10. เรื่องการมีประจำเดือน
ในทางประวัติศาสตร์แล้ว การมีประจำเดือนเป็นที่ถกเถียงว่าเป็นสัญญานของการได้รับอาหารที่อุดมสมบูรณ์ หรือเป็นสัญญาณของปีศาจ ในตำนานต่างๆยังมีเรื่องเกี่ยวข้องกับประจำเดือน และความเชื่อหลักๆเลยคือประจำเดือนเป็นเลือดเสีย ความเข้าใจผิดๆนี้ทำให้ผู้หญิงมีประจำเดือนถูกห้ามทำอาหาร ห้ามทำกิจกรรรมทางศาสนา และยังห้ามบางสิ่งที่เคยทำในวันปกติเพื่อไม่ให้เลือดเสียไปเจือปนกับทุกๆสิ่ง นอกจากนี้การที่ปฏิสนธิและตั้งครรภ์ในขณะที่ผู้หญิงมีประจำเดือนยังถูกเชื่อว่าทารกจะเกิดมาพิการเพราะเลือดเสีย ในทางกลับกัน Galen แพทย์ชาวกรีกผู้โด่งดังกล่าวว่าเลือดประจำเดือนนั้นเป็นเลือดที่ใช้เป็นองค์ประกอบในการดูแลทารก เพราะเมื่อคลอดบุตรแล้ว เลือดจะเปลี่ยนเป็นน้ำนมให้แก่เด็ก
9. อวัยวะเพศหญิงส่วนบน ใช้แทนอวัยวะเพศชายได้
เป็นที่ทราบกันดีว่าสมัยกรีกโบราณและโรมันนั้นมีความคิดที่น่าตลกและบ้าบอเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ เช่นอวัยวะเพศหญิงส่วนบนใช้งานเหมือนอวัยวะเพศชายได้ คุณเคยได้ยินมาใช้ใหม? ถึงแม้ว่าจะนานมาแล้วสำหรับความเชื่อนี้แต่ก็มีการทดลองใช้จริงในศตวรรษที่19 และ20เพื่ออธิบายแก่กลุ่มหญิงรักหญิง ที่สุดของที่สุดต้องยกให้นักบวชชาวอิตาเลียน Ludovico Sinistrari ที่กล่าวหาว่าผู้หญิงเป็นพวกมักมากในกาม จึงพยายามเปลี่ยนอวัยวะเพศตัวเองให้เป็นของผู้ชายด้วย ชัดเจนมากว่าเขาทำให้ชาวหญิงรักหญิงดูเป็นอาชญากรผู้มักมากในกาม นอกจากนี้ นักบวชท่านนี้ยังสนับสนุนการลงโทษแบบรุนแรงหากอวัยวะเพศหญิงสามารถสอดใส่อวัยวะเพศหญิงได้สำเร็จ
8. ความบริสุทธิ์จะทำให้คุณอ่อนเยาว์
มีทฤษฎีหนึ่งของกลุ่มShunamitism(กลุ่มชายสูงอายุที่เพิ่มสมรรถภาพทางเพศด้วยการนอนข้างๆกับหญิงสาว) ที่อ้างว่าการนอนข้างๆสาวบริสุทธิ์จะทำให้ผู้ชายหนุ่มขึ้น ซึ่งมีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่หมอจะวินิจฉัยตามหนังสือพิธีกรรมศาสนาเกี่ยวกับโรคในช่องท้อง เช่นในสมัยศตวรรตที่ 18 ลมหายใจของหญิงบริสุทธิ์สามารถทำให้คนมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นได้ ส่วนสาวไม่บริสุทธิ์คือมลทิน นอกจากนี้ในฝรั่งเศส มีการหาผลกำไรจากหญิงสาวบริสุทธิ์ด้วยเมื่อ Madame Janus นักลงทุนที่เปิดบ้านสำหรับสาวบริสุทธิ์ 50 คน เพื่อให้ชายสูงอายุที่จะจ่ายเงินเพื่ออยู่ใกล้ชิดหญิงสาวบริสุทธิ์แต่ไม่ได้มีเพศสัมพันธุ์
