หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับเพศที่สาม(เกย์ / แต๋ว / กระเทย ที่ควรรู้สำหรับทุกคนทั้ง ชาย หญิง

โพสท์โดย ซูปเปอร์โงกุน


1. ทัศนะคติของคนนอกต่อคนที่เป็นเกย์

- กลุ่มผู้ชายปกติที่ไม่เคยมีประสบการณ์รับรู้ทั้งด้านแนวคิด หรือด้านปฎิบัติกับ กลุ่มชายรักชาย เลย มักจะชอบแซว เมื่อเวลาเจอเกย์ ทั้งแสดงออกและไม่แสดงออก ว่า “อุ๊ย เขาจะต้องระวังประตูหลังเวลาเจอพวกนี้” ซึ่งสร้างความสับสน เพราะเขาไม่ได้รู้ว่า ถ้าพูดอย่างนี้กับ กลุ่มที่แสดงออกว่า เป็น *สาว ซึ่งมีบทบาททางเพศเป็น*ฝ่ายรับ*อยู่แล้ว จะทำให้เกิดหงุดหงิด เพราะเขาคิดว่า เกย์/ เกย์สาว/ แต๋ว ฯลฯ เวลามีสัมพันธ์ทางเพศจะต้องเป็นฝ่ายรุกผู้อื่นทั้งหมดหรืออย่างไร กรุณาเข้าใจและแก้ไขความคิดนี้ด้วย

จาก: กวางวันที่: 13/07/53 - 13:18 น.
หัวข้อที่: E897
ฃความคิดเห็นที่ 1




การดูลักษณะของคนที่มีแนวโน้ม ที่จะเป็นเกย์ +สาว (อันนี้เป็นประโยชน์สำหรับผู้หญิง จะได้ดูได้ถูกเวลาจะเลือกใครมาเป็นแฟน หรือแต่งงาน) หรือสำหรับคนทั่วไปที่ต้องการจะดูและแยกแยะเป็น (อย่างคร่าว ๆ อาจมีรายละเอียดปลีกย่อยมากกว่านี้)

ลักษณะภายนอก
-หน้าตา
**ดูเชิด ๆ จิก ๆ ( สำหรับเกย์ที่แอ๊บสาว ถึง สาว แม้อยู่นิ่งก็สังเกตได้ ) และสำหรับคนที่ไม่แสดงออกมาก ถ้าจะสังเกตให้ดี เวลาที่มีเกย์สาว หรือ ที่ออกสาวเด่นชัดผ่านมา มักจะหันมามองหรือสังเกตนาน และมักชายหางตามามองแบบจิก ๆ หรือแอบดูถูกเชิงเหยียด ซึ่งไม่ใช่วิสัยของชายปกติ

-การพูดจา
มีลักษณะ ดู จีบปากจีบคอ (ดีกรีมากน้อยต่างกันไป)

-น้ำเสียง
มักดัดเสียง ทำเสียงเล็กเสียงน้อยในบางช่วง หรือเวลาลืมตัว / ลักษณะการพูด การทอดเสียง ดูย่างเยื้อง มีจริต ไม่เหมือนผู้ชายปกติ

-จริตกริยา
มักหลุดท่าบางอย่างซึ่งดูไม่ค่อยเป็นชายออกมา เช่น
1. หยิบจับอะไร นิ้วมือกรีดกรายเกินชายปกติ /
2. มือห้อยหรือยกขึ้นมาแบบแปลก ๆ
3. ยืนแอ่น เป็นต้น
เท้าเวลายืนแทนที่จะกางออก หรือตรงปกติ กลับหันเข้า หุบเข้า (อันนี้มักเป็นกรณีที่เป็น สาว / แต๋ว )

จาก: กวาง
วันที่: 13/07/53 - 13:23 น.
IP Address: 110.164.166.xx ความคิดเห็นที่ 2
ลักษณะพฤติกรรม (ต้องใช้เวลาสังเกต)

ความสนใจทางเพศ : มีหลายรายมักแสดงว่า ชอบผู้หญิง เหมือนชายปกติ หลายรายชอบแสร้งทำเป็นโอ้อวดเรื่องความเป็นชายของตน แต่ถ้าสังเกตให้ดี ๆ อาจพบว่า จริง ๆ แล้ว สนใจมองผู้ชาย หรือเวลามีผู้ชายหน้าตาดี ๆ เข้ามา มักแสดงความสนใจเกินอย่างสังเกตได้
มีคนที่เป็นเกย์บางคนชอบอวดอ้างว่าเป็นผู้ชายจริง สังเกตคำพูดลักษณะการพูดของเขาดี ๆ จะชอบเน้นย้ำถึงความเป็นชายกับคนอื่นบ่อยผิดปกติ หรือหลุดคำอะไรที่ผู้ชายเขาไม่ใช้กันออกมาเช่น
"อุ้ย นี่ผมเป็นผู้ชาย ที่มาวันนี้มาดูแฟน ๆ ดาราผู้ชายคนนี้ต่างหาก ชะนีเยอะดี ผมชอบ**ชะนี ** เป็นต้น

