การศึกษาวิจัยจากฐานข้อมูลคนไข้ที่ไม่ได้เปิดเผยชื่อของแพทย์ผู้รักษาโรคทั่วไป ของกรุงลอนดอน ที่เห็นชัดแล้วว่าในบรรดาคนไข้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปจำนวน 27,991 คน พบว่ามีผู้ป่วยหรือคิดเป็นร้อยละ 21 % ที่ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินปกติตามเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยถึง 9,248 คน
นอกจากนี้ทางผู้เชี่ยวชาญยังออกมาเตือนอีกว่า ปัจจุบันวงการแพทย์ยังไม่มีการเตรียมพร้อมในการรับมือกับปัญหาดังกล่าวเพียงพอมากนัก โดยปกติแล้วทางแพทย์มักจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเยาวชนหรือกลุ่มคนที่มีอายุน้อยกว่าและบริโภคแอลกอฮอล์เกินขนาด จากผลการสำรวจครั้งนี้ทำให้เรารู้ว่า “ผู้สูงอายุที่ดื่มแอลกอฮอล์เกินขนาดตามมาตรฐานความปลอดภัย อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งอาจจะมีผลกระทบโดยตรงต่อด้านสุขภาพ หรืออาจบั่นทอนชีวิตให้สั้นลงถึงขั้นเสียชีวิตก็เป็นได้”
รายงานการวิจัยเรื่องนี้ได้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร BMJ Open ที่ เป็นผลงานการวิจัยของคณะวิจัยที่คิงส์คอลเลจ มหาวิทยาลัยลอนดอนโดยได้ทำการเจาะกลุ่มสำรวจตัวอย่างเพื่อทำการศึกษา ถึงผลกระทบและความเสี่ยงของผู้สูงอายุที่ดื่มแอลกอฮอล์ โดยมีการสำรวจทั้งเพศชายและเพศหญิง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วร้อยละ 65% เป็นเพศชายที่มักจะดื่มแอลกอฮอล์เกินขนาดตามที่ทางด้านกระทรวงสาธารณสุขแห่งชาติของอังกฤษได้แนะนำเอาไว้ จากการค้นคว้าวิจัยพบว่า 1 ใน 5 ของผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์นั้น ส่วนใหญ่เป็นเพศชายโดยดื่มมากกว่า 490 มิลลิลิตรต่อสัปดาห์ (เทียบเท่าได้กับวิสกี้ขวดกว่าๆ) ส่วนผู้หญิงมักจะดื่มแอลกอฮอล์ 230 มิลลิลิตรต่อสัปดาห์
ในการดื่มแอลกอฮอล์นั้น ควรมีการออกกฎระเบียบให้ติดป้ายเตือนอยู่ที่ข้างผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจนทุกประเภท เพราะบางครั้งผู้ดื่มไม่รู้ว่าการดื่มแอลกอฮอล์เพื่อผ่อนคายนั้นอาจส่งผลและปัญหาสุขภาพตามมาภายหลัง ศ. มาร์ก เบลลิส โฆษกคณะสาธารณสุขศาสตร์ของคิงส์คอลเลจ กล่าว
กระทรวงสาธารณสุขแห่งชาติอังกฤษได้ระบุไว้ว่าผู้หญิงไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์เกิน ปริมาณ 140 มิลลิลิตรต่อสัปดาห์ และผู้ชายไม่ควรที่จะดื่มเกิน 210 มิลลิลิตรต่อสัปดาห์
ผู้นำคณะวิจัย ดร. มาร์ค เอเวธ ได้บอกเพิ่มเติมอีกว่าอัตราการดื่มแอลกอฮอล์เกินขนาดในกลุ่มของผู้สูงอายุที่ได้เผยแพร่อยู่ในการวิจัย ซึ่งในปัจจุบันจริงๆแล้ว ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักจะดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าที่เขียนในการวิจัย แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดใดที่จะเตรียมพร้อมในการให้คำแนะนำกับผมผู้สูงอายุเหล่านี้
ที่มา : Washington Post