From-Rajah-Sukhumvit-Soi-4 1976..ของกินในซอย สุขุมวิทซอย 4 และการแต่งกายของชาวกรุงปี 2519.. credit Takeovers Thailand Expat
Restaurant near Sukhumvit soi 4 .... 1976 ภัตตาคาร แถวๆสุขุมวิทซอย4 เสียดายไม่เห็นชื่อร้าน แต่บรรยากาศหน้าร้านคล้าย สุกี้เรือนเพชรมากๆ แต่คงไม่ใช่... ภาพเก่าปี 2519 credit Takeovers Thailand Expat
F-86L - Don Muang RTAFB. 1960's .....CREDIT Gerrit59
Chiang Mai market 1972 ตลาดวโรรส เชียงใหม่ 2515 credit nick dewolf
Chiang Mai market 1972 ตลาดวโรรส เชียงใหม่ 2515 credit nick dewolf
Nightscene BKK. Sukhumvit 1976 ยามค่ำคืนที่สุขุมวิท ปี 2519....credit Takeovers Thailand Expat
Nightscene BKK. Sukhumvit 1976.... ชีวิตยามค่ำคืนที่สุขุมวิท ปี 2519....credit Takeovers Thailand Expat
Nightscene BKK. Sukhumvit 1976.. ชีวิตยามค่ำคืนที่สุขุมวิท ปี 2519 ..น่าจะเป็นแม่ค้าขายส้มตำริมทางที่ให้บริการลูกค้าอยู่ ..เห็นแท็กซี่แล้วคิดถึงหนังเรื่อง ทองพูนโคกโพธิ์เลย...credit Takeovers Thailand Expat
เมืองยะหริ่ง ปัตตานี ปีพ.ศ.2432 ....สภาพเมืองยะหริ่งปี พ.ศ.2432 การคมนาคมลำบากเพราะเป็นทรายลึก...เครดิต คุณ 我是...伯母 Rati
ท่าเรือด่านศุลกากรจังหวัดปัตตานี 2495.....เครดิต คุณ 我是...伯母 Rati
ท่าเรือด่านศุลกากรจังหวัดปัตตานี 2495......เครดิต คุณ 我是...伯母 Rati
ประชาชนเฝ้ารับเสด็จพระบาทสมเด็จฯ พระมงกุฎกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ที่ปัตตานี เมื่อปีพ.ศ. 2458.......เครดิต คุณ 我是...伯母 Rati
BERLI JUCKER PUBLIC COMPANY LIMITED..bangkok...บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (อังกฤษ: BERLI JUCKER PUBLIC COMPANY LIMITED ชื่อย่อ:BJC) บริษัทดำเนินกิจการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคโดยมีกิจการทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ธุรกิจผลิตสินค้าทั้งของกินและของใช้หลากหลายชนิด เช่น ธุรกิจสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ กลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค และกลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และทางเทคนิค...บริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2425
จุดเริ่มต้นมาจากตระกูลเบอร์ลี่และตระกูลยุคเกอร์ คือนายอัลเบิร์ต ยุคเกอร์และนายเฮนรี่ ซิกก์ ชาวสวิส ได้ร่วมกันก่อตั้ง ห้างยุคเกอร์ แอนด์ ซิกก์ แอนด์โก ในระยะแรกของการดำเนินธุรกิจ ได้ดำเนินกิจการเกี่ยวกับโรงสีข้าว เหมืองแร่ ไม้สัก การเดินเรือและการนำเข้า ต่อมาในปี พ.ศ. 2467 บริษัทเปลี่ยนชื่อเป็น ห้างเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ แอนด์โก ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานแบบหุ้นส่วนภายในครอบครัวเป็นรูปบริษัท ภายใต้ชื่อ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด ในปี พ.ศ. 2508
ในปีพ.ศ. 2510 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานตราตั้ง (พระครุฑพ่าห์) ให้แก่บริษัท และใน พ.ศ. 2518 บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่งด้วยการเป็นหนึ่งในเจ็ดบริษัทแรกที่เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทได้แปรสภาพเป็น บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ในปี พ.ศ. 2536...