สำหรับรายที่แต่งงาน (*การแต่งงาน มีครอบครัว ไม่ใช่เครื่องรับประกันว่า ชายที่เป็นเกย์อยู่แล้วคนนั้นไม่ได้เป็นเกย์ เนื่องจากมีเกย์หลายคน จำเป็นต้องแต่งงาน เพื่อรักษาหน้าและภาพของตนเอง หรือตามความคาดหวังของสังคมและครอบครัวหัวเก่า ฯลฯ แต่เราจะสังเกตได้ ถึงลักษณะแปลก ๆ ดังนี้

- ไม่ค่อยไปไหนมาไหน หรือ ไม่ค่อยสนใจ หรือ นำเสนอ ภรรยา ของตน (เพราะความจริงแล้ว ไม่ได้มีความพึงใจต่อเพศหญิง)
- มักจะหลุดบ่นออกมาเนือง ๆ ว่า ไม่น่าจะแต่งงานเลย ฯลฯ

จาก: กวาง
วันที่: 13/07/53 - 13:28 น.
IP Address: 110.164.166.xx ความคิดเห็นที่ 3
- คนที่เป็นเกย์แอบแฝงบางราย ที่ไม่แสดงออกหรือไม่มีลักษณะกรีดกรายตุ้งติ้ง เลย อันนี้รู้ได้ยาก แต่ลองดูลักษณะต่อไปนี้ (ต่อกระเทย หรือสาว)

-ถามว่ารู้จักคนนู๊น คนนี้บ้างไหม ถ้าคนไหนเป็น กระเทย แต๋ว สาว
อุ้ย ไม่รู้จัก ไม่เคยคุย เคยคุยกันแค่ไม่กี่ครั้ง ไม่สนิท (ดูเหมือนผู้ชายปกติที่ไม่อยากใกล้ชิดสนิทสนมกับ คนที่แสดงออก) ส่วนผู้หญิงเหรอ เฉย ๆ

แต่ภูมิใจเหลือเกินในการที่จะบอกคนอื่นว่า รู้สึก สนิทกับคนอื่น ๆ ที่เป็นผู้ชาย

แปลกไหมล่ะ

จาก: กวาง
วันที่: 13/07/53 - 13:37 น.
IP Address: 124.120.184.xx ความคิดเห็นที่ 4
-ชอบพรางตัวว่าเป็นหญิง โดยการใช้ชื่อ login ต่าง ๆ เป็นชื่อผู้หญิง

จาก: กวาง
วันที่: 13/07/53 - 13:54 น.
IP Address: 124.120.184.xx ความคิดเห็นที่ 5
-ความเป็นเกย์ที่แอบแฝงอยู่กับ ลักษณะชายเป็นใหญ่ การรวมกลุ่มของผู้ชาย

ลองสังเกตบทสนทนาต่อไปนี้

ช1 "เฮ้ย ไอ้ here เมิงเป็นเกย์หรือเปล่าวะ ถ้าเป็น กุเลิกคบ"

ช2 "ไอ้ here กุไม่ได้เป็น กุแมนเว้ย"

ช1 "เออดีเว้ย กุชอบแบบแมนๆ" (กอดคอ)

จาก: กวาง
วันที่: 13/07/53 - 14:04 น.
IP Address: 110.164.166.xx ความคิดเห็นที่ 6
-ชีววิทยาหรือพันธุศาสตร์ กับความเป็น homosexual นั้นมีความเกี่ยวข้องกัน ***

MONTREAL (CUP) - การค้นคว้า เพื่อทําเข้าใจว่า เหตุใด มนุษย์เราจึง มีความสนใจ ในเพศใดเพศหนึ่ง (หรืออีกเพศหนึ่ง) เป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันมานาน

การค้นพบครั้งล่าสุดโดย Sandra Witelson แห่งมหาวิทยาลัยแม็คมาสเตอร์ (McMaster University) นั้นเป็นเพียงผลงานวิจัย ทางวิทยาศาสตร์อีกชิ้นหนึ่ง ที่พยายามจะชี้ให้เห็นว่า ชีววิทยาหรือพันธุศาสตร์ กับความเป็น homosexual นั้นมีความเกี่ยวข้องกัน

ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา แม้ว่างานวิจัยในห้องปฏิบัติการทั้งหลาย จะถือว่ายังอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่ก็ยังมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่า มีปัจจัยทางชีววิทยาบางอย่าง ที่เป็นตัวกําหนดรสนิยมทางเพศ แม้ว่า จะยังไม่อาจสรุปได้ว่า ปัจจัยดังกล่าวนั้นคืออะไร

อย่างไรก็ตาม มีความเห็นที่ไม่ค่อยตรงกันนัก ไม่ว่าจะใน สังคมวิทยาศาสตร์เอง หรือ สังคมชาวเกย์ก็ดี ว่าจะนําเอาความรู้ดังกล่าว ไปใช้ประโยชน์อย่างไร ผลกระทบที่อาจจะตามมา มีอะไรบ้าง และใคร จะเป็นผู้รับผิดชอบต่อผลเสียที่เกิดขึ้น หรือแม้กระทั่งว่า ทํางานวิจัยดังกล่าวขึ้นมาทําไม

