เจอเกาหลีกล่าวหาว่าเป็นหัวขโมย และพนง.ค้นตัว บนเที่ยวบินสายการบินหางแดง
เนื่องด้วยวันที่ 9 กค ทางผมได้มีการเดินทางกับ สายการบิน หางแดง เที่ยวบิน (BKK - ICN) ที่นั่ง 8K
เหตุการณ์มีอยู่ว่า ตอนเครื่องจะขึ้นผมได้นั่งประจำเลขที่นั่งของตัวเอง แล้วข้างหน้าผมเป็นผู้หญิงเกาหลีพร้อมกับลูก 2คน นั่งอยู่ด้านหน้า หลังจากเจ้าหน้าที่ แจ้งเตืองสัญญานรัดเข็มขัดดับลง ที่นั่งด้านหน้าได้ปรับที่นั่งลงนอน ซึ่งผมเห็นว่า มันเบียดผมและเห็นว่าทางเขามีเด็ก เลยมองหาแถวที่ว่าง ก็เลยย้ายไปนั่ง ผมไม่แน่ใจว่า 10 A หรือว่า 11A แล้วผมก็หลับไป การย้ายไปผมคิดว่าพนักงานน่าจะทราบเพราะผมสั่งอาหารมาทานด้วย แล้วก็หลับต่อ
พอจะถึงสนามบิน ที่เกาหลี พอเครื่องจอดผมก็ถูกเรียกชื่อจากพนักงานต้อนรับว่าอยู่ตรงไหน ผมก็ยกมือแล้วเดินไปถามว่ามีอะไรทั้งที่มีผู้โดยสารทั้งอื่น ๆ นั่งอยู่ด้วย ทางพนักงานต้อนรับพูดว่า ผู้หญิงคนที่นั่งหน้าผมแจ้งว่าเงินหาย เขาเลยสงสัยผม และพนักงานก็บอกว่าที่นั่งผมติดกับเขามากที่สุด พนักงานต้อนรับขออนุญาติค้นตัวผม ผมยินดีให้พนักงานตรวจค้นทุกอย่าง เพื่อให้ทุกอย่างบริสุทธิ์ใจ พนักงานต้อนรับเริ่มจากค้นกระเป๋าที่ติดตัวผมมา เอาเงินทั้งหมดมานับ ถ่ายรูปเงินและหน้า Passport แล้วก็ค้นที่ตัวผม ขนาดที่ค้นผู้โดยสารท่านอื่น ๆ ก็กำลังทยองเดินลงจากเครื่อง พอค้นเสร็จก็ถามผมว่ามีเงินเท่าไรผมก็ตอบไปตามที่แลกมาและบอกว่ามีเหลือจากครั้งที่แล้วด้วย น่าจะประมาณ แปดแสนกว่าวอน
ต้องแจ้งให้ทราบก่อนเนื่องจากผมเดินทางประจำ วิธีการเก็บเงินของผม จะมีกระเป๋าสองใบซึ่งแยก เงินเอาสองส่วน ส่วนเป็น แบงค์ 1000 - 10000 ผมจะเก็บใส่กระเป๋าเงิน ส่วนแบงค์ 50000 ผมจะแยกไว้อีกกระเป๋าหนึ่งเพื่อกันหาย
กลับกลายเป็นว่า ผู้หญิงคนนั้นบอกว่า เงินที่ผมแยกไว้อีกกระเป๋าหนึ่งซึ่งเป็น แบงค์ 50000 ทั้งหมดเป็นของเขา โดยใช้เหตุผมว่าทำไมต้องแยกเงินไว้ด้วย ผมก็บอกว่า ผมแยกไว้ประจำอยู่แล้ว ผมถามผ่านพนักงานว่าเงินเขาหายเท่าไร ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าจำไม่ได้ ขณะที่ผมกำลังคุยกับพนักงานต้อนรับอยู่ผู้หญิงคนนั้นก็ดึงกระเป๋าผมไปค้น ซึ่งผมก็พูดกับพนักงานต้อนรับว่า เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะมารื้อของผม และ เขาหยิบเอาเงินผมไปนับด้วย ซึ่งพนักงานต้อนรับก็ให้ผู้หญิงคนนั้นค้นตามใจ (ต้องแจ้งก่อนว่าพนักงาน จะมี สองคนที่เกี่ยวข้อง คือแอร์คนที่ผู้ภาษาเกาหลีได้ กับ หัวหน้าพนักงานต้องรับ ซึ่งเป็นผู้ชาย บนเครื่องอยู่ด้วย) ซึงเงินในกระเป๋าเงินผมตอนนั้น มีเงิน อยู่ประมาณ เกือบ ๆ 800000 วอน ซึ่งพึ่งแลกมาจากเมืองไทย 700000 วอนและมีเงินเก่าที่ผมพึ่งกลับจากเกาหลีเมื่อเดือน พค ที่ผ่านมาด้วย