7. หน้าอกมีหน้าที่เป็นเสื้อเกราะ
ในศตวรรษที่ 14 แพทย์หลวง Henri De Mondeville ได้บันทึกไว้ในจดหมายถึงกษัตริย์ฝรั่งเศษถึงสาเหตุที่ผู้หญิงมีหน้าอกในตำแหน่งนั้นว่า
1. ทำให้แตกต่างจากผู้ชาย
2. หัวใจถูกป้องกันและรักษาในที่อบอุ่น
3. นักฟิสิกส์อ้างว่าหน้าอกที่อบอุ่นจะทำให้ช่องท้องแข็งแรง
และยังมีเพิ่มเติมในคริสศักราช 1840 คุณหมอ Astley Cooper มีความเห็นว่าหน้าอกที่ใหญ่ของผู้หญิงมีไว้สำหรับปกป้องเมื่ออยู่ในชนชั้นล่างในสังคม เขากล่าวว่า "หน้าอกช่วยป้องกันหมัดหนักจากการแข่งขันกีฬาต่อยมวย"
6. รังไข่จะถูกทำลายเมื่อขับรถ
ในปี 2013 พระดังของซาอุดิอาราเบีย Sheikh Saleh Al-Loheidan อ้างว่า การวิจัยมีผลออกมาว่าผู้หญิงที่ขับรถ เชิงกรานจะเปลี่ยนไปและมดลูกจะถูกทำลาย และเสี่ยงทำให้มีบุตรพิการ นอกจากนี้ยังมีแฮชแท็ก #WomensDrivingAffectsOvariesAndPelvises ที่ทำขึ้นโดยผู้ติดตามของ Al-Loheidan ทำให้มีข้อคิดเห็นต่างกันไปจากคนทั่วโลกรวมถึงคนในประเทศของเขาเอง ต่อมานารีแพทย์ชาวซาอุดิอาราเบีย Mohammad Baknah ได้ท้าทายคำกล่าวอ้างของ Al-Loheidan ว่าที่เขาอ้างนั้นเป็นเรื่องโกหก เพราะไม่เคยมีวิจัยอะไรเลยเกิดขึ้น และนี่ก็ไม่ได้เป็นกรณีเดียวที่พระเคยออกมาอ้าง ย้อนไปในปี 2010 พระอีกองค์หนึ่งกล่าวว่าผู้หญิงไม่ควรขับรถแต่สามารถเชื่อใจ และทำให้คนขับรถเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวได้ด้วยการให้ลมหายใจแก่เขา
5. ความคิดประหลาดของอริสโตเติล
อริสโตเติลเกือบจะเป็นนักปรัชญาที่เยี่ยมยอดที่สุดถ้าเขาไม่ได้ให้ความคิดผิดๆเกี่ยวกับร่างกายของผู้หญิง เขาล้มเหลวที่จะแยกรังไข่กับท่อปัสวะออกจากกัน นอกจากนี้เขายังปักใจในทฤษฎีที่เขาคิดขึ้นด้วยที่ว่าผู้หญิงคือผู้ชายที่มีอวัยวะสืบพันธุ์ถูกกดอยู่ภายในระหว่างกระบวนการสร้างตัว กล่าวได้อีกอย่างว่าผู้หญิงคือผู้ชายที่พิการ และเพราะการที่ผู้ชายสร้างน้ำเชื้อจึงเป็นคำอธิบายว่าทำไมผู้ชายจึงเป็นผู้กระทำและผู้หญิงจึงเป็นผู้ถูกกระทำเมื่อถึงการสืบพันธุ์ นี่อาจยังน่าขำขันไม่พอ อริสโตเติลยังกล่าวไว้ว่าผู้หญิงมีฟันและรอยประสานกะโหลกน้อยกว่าผู้ชาย และนักปรัชญาชื่อดังท่านนี้ก็ได้นำส่วนนี้มาตัดสินคนที่เป็นลัทธิคลั่งชาติตลอดชีวิตของเขา
4. รังไข่เป็นแนวนอน