งานวิจัยของ Witelson ค้นพบว่าขนาดของ isthmus (ส่วนคอด) ของ corpus callosum ซึ่งเป็นทางผ่าน ที่เชื่อมระหว่างสมองซีกซ้ายและขวา นั้นมีความแตกต่างกัน [เปรียบเทียบ heterosexual กับ homosexual]

Witelson พร้อมด้วย ผู้ร่วมงานที่มหาวิทยาลัยของเธอ และ นักวิจัย แห่ง ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ ใน Toronto ได้ทำการพิเคราะห์ สมองของ ชายที่เป็น heterosexual 10 คน และ homosexual 11คน และ พบว่า คอคอด ของ ชายที่เป็นเกย์ มีความหนากว่า heterosexual ถึง 13 เปอร์เซนต์ แต่กระนั้น ชายที่เป็นเกย์บางคน ก็มี คอคอด บางกว่า ชายที่เป็น heterosexual

สําหรับแนวความคิดที่ว่า ปัจจัยทางชีววิทยา มีบทบาทในการกําหนดความเป็นเกย์นั้น Witelson กล่าวในการประชุมประจําปี ของสมาคมประสาทวิทยา (Society for Neuroscience) ที่หาดไมอามี่ รัฐฟลอริดา ว่า "แน่นอน เราไม่ได้หมายความว่า สิ่งแวดล้อมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง [ต่อการกําหนดความเป็นเกย์] แต่เราหมายความว่า สิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถอธิบาย เรื่องราวทั้งหมดได้"
( แปลเป็นไทย แบบเข้าใจง่ายๆ ก็คือ : ***สิ่งแวดล้อมมีผลแค่บางส่วนเท่านั้น*** )
อย่างไรก็ตาม เรายังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าขนาด isthmus ของสมองที่แตกต่างกันนั้น เป็นสาเหตุที่ทําให้เป็นเกย์ หรือว่า เป็นผลลัพธ์มาจากความเป็นเกย์ กันแน่

ในปีที่แล้ว ได้มีการโต้แย้งกัน เกี่ยวกับการค้นพบของ Dean Hamer ซึ่งเป็นนักพันธุศาสตร์ระดับโมเลกุล แห่งสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institute of Health) ที่เมือง Bethesda รัฐแมรี่แลนด์ Halmer กล่าวว่าเขาได้ค้นพบ ตําแหน่งบนโครโมโซม X ซึ่งพบว่ามีความเหมือนกันในพี่น้องที่เป็นเกย์ ตําแหน่งดังกล่าวนี้เรียกว่า Xq28 [คําอธิบาย: X หมายความว่า ตําแหน่งดังกล่าว อยู่บนโครโมโซม X, ส่วน q หมายความว่า ตําแหน่งดังกล่าว อยู่บนแขนที่ยาวกว่า ของโครโมโซม (ถ้าเป็นแขนสั้นจะใช้ p), และ 28 บอกระยะห่าง (เป็นหน่วยทางพันธุศาสตร์) จากจุดเชื่อม ที่เป็นรอยต่อ ของแขนสั้น และ แขนยาวของโครโมโซม] Halmer ชี้ว่าตําแหน่งดังกล่าว อาจจะ มีส่วนในการกําหนดรสนิยมทางเพศก็ได้

แม้ว่าการค้นพบยีนที่กําหนดความเป็นเกย์ (gay gene) นั้นจะยังเป็นเรื่องที่ยังห่างไกล [ปัจจุบันรู้แค่ตําแหน่งคร่าวๆ ซึ่งในตําแหน่ง Xq28 นี้สามารถบรรจุยีนได้เป็นร้อยๆ ยีน] แต่กลุ่มผู้สนับสนุนงานวิจัยลักษณะดังกล่าว เชื่อว่า มันจะช่วยให้ สังคมยอมรับคนที่เป็นเกย์มากขึ้น Halmer ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Out ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับเรื่องรักร่วมเพศว่า "มันเป็นการท้าทาย คํากล่าวที่ว่า การเป็นเกย์นั้นเป็นความสมัครใจ"

ในขณะที่กลุ่มหนึ่งกล่าวว่าหากพิสูจน์ได้ว่า ยีนที่กําหนดความเป็นเกย์ มีอยู่จริงๆ จะทำให้ข้อกล่าวหาที่ว่า ความเป็นเกย์ เป็นตัวเลือก ของการดํารงชีวิต ที่ผิดศีลธรรม นั้นตกไปโดยปริยาย แต่คนอีกกลุ่มหนึ่ง กล่าวว่า งานวิจัยนี้จะถูกนําไปใช้เพื่อชี้ให้เห็นว่า homosexuality นั้นเป็นความบกพร่องทางพันธุกรรม

"ปัญหา [ ที่มากับผ่ายโต้แย้งฝ่ายแรก ] นั้นมันไม่ได้ดูที่เรื่องราว และ ความคิดที่ การตัดสินทางชีววิทยา ถูกนำมาใช้กับบุคคล" คำกล่าวของ Jean-Francois Monette นักทำภาพยนตร์ Montreal ผู้ซึ่ง ทำงานซึ่งประกอบด้วยเอกสาร เกี่ยวกับประเด็นนั้น