ถนนสาย เชียงใหม่ - ลำพูนในอดีต ราว 50 ปีที่แล้ว
หน้าจะเป็นซุ้มประตูทางเข้างานฉลองรัฐธรรมนูญ ที่สวนอัมพร ที่จัดซุ้มประตูอย่างยิ่งใหญ่ อลังการมากๆ..เขียนไว้ว่า รัฐธรรมนูญจงถาวร ภาพนี้ไม่ทราบปี แต่ต้องก่อน พ.ศ.2500 แน่ๆ สมัยงานฉลองรัฐธรรมนูญยังพอมีความหมายบ้าง ...เพราะยังเห็นรถสามล้อถีบในภาพ...เครดิต คุณ ปาน พอพจน์ พฤษภาคม ห้ากก
เครื่องบิน เบรเก้ต์ ที่เชียงใหม่ปีพ.ศ.2467
บ้านทรายทอง 2499....บ้านทรายทอง ยุคแรก แสดงโดย คุณชนะ ศรีอุบล และคุณเรวดี ศิริวิไลและคุณลือชัย นฤนาถ ดาราดังในยุคนั้น
ภาพเก่าบริเวณ ด้านหน้าตลาดเสาชิงช้า สร้างเมื่อรัชกาลที่5 รื้อไปเมื่อปีพ.ศ.2490 (ในภาพน่าจะเป็นช่วงขณะที่กำลังประกอบพิธีตรียัมปวาย โล้เสาชิงช้า)....เรื่องที่เกี่ยวกับตลาดเสาชิงช้านี้ ขุนวิจิตรมาตรา(สง่า กาญจนาคพันธุ์) ได้เล่าว่า ตลาดเสาชิงช้าเดิมทีเดียวอยู่ตรงตึกโค้งสามชั้นริมถนนบำรุงเมือง จะเลี้ยวไปถนนดินสอปัจจุบันนี้ ผู้ใหญ่เล่าว่าที่ตลาดเสาชิงช้านี้ขายทองรูปพรรณ เช่นสายสร้อย กำไล แหวน ตุ้มหู ฯลฯ ทำด้วยทองเหลือง เลยเป็นคำพูดเรียกกันว่า "ทองเสาชิงช้า" มาแต่โบราณ เสาชิงช้าก็อยู่ค่อนไปทางเหนือไม่ได้อยู่ตรงที่อยู่เดี๋ยวนี้ ในรัชกาลที่ 4 นายสกอตต์ นายห้างสกอตต์แอนด์โกนำไฟแก๊สเข้ามาใช้ ตั้งโรงที่ที่พระราชวังถึงรัชกาลที่ 5 ต่อมาในปีพ.ศ.2417 โรงแก๊สระเบิดจึงมาสร้างโรงแก๊สที่บริเวณเสาชิงช้า มีกำแพงทึบ 4 ด้าน ด้านหน้าตรงกับวัดสุทัศน์ เป็นประตูใหญ่ข้างในขุดเป็นสระใหญ่เลี้ยง จระเข้ให้คนเข้าไปดูได้ ต่อมามีบริษัทไฟฟ้าขึ้นจึงรื้อโรงแก๊สหมด ย้ายเสาชิงช้าออกมาตั้งตรงที่ตั้งอยู่ปัจจุบันนี้ ตรงโรงแก๊สที่รื้อก็สร้างตลาด คือสร้างเป็นตึกแถวยาวหักวกเป็นรูปสี่เหลี่่ยมจดกันสี่ด้าน เว้นช่องเป็นประตูตรงกลางทุกด้านภายในทำเป็นตลาดใหญ่ แล้วย้ายตลาดเสาชิงช้าเดิมมาตั้งที่สร้างใหม่นี้ ต่อมาในปีพ.ศ.2497 - 2498 เทศบาลได้รื้อตึกตลาดเสาชิงช้านี้ทั้งหมด แล้วทำเป็นลานกว้างใหญ่สำหรับเล่นกีฬา สระจระเข้ที่กล่าวถึงข้างต้นนั้นก็อยู่ตรงกลางลานนี้
ตลาดเสาชิงช้าใหม่ที่สร้างในรัชกาลที่ 5 นั้น ปรากฏตามจดหมายเหตุว่าผู้สร้างตึกชื่อมิสเดอร์ สุวาราโต และเข้าใจว่าจะเปิดตลาดเมื่อปีพ.ศ.2444 (ร.ศ.119)เพราะมีพระราชหัตถเลขาฉบับหนึ่งลงวันที่ 25 มีนาคม ร.ศ.119 ถึงกรมหลวงนเรศวรฤทธิ์แลเจ้าพระยาเทเวศร์วงษ์วิวัฒน์มีความว่า