มีบางตำนานประหลาดเชื่อว่าผู้หญิงชาวเอเชียมีรังไข่แนวนอนโดยเฉพาะ เกาหลี จีน และญี่ปุ่น โดยในคริสศตวรรษที่19 นักศึกษาธรรมชาติ George Cuvier กล่าวว่าผู้หญิงจีนมีรังไข่เป็นแนวนอน และความคิดนี้แพร่กระจายไปยังทหารอเมริกันในช่วงสงครามเกาหลีและสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ไม่มีใครนึกถึงความจริงในปี 1880 ที่นักเขียน JW Buel ทำวิจัยเข้มข้นพิสูจน์ไว้ว่าผู้หญิงจีนที่อาศัยในไชน่าทาวน์ที่ซานฟรานซิสโกนั้นมีรังไข่ที่ปกติ
3. ผู้หญิงที่มีการศึกษาจะมีมดลูกที่อ่อนแอ
ในหนังสือ ‘Sex In Education; Or, A Fair Chance For The Girls (1873)’, จากศาสตราจารย์ของโรงเรียนHarvard Medical School ที่ชื่อว่า Edward Clarke, อธิยายเหตุผลว่าทำไมผู้หญิงไม่ควรได้รับการศึกษา เขาอ้างว่าผู้หญิงควรมีหน้าที่ดำรงเผ่าพันธุ์ และผู้หญิงนั้นด้อยกว่าผู้ชายในทุกด้าน การผู้หญิงได้รับการศึกษาโดยเฉพาะช่วงที่มีประจำเดือนนั้นจะทำลายสมองของพวกเธอ แน่นอนว่าทฤษฎีของเขาต้องการให้ผู้หญิงมีหน้าที่แค่ให้กำเนิดทารก แต่สำนักพิมพ์ก็แจกจ่ายหนังสือเพื่อให้มีการถกเถียง และคนที่เห็นด้วยกับ Clarke ก็ถือหนังสือของเขาไปมาเหมือนคัมภีร์ไบเบิล ในที่สุดทฤษฎีที่ประหลาดเหล่านี้ก็ถูกต้าน และผู้หญิงก็ได้เข้าเรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยในที่สุด
2. ความเป็นแม่
ทฤษฏีความเป็นแม่เมื่อย้อนกลับไปสมัยโรมันหรือก่อนหน้านั้น มีความคิดที่ว่าจินตนาการของแม่จะส่งผลต่อการพัฒนาต่อลูกน้อยขณะอยู่ในครรภ์ ส่วนปานที่มีแต่กำเนิดเกิดจากความบอบช้ำทางอารมณ์ของแม่ ราวๆศตวรรตที่ 18 มีเรื่องเหลวไหลเกินจริงเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่ชื่อว่า Mary Toft, ถูกกล่าวหาว่าให้กำเนิดกระต่ายเพราะระหว่าท้องเธอฟันว่าเธอกินกระต่าย แต่เพราะว่านี่เป็นยุคสมัยใหม่แล้ว ความคิดแบบนั้นจึงยุติลงเสียที
1. ผู้หญิงที่ถูกข่มขืนจะไม่ตั้งครรภ์
ความเชื่อเหลวไหลที่ว่านี้ถูกสืบเสาะโดยแพทย์ผ่าตัด และนักปรัชญาชาวกรีกชื่อ Galen กล่าวว่าผู้หญิง จะไม่ตั้งครรภ์ถ้าพวกเธอไม่ถึงจุดสุดยอด ดังนั้นสันนิษฐานได้ว่าการข่มขืนไม่ทำให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดและไม่ตั้งครรภ์ ยิ่งกว่านั้นหากผู้หญิงตั้งครรภ์คือการสมยอม ช่างน่าเศร้าที่ความคิดนี้แทรกซึมอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ที่ยังพบได้บ่อยๆในปัจจุบัน
แหล่งที่มา : wonderslis