ภาพยนตร์ ซึ่งมีชื่อว่าชื่อว่า " Hyping the Hypothalamus" และมีกำหนดการเผยแพร่ ผ่านทาง National Film Board ในต้นปีหน้า จะกล่าวถึง งานวิจัยทางชีววิทยา และ พันธุศาสตร์ เกี่ยวกับ สาเหตุของ homosexuality รวมทั้ง ผลกระทบ ที่อาจมาจาก งานวิจัยดังกล่าว

Monette กล่าวถึง ประเทศเยอรมัน ในยุคนาซี ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นประเทศที่ งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ถูกนํามาใช้เพื่อ "พิสูจน์" ว่า ชาวยิว และ ชาวเกย์ นั้น เป็นผู้มีความบกพร่องทางพันธุกรรม ไม่บริสุทธิ์ และสมควรถูกกําจัดให้หมดไป

Monette ให้มุมมองที่น่าสนใจ เกี่ยวกับ ความสนใจของสาธารณชน ต่อการเรียนรู้ปัจจัยทางชีวภาพ ที่มีผลต่อความเป็นเกย์ว่า "ดูเหมือนชาวอเมริกันส่วนใหญ่ จะให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก มีการทุ่มเงินจํานวนมาก ให้แก่งานวิจัยลักษณะดังกล่าว คนพวกนี้ [นักวิจัย] ได้รับเงินสนับสนุน และได้มากเสียด้วย"

เขาอธิบายว่า จากการสัมภาษณ์ ความเห็นของประชาชนตามท้องถนน เกี่ยวกับสาเหตุของ homosexuality พบว่า ประมาณครึ่งหนึ่ง มีความเชื่อเก่าๆ และล้าสมัย ในแบบของฟรอยด์ (นักจิตวิทยาชาวออสเตรีย) ว่าการติดแม่มากไป หรือการขาดพ่อ เป็นสาเหตุของความเป็นเกย์

"ดูเหมือนว่า homosexuality ในประเทศอเมริกา จะเป็นเรื่องใหญ่มากกว่า (กว่าประเทศแคนาดา) ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะว่า มีความตื่นตัว ในเรื่องเกย์กันมากขึ้น พวกเขา พยายามแก้ปัญหา และ หาทางออก เพื่อไม่ให้ มันเป็นเรื่องน่ากลัวไปกว่านี้" Monette กล่าว แต่อีกหลายๆ คนก็มีความหวาดกลัวว่า การค้นพบยีนที่ทําให้เป็นเกย์ จะนําไปสู่ การคิดค้น วิธีตรวจสอบทารกในครรภ์ ว่าเป็น homosexual หรือไม่

"สิ่งนี้มีความเป็นไปได้ในทางพันธุวิศวกรรม" Alex McKay ผู้ประสานงานวิจัย ของ สภาข้อมูลและการศึกษาทางเพศแห่งแคนาดา (Sex Information and Education Council of Canada หรือ SIECCON) กล่าว "หากเรา สามารถตรวจสอบ ทารกในครรภ์ได้ ก็เป็นไปได้ว่า จะมีการตรวจ รสนิยมทางเพศ" ซึ่งจะทําให้ พ่อแม่มีทางเลือกว่า จะทําแท้ง ทารกในครรภ์ ที่จะเกิดมาเป็น homosexual ดีหรือไม่

ปัญหา เกี่ยวกับการตรวจสอบ ทารกในครรภ์ นี้มีตัวอย่างให้เห็นแล้ว ในบางประเทศ ที่ประเทศจีน บิดา และ มารดา จะถูกลงโทษ โดยการหักเงิน หากมีลูกมากกว่า 1 คน และเนื่องจากว่า พ่อแม่คนจีนส่วนใหญ่ ชอบที่จะมีลูกชายมากกว่า ดังนั้น การทําแท้ง ทารกที่เป็นเพศหญิง จึงมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ มีการคิดค้น วิธีการตรวจสอบเพศทารกในครรภ์ขึ้นมา รัฐบาลจีน พึ่งจะมาประกาศ ห้ามการตรวจเพศทารกในครรภ์ เมื่อเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 1994 นี้เท่านั้น

อีกกลุ่มเชื่อว่า การค้นพบ ความสัมพันธ์ ระหว่างปัจจัยทางชีววิทยา กับ รสนิยมทางเพศ จะนําไปสู่ ระบบการกีดกัน หรือ แบ่งแยกอีกระบบหนึ่ง "พวกเขาจะบอกว่า มันเป็นโรคชนิดหนึ่ง เมื่อคุณเป็นเกย์ นั่นแปลว่า คุณป่วย ทํานองเดียวกันกับโรคมะเร็ง" Marie-Andre Lemay ผู้อํานวยการฝ่ายสื่อสารของ Le Centre de Gaies et Lesbiennes กล่าว "นอกจากนี้ ยังอาจเป็นไปได้อีกว่า นายจ้าง อาจจะต้องการตรวจคุณ ก่อนรับเข้าทํางานก็ได้ นายจ้างทุกคน สามารถทําให้เรื่องนี้เป็นเรื่องบังคับได้"

Lemay รู้สึกขุ่นเคือง เมื่อถูกคนถามว่า ทำไมคนถึงได้เป็น homosexual ? การเป็น เกย์ เป็น เรื่องธรรมชาติ? เธอกล่าว ? ก็แล้วทำไม คนถึงได้เป็น ชายจริงหญิงแท้ ล่ะ ? ไม่เห็นมีใครถามมั่งเลย?

