปืนพกใส่สาวอายุเจ็ดขวบที่วิ่งไปทักทายเขาที่ใบหน้า บรูซเดินมาในงานในชุดซานตา
บ้าเลือดที่พร้อมจะฆ่าทุกคน เขาก้าวมาในงานเลี้ยงอาหารค่ำของซินเธีย ทันทีบรูซเข้าถึงงานเขาเปิดฉฉาก เปิดฉากยิงด้วยปืนสั้น 
ทำให้ ผู้คนวิ่งหนีและกรีดร้อง บรูซยิงทุกอย่างที่ขวางหน้าไม่ว่าเด็กหรือผู้หญิง คนแก่ ซึ่งผู้ถูกยิงมีพ่อแม่ของซินเธียรวม
อยู่ด้วยทั้งคู่อุตส่าห์เดินทางมาจากเม็กซิโกเพื่อมางานนี้โดยเฉพาะ

ในช่วงเวลานั้นสับสนวุ่นวายจนไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงนั้น บรูซยิงปืนหลายนัด ยิงแม้กระทั้งสัตว์เลี้ยงในบ้าน เขายิงอดีตภรรยา
และครอบครัวที่ประกอบด้วยพ่อแม่ พี่ชายและภรรยาและลูกของพวกเขาถึง 25 คน ส่วนคนอื่นได้รับบาดเจ็บ




หลังจากบรูซเสร็จสิ้นการระบายของเขา เขาก็เริ่มปฏิบัติการจุดไฟเผาบ้านเพลิงเผาไหม้บ้านอย่างรุนแรง ไฟแรงจนลามมาเผารถ
ที่จอดอยู่ข้างนอก  และไฟก็โดนร่างกายของบรูซด้วยมันทำให้เขาบาดเจ็บเป็นแผลไหม้ระดับสาม หากแต่เขายังมีสติในการหนี
เขาหนีไปยังรถที่เช่าที่จอดอยู่ที่บ้านพี่ชายห่างจากสถานที่สังหารหลายเมตร เขาถอดชุดซานตาคลอสทิ้ง และหลบหนีไปในชุด
แต่งกายธรรมดา ในขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน เป็นสตรีวัย 20 ปีเศษกับเด็กหญิงวัย 8 ขวบซึ่งถูกยิงแต่ไม่ได้มีอาการสาหัส
และมีคนหนึ่งข้อเท้าหัก

 
หลังจากเพลิงสงบเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาในที่เกิดเหตุ เขาไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น มันเหมือนกับสงครามขนาดย่อมๆ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
ต่างร้องไห้และบาดเจ็บ ผู้หญิงบางคนมีแผลไหม้ไฟที่หน้า หลายคนยังคงหวาดกลัว และทุกคนต่างพรรณนาถึงคนบ้าชั่วร้ายใส่
ชุดซานตาติดอาวุธไล่ฆ่าพวกเขา

เจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพที่ถูกเพลิงเผาไหม้จนเป็นเกรียมเก้าร่างจนไม่อาจบอกได้ว่าเสียชีวิตเพราะถูกยิงหรือถูกไฟคลอก
โดยผู้เสียชีวิตประกอบไปด้วย

ซิลเวีย ออร์เทกา ปาร์โด อายุ 43 ปี (อดีตภรรยาของนายบรูซ เจฟฟรีย์ ปาร์โด)
อลิเชีย ออร์เทกาอายุ 70 ปี (แม่ ซิลเวีย ออร์เทกา)
โจเซ่  ออร์เทกา อายุ 80 ปี (พ่อ ซิลเวีย ออร์เทกา)
ชาลส์ ออร์เทกา อายุ 49 ปี (พี่ชายของ ซิลเวีย ออร์เทกา)
เชอรี ออร์เทกา อายุ 45 ปี (ภรรยาของ ชาลส์ ออร์เทกา)
เจมส์ ออร์ติซ อายุ 51 ปี (พี่ชายของ ซิลเวีย ออร์เทกา)
Teresa ออร์ติซ อายุ 52 ปี (ภรรยาของ เจมส์ ออร์เทกา)
อลิเชีย ออร์ติซ 46 ปี (น้องสาวของ ซิลเวีย ออร์เทกา)
ไมเคิล ออร์ติซ อายุ 7 ปี (ลูกของ อลิเชีย ออร์ติซ
)

ทางด้านบรูซเจ้าหน้าที่ตำรวจแคลิฟอร์เนีย ได้พบศพของเขา ซึ่งเสียชีวิตเพราะถูกยิงด้วยกระสุน 1 นัดที่ศีรษะตายทันที โดยศพ
อยู่ที่บ้านของพี่ชายของเขาเมื่อเช้าวันพฤหัสบดีในเขตซิลมาร์ ของนครลอส แองเจลีส สันนิษฐานว่าตอนแรกบรูซวางแผนที่จะหนีไป
ยังแคนาดาหลังจากก่อเหตุสังหารหมู่

หากแต่เขาเปลี่ยนใจที่หลังเพราะเขาคงไปไหนไม่รอด จึงได้ฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด


 
และแล้วเหตุสังหารหมู่โควิน่าก็ได้กลายเป็นหัวข้อขึ้นหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับในอเมริกา  โดยเนื้อหาเป็นการตั้งคำถามว่า
เพราะอะไรที่ทำให้คนธรรมดาที่มีความซื่อตรงและไม่เคยมีประวัติมาก่อนถึงก่อเหตุสังหารหมู่ อีกทั้งไม่ได้ทำด้วยอามรณ์ชั่ววูบ
เพราะมีการวางแผนมีการซื้ออาวุธสังหารและหาทางหนีที่ไล่พร้อมเสร็จสรรพมานานนับเดือน

และพวกเขาก็ไม่ลืมที่จะตั้งสมญานามแก่บรูซว่า ซานตาคลอสฆาตกร


⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ไก่อ้วน's profile


โพสท์โดย: ไก่อ้วน
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
16 VOTES (4/5 จาก 4 คน)
VOTED: Ployza, แม่ค้ามือถือ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
จำได้ไหม? "พุฒ เดชอุดม" จากยูทูบเบอร์เสียงเพี้ยน สู่สาวสวยสุดlซ็กซี่
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
Kawaguchi Ayaka นักแสดง A.V วัย 25 ปี จะ "แต่งงาน" ในเดือนธันวาคมนี้ที่ฮ่องกงพร้อมลุย! ทีมชาติไทยประกาศ 26 แข้งลุยศึกชิงแชมป์อาเซียน 2024
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
เปิดตำนาน "ยุทธหัตถี" วีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเปิดตำนาน "กวนอู" เทพเจ้าแห่งสงคราม ผู้ซื่อสัตย์และเกรียงไกรใครคือยอดนักรบที่เก่งที่สุดในสามก๊ก?โรงแรมร้อยศพ: เรื่องหลอนที่ไม่ควรพลาด
ตั้งกระทู้ใหม่