"ด้วยตลาดเสาชิงช้าตอนข้างในแล้วเสร็จพอที่จะเปิดให้เข้าไปขายของในนั้น รื้อร้านที่โสโครกเสียได้สักคราวหนึ่ง ฉันได้กำหนดว่าจะเปิดในวันที่ 18 คือ เดือน 6 ขึ้นหนึ่งค่ำ เพราะเหตุว่าถ้าจะเปิดในเวลาสงกรานต์ จะเป็นการชุลมุนกับเรื่องก่อพระทรายและกระทุ้งรากที่วัดเบญจมบพิตร แต่มีเรื่องที่จะต้องพูดกับเธอแลกรมศุขาภิบาล 2-3 เรื่องคือ
1.ในตลาดนั้นอยากจะให้ติดไฟฟ้า คิดประมาณดูว่าจะต้องติดกิ่งฟากโรงตลอดฟากเดียวไม่ติดตามตึกโดยรอบริมขอบถนนนี้ด้านละ 5 ดวงด้านสกัดด้านละ 1 ดวง รวมเป็น 12 ดวง ในตลาดเพียงสัก 3 ดวงก็พอ เพราะเหตุว่าของเหล่านั้นย่อมขายในเวลากลางวัน ติดไฟไฟ้พอให้สว่างในการที่จะรักษาของอันเก็บไว้ในตลาด รวมเป็นไฟข้างใน 15 ดวงไฟที่ถนนในระหว่างตึกที่จะไปเว็จแลไปบ่อน้ำ ถ้าจะมีแต่มุมละดวงก็เกือบจะพอดอกกระมัง ถ้าเช่นนั้นก็จะเป็นเพียง 19 ดวงๆหนึ่ง 20 แรงเทียน ถ้ากรมศุขาภิบาลจะให้ได้จะเป็นที่ยินดีมาก หรือจะเี่กี่ยงอยู่ว่าในตลาดไม่ใช่เป็นท้องถนน จะให้เจ้าของตลาดใช้ค่าไฟฟ้า 3 ดวงข้างในนั้นก็ได้ การที่จะติดเหล่านี้ถ้าเธอมีความสงสัยให้หารือเจ้าหมื่นเสมอใจ แต่ถ้าติดไฟให้ได้จุดทันวันกำหนดเปิดตลาดจึงจะเป็นการดี
2.ที่เสาชิงช้าซึ่งจะยกพื้นขึ้นรอบ แลจะปักเสาโคมสี่มุมนั้น ถ้าสำเร็จได้ด้วยในเวลานั้นจะเป็นการงามมาก
3.เมื่อตลาดได้ย้ายไปในที่ใหม่แล้ว ตลาดเก่านั้นจะได้ให้รื้อทันที เมื่อรื้อลงแล้วขอให้กรมศุขาภิบาลได้ทำพื้นที่นั้นให้สิ้นความโสโครก ให้เป็นลานใหญ่สำหรับรถเดินไปมาได้โดยสะดวกโดยเร็วด้วย"
ในพระราชหัตถเลขาฉบับนี้ ทำให้รู้เรื่องเสาชิงช้าเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่งว่า พื้นเสาชิงช้าที่ก่ออิฐถือปูนทำเป็นแท่น และเสาโคมสี่มุมนั้นเป็นของที่ทำขึ้นในสมัยรัชกาลที่5 การที่ทางเทศบาลไม่เปลี่ยนแปลงนั้นนับว่าเป็นการทำที่ถูก เพราะอย่างน้อยเราก็พอจะชี้อวดลูกหลานให้ดูได้ว่า นั่นเป็นของที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่5 เป็นพระราชดำริของพระองค์ที่จะให้ทำอย่างนั้น