เมื่อทั้ง นักวิทยาศาสตร์ และ บรรดาเกย์ ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การวิจัยพันธุศาสตร์ สามารถถูกนำไปใช้ ในทางลบ มันเป็นเรื่องยาก ที่จะตัดสินใจว่า ใครจะรับผิดชอบ สิ่งที่ปรากฎออกมา ภายหลัง

" การรับผิดชอบอันแรก [ ของนักวิทยาศาสตร์ ] คือ การผลิตผลงานวิทยาศาสตร์ชิ้นสําคัญ " คำกล่าวของ Francis Rolleston ผู้อํานวยการ ทีมนวกรรมของสภาวิจัยทางการแพทย์ (Medical Research Council) ซึ่ง เป็นสถาบัน ที่ให้การสนับสนุน งานวิจัยทางด้านการแพทย์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ และชีวเวชกรรม ในประเทศแคนาดา สำหรับ Rolleston แล้ว คำกล่าวนั้นหมายความว่า เราจะต้องรอจนกว่าจะมีการวิเคราะห์ตัวอย่างชิ้นสําคัญเสียก่อน จึงจะหาข้อสรุปที่แน่นอนได้

" ผมไม่คิดว่า วงการวิทยาศาสตร์ สามารถปัดความรับผิดชอบ โดยการกล่าวง่ายๆ ว่า งานวิจัยลักษณะนี้ กําลังมาแรง และ คุณไม่สามารถทักท้วงอะไรได้เลย เราจําเป็นจะต้อง มีการหารือ ในระดับสังคมวงกว้างกันแล้ว "

McKay แห่ง SIECCON ก็ไม่คิดว่า ความรับผิดชอบ น่าจะตกอยู่กับ วงการวิทยาศาสตร์ทั้งหมด "พวกเขา มีหน้าที่ ที่จะต้อง เผยแพร่ความรู้ที่ค้นพบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม นี่เป็น ปัญหาเรื่อง จริยธรรมของสังคมส่วนใหญ่"

อย่างไรก็ตาม คํากล่าวของ Rolleston หมายความว่า นักวิทยาศาสตร์ ในฐานะที่เป็นเจ้าของงานวิจัย ก็ไม่อาจ ปลดเปลื้องตัวเอง จากความรับผิดชอบไปได้ "นักวิทยาศาสตร์ ต้องมีการกําหนด ข้อบังคับที่เข้มงวด" เขากล่าว "พวกเขา ต้องมีแนวปฏิบัติ ว่าทําอย่างไรงานของพวกเขา จึงจะเป็นที่ยอมรับ และ งานเหล่านั้น จะนําไปประยุกต์ใช้ ในลักษณะใดได้บ้าง"

สำหรับ Monette แล้ว การป้องกัน การนําความรู้ทางพันธุศาสตร์ ไปใช้อย่างผิดๆ เป็นหน้าที่ของสาธารณชน "เราจะต้องมีความระมัดระวัง อย่างมาก กับ การนําผลงานวิจัยไปใช้" Monte กล่าว

แต่ไม่ว่า จะมีความสัมพันธ์ ระหว่าง ปัจจัยทางชีววิทยากับ homosexuality หรือไม่ก็ตาม หลายคนเชื่อว่า การเลือกที่รักมักที่ชัง จะไม่มีวันสิ้นสุดลง สําหรับ James Edwards ซึ่ง เป็นอดีต ผู้ประสานงานภายนอก ของชุมนุมสามัคคี ผู้รักร่วมเพศ (Concordia Queer Collective) แล้ว การสิ้นสุดลง ของการแบ่งแยก ต่อต้าน พวกรักร่วมเพศ นั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยอาศัยวิทยาศาสตร์

"วิถีทาง ที่จะกำจัด การเลือกที่รักมักที่ชัง คือ การศึกษา บางคน เลือกที่รักมักที่ชัง เพราะพวกเขา ไม่สนใจ หรือ ไม่รู้ว่า จริงๆ แล้ว พวกเรา ก็ไม่ได้แตกต่าง ไปจากคนทั่วไป ตรงใหนเลย พวกเขา เอาภาพพจน์บางอย่าง ของเกย์ ไปเปรียบเทียบกับพวก pedophils (คือผู้ที่มีเบี่ยงเบน ทางพฤติกรรม ไปชอบมีความสัมพันธ์ทางเพศ กับเด็กๆ) แล้วก็มองว่า เกย์ เป็นแบบนั้นไปทั้งหมด"

จาก: กวาง
วันที่: 13/07/53 - 14:08 น.
IP Address: 110.164.166.xx ความคิดเห็นที่ 7
คนที่เป็นชายปกติ (heterosexual) อาจมีความสนใจที่อยากรู้ หรือเห็นความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างเพศเดียวกันได้ในบางครั้ง

