โดยระบุว่าเป็นการสรุปเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ และโพสต์นี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ตนจะไม่ตอบโต้อะไรอีกแล้ว ก่อนขอโทษลูกค้าคนดังกล่าวที่โพสต์ข้อความแบบนั้นไป และขอน้อมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว 1.กระแสที่หลายคนบอกว่าจะเป็นไปได้หรือที่ลูกค้าจะนั่งมาราธอนนานถึง6โมงเย็น เจ้าของร้านโกหกแต่งเรื่องสร้างกระแสหรือเปล่า ตอบ= ในคลิปก็เฉลยแล้วว่าลูกค้านั่งมาราธอนจริง 2.กระแสที่ว่าลูกค้ากินหมูไป 3 กิโลแล้วก็กินเบียร์ไป 7 ขวด น้ำอัดลมอีก 1 ลิตร จะกินไอติมหมดกล่อง (3 กิโล) ได้จริงหรือเจ้าของร้านโกหกหรือเปล่า ตอบ= ในคลิปก็เฉลยแล้วว่าลูกค้ากินหมดจริง ผมเองก็แทบไม่เชื่อว่าจะกินได้ขนาดนี้ ทั้งที่กินทั้งหมูทั้งเบียร์ทั้งน้ำอัดลมขนาดนั้น ถ้าไม่มาเช็คไอติมแล้วพบว่าเหลือแค่เศษติดขอบกล่อง 3.ประเด็นที่ว่าร้านไม่มีห้องน้ำ ลูกค้าต้องไปใช้บริการห้องน้ำที่อื่นซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 100 เมตร ตอบ=ผมก็ได้โพสต์ในเพจให้เห็นแล้วว่าห้องน้ำอยู่ติดร้านผมแค่เดินไม่กี่ก้าว ส่วนห้องน้ำหญิงอยู่ถัดไป 40 เมตร 4.ประเด็นที่บอกว่าหลานชายไปทำธุระ หลังจากทานได้ 40 นาทีเท่านั้นเอง แล้วกลับมาที่โต๊ะไม่ได้เดินย่อยที่ไหนอีกเลย "ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงครับ" หลานชายคนดังกล่าวหายไปรอบแรกจริง แล้วกลับมาทานต่อจนอิ่มทั้งน้าหลาน จากนั้นระหว่างหลานชายรอน้าสาวทานเบียร์ ก็ได้ลุกไปตักไอติมอีกหลายรอบ โดยไม่แคร์สายตารอบข้าง เพราะทั้งร้านมีอยู่โต๊ะเดียว ส่วนตัวผมยอมรับว่าไม่เห็นเพราะนั่งเล่นมือถือ แต่พนักงานซึ่งนั่งหน้าร้าน เพื่อคอยให้ลูกค้าเรียกใช้เห็น ระหว่างนั้นหลานชายยังได้สนทนากับพนักงานร้านว่า "อยากกลับแล้วแต่น้าไม่ยอมลุกซักที" และกระซิบว่าถ้าน้าสั่งเบียร์เพิ่มให้แกล้งบอกว่าหมด แต่ก็ไม่เป็นผล น้าสาวก็ยังยืนยันจะนั่งต่อและสั่งเบียร์เพิ่ม แต่ร้านเบียร์หมดจริงๆ พอทานเสร็จลูกค้าได้ลุกออกจากร้าน ผมจึงเดินมาดูกล่องไอติม ซึ่งพบว่าไอติมนั้นหมดกล่องเหลือเพียงเศษติดข้างกล่องดังรูปที่ถ่ายลงเพจครั้งแรก เมื่อผมเห็นว่าไอติมผมหมดกล่อง ผมจึงมีอารมณ์โมโห ไม่รู้จะทำไงจะเดินไปต่อว่าลูกค้าเสียตอนนั้นก็ไม่กล้า (ลูกค้าเดินออกไปเห็นหลังไวๆ) ผมจึงได้โพสต์ข้อความในเพจ และมีคนแชร์ออกไปจนสุดท้ายกลายเป็นประเด็นร้อนในขณะนี้ ที่มาจาก