ตลาดเสาชิงช้าในสมัยก่อนมักจะเปิดในเวลากลางวันมีกำหนด ถ้าเลยเวลาแล้วก็ไม่มีของขาย และตลาดเสาชิงช้าแต่ก่อนนี้ก็มีสถานที่ที่ช่วยทำความครึกครื้นอีกอย่างหนึ่งคือมีโรงบ่อนเบี้ย เรียกกันว่าโรงบ่อนตลาดเสาชิงช้า ซึ่งในสมัยนั้นอนุญาตให้เล่นตั้งแต่เวลาโมงเช้าจนถึงเวลา 5 ทุ่ม แลเวลาที่เล่นนั้นให้มีโปลิศประจำอยู่ทุกบ่อน เพื่อมิให้จีนเจ้าของบ่อนคิดทุจริตด้วยประการต่างๆ ก็ธรรมเนียมของโรงบ่อนแต่ก่อนนายบ่อนหรือขุนพัฒน์มักจะหาทางล่อใจให้คนมาเล่น จึงมักจะติดตลาดให้มีร้านรวงครึกครื้นหางิ้วและละครมาเล่นให้ดูที่หน้าบ่อน เพื่อคนดูจะได้ไถลเลยเข้าไปเล่นเบี้ยด้วย ก็เป็นอันว่าพวกงิ้วพวกละคร ได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชูจากเจ้าของบ่อนอยู่เสมอ เพราะเขาหาไปเล่นแบบเล่นงานเหมาคราวละ 7 - 10 วัน...เครดิต เรื่อง ส.พลายน้อย
เมรุปูนวัดสระเกศ ไว้เผาพระศพเจ้านายกับศพคนระดับขุนนาง แต่เห็นอีแร้งเกาะเต็มหลังคา... บรรยากาศหน้าภาพมีโลงไม้ ตะแกรงเหล็กนำศพขึ้นเผากรณีศพอนาถา....พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) แต่ครั้งยังเป็นพระยาพิพัฒน์รัตนราชโกษา เป็นนายสร้างเมรุสร้างด้วยอิฐปูนล้วน เรียกว่า “ เมรุปูน ” สำหรับพระราชทานเพลิงพระศพเจ้านาย และศพข้าราชการผู้ใหญ่ เมรุปูนที่วัดสระเกศนี้ทำพร้องเพรียงสมบูรณ์ยิ่งกว่าเมรุปูนที่วัดอรุณ และวัดสุวรรณาราม มีสามศาลาสร้างรอบเมรุ มีพลับพลา โรงธรรม โรงครัว โรงมหรสพ ตลอดจนพุ่มกัลปพฤกษ์ และระทาจุดดอกไม้ล้วนทำด้วยอิฐปูนพร้อมเสร็จแทบจะไม่ต้องปลูกอะไรเลย สมัยรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ตัดถนนสระประทุมต่อจากถนนบำรุงเมืองถนนนี้ผ่านไประหว่างกุฎีวัดสระเกศกับบริเวณเมรุปูนจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างพลับพลา และแก้ไขบริเวณเมรุปูนให้เข้ากับถนน เมรุปูนนี้จึงนับเป็นเมรุเกียรติยศที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงศพตั้งแต่รัชกาลที่ 3 เหมือนอย่างเมรุราชอิศริยาภรณ์วัดเทพศิรินทราวาสในปัจจุบัน....
ยุคสมัยต่อมาเมื่อเมรุตั้งติดกับถนนและอาคารบ้านเรือน จึงไม่เหมาะที่จะทำการฌาปนกิจศพ และเมรุเกียรติยศจึงได้ย้ายไปตั้งอยู่ที่วัดเทพศิรินทราวาส และได้ยุบเลิกเมรุปูนเสีย แต่ชื่อยังปรากฏอยู่จนบัดนี้ ต่อมาทางวัดได้มอบสถานที่นั้นให้เป็นที่ตั้งโรงเรียนช่างไม้ เรียกว่า “โรงเรียนช่างไม้วัดสระเกศ” ต่อมาเปลี่ยนเป็น ”โรงเรียนสารพัดช่างพระนคร” และปัจจุบันเป็น “วิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร”
......
เมรุปัจจุบัน.......