มีผู้ชายปกติบางคนออกมายอมรับว่าเคยมีสัมพันธ์ทางเพศกับ กระเทย หรือ ชายรักร่วมเพศที่แสดงออกไปทางหญิง ซึ่งอาจไม่แปลกอะไรมากเพราะเขาเห็นว่าเป็นการปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศทางหนึ่ง และฝ่ายที่เขามีอะไรด้วยมีแนวโน้มไปทางในหญิง

จาก: กวาง
วันที่: 13/07/53 - 14:28 น.
IP Address: 58.147.122.xx ความคิดเห็นที่ 8
ส่วนคนที่เป็นเกย์ จะชอบฝ่ายที่ไม่แสดงออก คือชอบ คนที่ไม่มีลักษณะไปในทางหญิง

ดังนั้น เกย์ จึงมักไม่มีจิตพิศวาส กับ แต๋ว หรือ กระเทย ****

คนที่เป็นแต๋ว กระเทย จะชอบผู้ชายจริง หรือ อย่างน้อย คนที่มีแนวโน้มไปในลักษณะชายปกติ

จาก: กวาง
วันที่: 13/07/53 - 14:32 น.
IP Address: 124.120.190.xx ความคิดเห็นที่ 9
*รูปแบบของเกย์โดยทั่วไปถูกกำหนดไว้ด้วยบทบาทในการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะแตกต่างกันไปแล้วแต่ความต้องการ และพื้นฐานทางพฤติกรรมของแต่ละคน ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น พวกรุกอย่างเดียว พวกรับอย่างเดียว และพวกที่ได้ทั้งรุกและรับ

1. **พวกรุกอย่างเดียว หรือที่เรียกกันว่า เกย์คิง (King) เกย์แบบนี้ จะสวมบทบาทการเป็นฝ่ายกระทำ ในขณะมีเพศสัมพันธ์กับคู่รักของเขา โดยจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นด้วยการเล้าโลม และกระตุ้นให้คู่รักเกิดอารมณ์ทางเพศ และความคุมบทพิศวาสทั้งหมดให้ดำเนินไปตามที่ใจต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดท่าจัดทาง ออกคำสั่ง เสนอแนะ หยิบยื่น หรือบางครั้งอาจยัดเยียดให้คู่รักกระทำการบางอย่าง เพื่อสนองความต้องการทางเพศของเขา เช่ย ให้ใช้ปากทำรัก หรือยินยอมให้เขาสอดใส่ ซึ่งบทบาทของเกย์ประเภทนี้จะคล้ายกับฝ่ายชาย เมื่อมีเพศสัมพันธ์กับฝ่ายหญิง และเกย์คิงแท้ๆ จะไม่ยอม หรือไม่สามารถเป็นฝ่ายรับได้เลย เนื่องจากเป็นการฝืนความรู้สึกตัวเองอย่างมาก

2. พวกรับอย่างเดียว หรือที่เรียกว่า เกย์ควีน (Queen) เกย์แบบนี้ จะสวมบทบาทการเป็นฝ่ายถูกกระทำ ในขณะมีเพศสัมพันธ์กับคู่รักของเขา โดยจะเป็นฝ่ายเปิดโอกาสให้คู่รักเป็นผู้สำแดงบทพิศวาสต่างๆเองเกือบทั้งหมด เกย์ควีนจะเป็นผู้รองรับอารมณ์จากคู่รักเท่านั้น และจะเป็นฝ่ายใช้ปากทำรักให้ หรือยินยอมถูกคู่รักสอดใส่อย่างเต็มอกเต็มใจ บทบาทของเกย์ประเภทนี้จะคล้ายกับฝ่ายหญิง เมื่อมีเพศสัมพันธ์กับฝ่ายชาย **ซึ่งผู้ที่เป็นเกย์ควีนแท้ๆ จะไม่ยอม และไม่สามารถเป็นฝ่ายรุกได้เลย เนื่องจากเป็นการฝืนความรู้สึกของตัวเอง

3. พวกที่ได้ทั้งรุกและรับ หรือที่เรียกกันว่า เกย์โบ้ท (Both) เกย์แบบนี้จะสามารถสวมบทบาทได้ทั้งการเป็นฝ่ายกระทำ และฝ่ายถูกกระทำ คือ ถ้าหากเขาพบกับผู้ชายที่คมเข้ม หล่อล่ำสมชายชาตรี เขาก็จะมีความต้องการที่จะเป็นฝ่ายรับ หรือฝ่ายถูกกระทำ แต่ถ้าเมื่อใดที่เขาได้พบกับผู้ชายที่น่ารัก สวยหวานเหมือนผู้หญิง เขาก็อยากที่จะเป็นฝ่ายรุก หรือฝ่ายกระทำ บทบาทของเกย์ประเภทนี้ จึงคล้ายกับผู้หญิงและผู้ชายในตัวคนๆเดียว แต่อย่าเพิ่งนำไปสับสนกับคนที่เป็นไบ เพราะถึงอย่างไร เกย์ประเภทนี้ก็ยังคงมีเพศสัมพันธ์ได้กับเฉพาะผู้ชายด้วยกันเท่านั้น

จาก: กวาง
วันที่: 13/11/53 - 21:30 น.
IP Address: 124.120.191.xx ความคิดเห็นที่ 10
*สังคมชาวเกย์ในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเกย์โบ้ท รองลงไปคือเกย์ควีน ส่วนเกย์คิง ที่ถือได้ว่าเป็นเกย์คิงแท้ๆนั้น หายากมาก ส่วนใหญ่มักจะเป็นเกย์โบ้ท หรือ*เกย์ควีนที่ชอบอ้างว่าเป็นเกย์คิง* เพื่อหลอกพวกเกย์ด้วยกัน เนื่องจากคนที่เป็นเกย์คิงและไบ มักจะเป็นที่ชื่นชอบ และเป็นที่ต้องการของเกย์ทั่วไป **รองจากผู้ชายแท้ๆ ที่เกย์ทุกคนล้วนฝันไฝ่และหมายปอง ซึ่งก็มีเกย์น้อยคนนักที่จะสมหวังดังใจปราถนา

ด้วยเหตุนี้เอง การกำหนดรูปแบบของเกย์ จากบทบาทในการมีเพศสัมพันธ์เพียงอย่างเดียวจึงอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากเกย์แต่ละรูปแบบ บางครั้งก็มีการแอบแฝง หรือสลับปรับเปลี่ยนรูปแบบไปมาจนเกย์ด้วยกันยังเดาไม่ถูก จึงขอแบ่งรูปแบบแยกย่อยลงไปอีก ด้วยพฤติกรรมการแสดงออก ซึ่งในที่นี้ขอบัญญัติคำนิยามไว้ว่า หมายถึง บุคคลิกลักษณะที่ปรากฎออกมาต่อสาธารณะชน ซึ่งมีอยู่ 4 รูปแบบ ด้วยกันดังนี้ คือ

1. ไม่แสดงออก

บุคลิกลักษณะของคนที่ไม่แสดงออกนี้ จะเหมือนกับผู้ชายปกติธรรมดาๆ ทั่วๆไป ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ทรงผม เสื้อผ้า ท่าทาง น้ำเสียง ไม่มีสิ่งใดที่บ่งบอก หรือให้ใครสังเกตุเป็นพิรุธได้เลยว่าเป็นเกย์หรือไบ บางครั้ง เขาอาจสร้างบุคลิกลักษณะให้ดูคมเข้ม ขึงขัง สมชายชาตรีมากกว่าผู้ชายแท้ๆ หรือที่เรียกว่า เก๊กแมน เช่น อาจเล่นกล้าม บริหารร่างกายและหุ่นเสียจนกำยำล่ำบึ้ก อาจพูดจากก้าวร้าวดุดัน หรือแสดงทีท่ากร่าง ห้าว หรือแม้กระทั่งมีคู่รักเป็นผู้หญิง เพื่อให้ดูแนบเนียนและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าเขาเป็นเกย์ ก็จะไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงเลย หรือไม่ก็ยอมมีด้วยความจำใจ ไม่มีความรักใคร่หรือดื่มด่ำ

2. แสดงออกน้อย

บุคลิกลักษณะของคนที่แสดงออกน้อยนี้ จะยังคงเหมือนกับผู้ชายปกติธรรมดาๆทั่วๆไป หากแต่บางครั้งจะมีการแสดงออกบ้าง ไม่รู้สึกตัว หรืออาจจะรู้สึกตัวก็ได้ แต่พยายามสะกดเก็บการแสดงออกเหล่านั้นเอาไว้ แต่บางครั้ง ก็อาจจะมีการพลั้งเผลอออกมา เช่น เวลากินข้าว อาจจับช้อนส้อมโดยกรีดนิ้ว โดยนิ้วนางและนิ้วก้อยชี้ทะยานขึ้นมาตามลำดับ เวลากินน้ำโดยใช้หลอดดูด ก็บรรจงจีบปากจุ๋มจิ๋มอย่างน่ารัก เวลากินไอศกรีมแท่ง หรือกล้วย ก็อาจเผลอใช้ลิ้นโลมเลียอย่างลืมตัว ทั้งๆที่ผู้ชายธรรมดาๆทั่วๆไป ก็จะกัดกิน หรืออาจเลียนิดหน่อยเท่านั้น บางครั้งเมื่อพานพบผู้ชายรูปหล่อหุ่นล่ำตามที่ใจปรารถนาและฝันใฝ่ ก็จะแอบชำเลืองมองไปจนลับสายตา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ยังถือได้ว่าแสดงออกน้อย เพราะเขามักจะนึกขึ้นได้ และรีบกลบเกลื่อนท่าทีในทันควัน