แม้จะย้ายเมรุเกียรติยศไปแล้ว แต่ศพพราษฎรสามัญได้ตั้งและเผาที่เมรุซึ่งตั้งอยู่ข้างบรมบรรพต เป็นเมรุทำด้วยไม้ เมื่อ พ.ศ. 2498 สมัยเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช ญาโณทยมหาเถระ ครั้งทรงสมณะศักดิ์เป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ได้ทรงสร้างเป็นเมรุถาวรก่ออิฐถือปูนพร้อมด้วยศาลาใหญ่ สิ้นค่าก่อสร้างประมาณ 8 แสนบาทเศษ
เมืองอุดร ยุค GI. สงครามเวียตนาม ปี 2514
แม่ค้าพายเรือ ขายถ่าน ยุค ปี 2513... ถ่านและเตาถ่านในยุคพ.ศ.นี้ คงจะห่างหายไปจากครัวของเราทุกที...ตอนเด็กเมื่อใกล้จะถึงในแต่ละมื้อข้าวจำได้เลยว่าในครัวจะมีควันขโมงขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นควันฟืนชวนให้หิวข้าวกันเลย
ความสงบของเชียงใหม่ ปี 2532
ชีวิตคนไทยในอดีตที่ผูกพันธ์กับแม่น้ำลำคลอง... ภาพเก่าปี 2503
กรุงเทพฯ ยุคปีพ.ศ.2493
จอมพลแปลก และท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลย์สงคราม กับคณะ ตอนกลับจากการเดินทางรอบโลก กับสายการบิน PAA (สายการบินแพนแอม) ปี 2498 สิ้นเงิน 9 ล้านบาทเอง ในยุคที่ทองบาทละ 400 บาท น้ำมันลิตรละ 2 บาท อภินันทนาการโดย Aishwarda Sirilaksana Na Lamphun (Moderator Wiz)
Spectators and fighters at a match of a Thai boxing game called "Muay Thai." bkk thailand 1960...ภาพเก่า สนามมวยราชดำเนินยุคที่ยังไม่มีหลังคาคุม..เมื่อ พ.ศ.2503...... สนามมวยราชดำเนิน หรือ เวทีมวยราชดำเนิน (อังกฤษ: Rajadamnern Stadium).... credit Robin
Casual amongst the Lamphun floods - August 1957.... ภาพเก่า น้ำท่วมที่ลำพูน ปี 2500
1962-hat-yai-junction... สถานีรถไฟหาดใหญ่ปีพ.ศ.2505..
แม่ค้าขายน้ำตาลสด..ที่ จ.อยุธยา ยุคปีพ.ศ.2513....
thailand 1970..... ฝรั่งกำลังยืนคุยกันที่ร้านค้าที่ขายของให้นักท่องเที่ยวที่อยุธยา.. ในช่วงปีพ.ศ. 2513.. ห่อที่คล้ายๆกระป๋องที่เห็นเป็นกระดาษแก้วสีต่างๆด้านหลัง.. ถ้าใครจำได้ก็จะทราบว่ามันคือห่อข้าวเกรียบแผ่น...ที่นิยมซื้อเป็นของฝาก...ที่เอามาปิ้งกินกันหอมๆกรอบๆ เมื่อสุกแล้ว...ชอบห่อแบบนี้ปัจจุบันไม่มีแล้ว....
Bangkok, grocery store 1960... ร้านขายขนมปังและเบเกอรี่ในกรุงเทพ ปี 2503.. กับแฟชั่นสาวๆยุคเก่า
Bangkok, Buddhist monk receiving food from shop 1960.... ทำบุญถวายของให้พระ..ในร้านของชำ ช่วงปี 2503
Bangkok (Thailand), sugar cane sweets sold at plowing ceremony 1957...... ตู้ไม้หรือหีบไม้ขายอ้อยแบบโบราณแบบหาบขายในงานพระราชพิธีแรกนาขวัญเมื่อ พ.ศ.2500...ปัจจุบันหาดูไม่ได้แล้วค่ะ...ผู้ที่เกิดทันคงจะจำรสหวานเย็นชุ่มคอของอ้อยควั่นแช่น้ำแข็งแบบนี้ได้...อ้อยจะนิ่มละมุนลิ้นมากๆ
BKK. 1981..... ถนนวิภาวดีรังสิต ปี 2524 มีน้ำท่วมเจิ่งนองถนน..น่าจะอยู่ในช่วงฤดูฝน... ทางซ้ายมือของภาพ ห้างเซนทรัล สาขา ลาดพร้าว..ยังอยู่ในช่วงก่อสร้าง
T-28’s, Thai Air Force.-1974-1975 Udorn
Strip Malls outside the Main Gate, Udorn RTAFB, 1975.