3. แสดงออกปานกลาง

บุคลิกลักษณะของคนที่แสดงออกปานกลางนี้ จะมีบางสิ่งที่ผู้ชายปกติธรรมดาเขาไม่ทำกัน เช่น ทาแป้ง หรือรองพื้นใบหน้าเสียจนขาวนวลเนียนเป็นยองใยผ่องใสชีเน่ ทำผมเนี๊ยบนิ้ง หรืออาจเป็นชะง่อนเป็นเพิงเป็นลอนเป็นมวย ลีลาการเดินก็อาจบิดเบียดสะบัดโยกสะโพกไปมามากน้อยตามอุปนิสัยของแต่ละคน อีกทั้งเวลาโบกมือเรียกรถเมล์หรือรถแท็กซี่ ก็อาจกรีดมือกรีดนิ้ว ราวกับจะโบยบิน น้ำเสียง ตลอดจนสำเนียงการพูดจาก็จะฟังดูนุ่มนิ่มอ่อนหวาน และลากหางเสียงยาวจนสังเกตุได้ชัด ขณะที่พูดก็มักจะกรีดกรายนิ้วมือประกอบไปด้วย ซึ่งโดยปกติ คนที่แสดงออกปานกลางแบบนี้ มักจะรวมกลุ่ม และไปไหนมาไหนกับพวกที่แสดงออกแบบเดียวกัน ซึ่งก็จะไม่มีการปกปิด หรือกลบเกลื่อนการแสดงออกของตนเองแต่อย่างใด บุคลิกเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะผิดปกติวิสัยที่ผู้ชายทั่วไปเขาจะเป็นกัน แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในขั้นปานกลาง เนื่องจากยังคงแต่งกายเป็นชายอยู่

4.แสดงออกมาก

บุคลิกลักษณะของคนที่แสดงออกมากนี้ จะดูเหมือนผู้หญิง หรือดูเป็นผู้หญิงไปเลย คือแต่งกายด้วยเสื้อผ้าคล้ายของผู้หญิง หรือแต่งกายด้วยชุดเสื้อผ้าผู้หญิง ชอบใส่เครื่องประดับ อาจทำผมสั้นหรือยาว แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ท่าทางการเดิน ตลอดจนการพูดจาและน้ำเสียง จะแหลมแบบแปร่งๆ ปนห้าวๆ พูดลากหางเสียงยาวๆ ซึ่งบางคน อาจดัดเสียงได้จนเหมือนผู้หญิงมาก อันนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนเช่นกัน ส่วนหน้าตานั้น ก็จะแต่งหน้าทาปากจนเห็นได้ชัด บางคนอาจไปทำศัลยกรรมใบหน้า จมูก ปาก หรือตามาจนอาจมีความสวยหวานหยาดเยิ้ม ชนิดผู้หญิงแท้ๆยังอาย ซึ่งการแสดงออกมากนี้ บางคนอาจมีความรู้สึกไม่พึงพอใจในเพศชายที่ตนเป็นอยู่ โดยจะรู้สึกว่า จิตใจของเขาเป็นเพศหญิงมากกว่า หรืออาจรู้สึกว่าธรรมชาติสร้างร่างกายที่ผิดเพศให้กับเขา ซึ่งคนที่คิดเช่นนี้ ก็มักจะมีความต้องการที่จะผ่าตัดแปลงเพศในที่สุด

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ซูปเปอร์โงกุน's profile


โพสท์โดย: ซูปเปอร์โงกุน
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
20 VOTES (4/5 จาก 5 คน)
VOTED: ลูกสาวอบตกลับมาแล้ว, mariney, ปุ้ม, Sailor Mercury
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
รู้ยังค่าเทอม "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ค่าธรรมเนียมการศึกษา ปี 2567เมื่อสาวเจอความทรงจำที่หายไป..มาอยู่ที่ใต้สะพานลอยสลอธ เคลื่อนที่ช้ามาก แต่ทำไมถึงไม่สูญพันธุ์?นักเรียนมุสลิมในเยอรมันเผย "ศาสนาของเรา อยู่เหนือกฎหมาย!!"เอาอีกแล้ว! เขมรก็อปปี้หนังไทย เรื่องเด็กหญิงวัลลี ยอดกตัญญู?ยังจำ " คลิปแรก " ของโลกบน YouTube กันได้ไหมสำนักงานพุทธฯ สั่งตรวจสอบ พ่อแม่ "น้องไนซ์" เชื่อมจิตชาวบ้านพบสัตว์ลึกลับสีดำในกรุงโตเกียว
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
รู้ยังค่าเทอม "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ค่าธรรมเนียมการศึกษา ปี 2567เอาอีกแล้ว! เขมรก็อปปี้หนังไทย เรื่องเด็กหญิงวัลลี ยอดกตัญญู?หลวงพ่อทองคำ พระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกไทยเสนอเป็นคนกลาง ไกล่เกลี่ยสงครามเมียนมาเมื่อหนูน้อยทำตุ๊กตา "ลาบูบู้"..เพราะรู้ซื้อไม่ได้ มันราคาแพง!
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
รู้ทันกลโกง มุกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขายลาบให้ตา 50 บาท ได้ไหม? ต้องเดินหน้าเศร้า ร้านไม่ขายให้สาวสอบติดครู ร้องไห้หนัก เหตุบนลิเกไว้ 4 วัด เข่าทรุดหลังรู้ราคาลิเกเจ้าอาวาสวัดหดหู่ใจโจรทุบ 23 เจดีย์ลักเงินผีที่วัดปาไร่พรหมาราม
ตั้งกระทู้ใหม่