Pattaya Beach, 1968
ดอนเมืองสมัยเก่า...ยุคที่ยังร่ำลากันด้วยพวงมาลัย...และชั้นสองยังโบกมือบ๊าย บาย กับ ญาติพี่น้องได้
bkk 1954 street vendor ....แม่ค้าหาบข้าวหลามขายในกรุงเทพ ยุคปีพ.ศ.2497.. ยังเห็นรางรถรางบนถนนอยู่เลย
King Chulalongkorn (left front) 1896... ภาพเก่าประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ พ.ศ.2439 บริษัทขุดคลองแลคูนาสยามจำกัดได้สร้างประตูระบายน้ำ 2 แห่ง สำหรับควบคุมระดับน้ำในคลอง ได้แก่ ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ที่ต้นคลองรังสิตประยูรศักดิ์ทางทิศตะวันตก และประตูน้ำเสาวภา ที่ปลายคลองทางทิศตะวันออก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม กับได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชเทวี ไปทรงเปิดประตูน้ำทั้ง 2 แห่ง เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2439
Chatuchak Markt, 1984..... สภาพตลาดนัดสวนจตุจักร ยุคแรกเริ่มเมื่อปีพ.ศ.2527
ภาพเก่า...งานแต่งแบบโตีะจีน เมื่อปีพ.ศ.2507.... ดูแล้วนึกถึงบรรยากาศเก่าๆดี
1965 student uniform.... เครื่องแบบนักเรียนยุคพ.ศ.2508 ยังต้องมีหมวกสวมอยู่ด้วย
BKK 1972 ความสุขเมื่อวันวาน... ฟุตบาทของเมืองหลวงของเราในอดีต..จะมีขนาดกว้างใหญ่ ไม่มีการค้าบนฟุตบาทให้เกะกะ...จนเด็กๆสามารถพากันออกมาวิ่งเล่นสนุกสนานได้แบบเต็มที่..หรือบางครอบครัวยังพาลูกหลานมาป้อนข้าว ป้อนน้ำ ได้ตรงฟุตบาทที่หน้าบ้านกันเลยทีเดียว...ภาพเก่า ปีพ.ศ.2515
ตาคลี ปีพ.ศ.2511
Bangkok 1984 .... แม่ค้าริมทาง ย่านประตูน้ำปีพ.ศ. 2527
THAILAND 1983
THAILAND 1984 ...แม่ค้าหาบเร่... มักจะหาบเร่ไปขายตามริมฟุตบาทและแวะวางขายตามหน้าร้านค้าต่างๆ...คิดถึงมันต้มเผือกต้มแบบนี้ครับ..สี่บาท ห้าบาท ก็อร่อยกันได้แล้ว..แม่ค้ามักจะใส่ในถุงกระดาษที่พับมาจากสมุดโทรศัพท์หน้าเหลือง
thailand-plowing-1969.... คุณย่า..คุณยาย แวะอุดหนุน หาบน้ำตาลสด..ในระหว่างงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ...เมื่อปีพ.ศ. 2512 ที่ ท้องสนามหลวง
CHIENGRAI VIDHAYAKHOME School in Chiang Rai ....ภาพเก่างานวันเด็ก ของโรงเรียน เชียงรายวิทยาคม...ไม่ทราบปี
เส้นทางจาก จ.ตาก สู่ จ.เชียงใหม่ ปีพ.ศ.2510
Sattahip 1967 สัตหีบ พ.ศ.2510 เครดิตภาพ SSAVE
bangkok 1968 credit Hazel Greig slide scan
bangkok 1968 credit Hazel Greig slide scan
Phetchaburi - 1937
Bangkok - 1954
"Market, Korat, Thailand, 1974"
"Drive-in, Korat, Thailand, 1974"
"Pedicabs outside theater, Korat, Thailand"