แต่เนื่องจากผมไม่ได้มีหลักฐานแลกเงินติดไปด้วยเลยทำให้ผมไม่สามารถยืนยันความถูกต้องได้ ผมจึงถามพนักงานว่า ผมต้องทำอย่างไร เพราะผมทำให้ทุกอย่างตามที่คุณขอแล้ว ผมถามพนักงานว่าผมสามารถลงจากเครื่องได้ยัง ซึ่งพนักงานต้อนรับบอกลงไม่ได้ แล้วก็พูดกับผมว่าถ้าตกลงกันไม่ได้ เรื่องนี้ต้องให้ตำรวจสนามบินเข้ามาสอบถาม ซึ่งผมเลยพูดกับ พนักงานต้อนรับว่า ผมยินดีที่จะให้ปากคำ แต่ ผมต้องการให้พนักงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่ด้วยกัน ซึ่งผมคิดว่า เนื่องจากเรื่องเกิดบนเครื่อง และคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ก็อยู่บนเครื่อง ควรจะต้องอยู่เพื่อเป็น พยาน เล่าเรื่องทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่สนามบินฟัง แต่ทางพนักงานต้อนรับ บอกว่า เดี๋ยวเขาจะให้เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินจะดำเนินการต่อให้ ซึ่งผมขอร้อง ว่าช่วยอยู่ช่วยเป็น คนประสานงานให้หน่อย เพราะผมพูดภาษาเกาหลีไม่ได้ พนักงานต้อนรับบอกว่า บอกว่าไม่ใช่หน้าที่ แต่ก่อนเดินไป เจ้าหน้าที่ภาคพื้น กับ พนักงานบนเครื่องคุยกัน แต่ผมไม่ได้ยิน หลังจากพนักงานต้อนรับ ไปกันหมดแล้ว เหลือผมกับผู้หญิงคนนั้น ที่ยื่นรอตำรวจมา โดยไม่มีพนักงาน ภาคพื้นอยู่เลย เพราะเขาต้องไปทำเที่ยวออก
จนตำรวจมาถึง ผู้หญิงคนนั้นก็พูดภาษาเกาหลีกับตำรวจคนเดียว ซึ่งไม่ได้ถามผม พอผมอธิบาย เขาไม่เข้าใจเพราะตำรวจพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ทำให้ผมไม่สามารถอธิบาย ให้ตำรวจฟังได้ ตำรวจรับฟังได้แต่ผู้หญิงคนนั้นฝ่ายเดียวแล้วเดินมาดึงกระเป๋าผมเทลงกับพื้น ซึ่งไม่มีมารยาทมาก ขณะนั้น เจ้าหน้าที่ภาคพื้นเดินกลับมาแล้วก็เดินไปคุยกับตำรวจเป็นภาษาเกาหลี แล้วหันมาถามผมว่า มีหลักฐานแลกเงินไหม ผมบอกว่ามีแต่อยู่ที่เมืองไทย ถ้าจะเอาต้องรอให้ผมโทรหาที่แลกเงินให้เขาส่งให้ แต่เนื่องจากเวลา ต่างกัน 2 ชม เวลาที่ประเทศไทย อยู่ที่ 7 โมงเช้า ผมก็บอกกันพนักงานภาคพื้นว่าต้องรอให้ที่แลกเงินเปิดก่อน ซึ่ง ผมกำลังจะเก็บของเข้ากระเป๋า ตำรวจเกาหลีก็มาดึงมือผมเหมือนบอกว่ายังไม่ให้เก็บ ห้ามเก็บ พร้อมกับ ถ่ายรูป passport และ หน้าผม และเขียนบันทึกว่า ผมถูกแจ้งความว่าเป็นผู้ต้องสงสัยขโมยเงินผู้หญิงคนนี้ ซึ่งผมก็พยายามอธิบายอะไรไปก็ไม่ฟัง พนักงานภาคพื้นก็เดินไปเดินมา
ผมยื่นอยู่ตรงนั้นเป็นเวลา 2 ชม เพื่อรอติดต่อกับที่แลกเงินซึ่งระหว่างรอมีคนเดินผ่านไป หยิบโทรศัทพ์ขึ้นมาถ่ายรูป จนตำรวจบอกกับพนักงานภาคพื้นว่ารอไม่ไหวให้ผมส่ง Email เอกสารเพื่อเป็นการยืนยันมาให้ล่ะกัน แล้วให้ผมเก็บกระเป๋า แล้วเอาเงินของผมมาคืน แล้วก็ให้ออกไป ผุ้หญิงคนนั้นเดินออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอรู้ว่าผมมีหลักฐานแลกเงิน ซึ่งผมใช้เวลาในการอยู่ตรงนั้นนานมากว่าจะได้ออกจาก สนามบินก็ เป็นเวลาเที่ยง ซึ่งเครื่องลงตั้งแต่ เจ็ด โมงเข้า ระหว่างนั่งรถไฟเข้าโซล ผมก็หงุดหงิดว่าทำไมต้องเจอเรื่องแบบนี้ แล้วคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ผมมีคำถามอยู่หลายอย่างที่สงสัยตามนี้
- พนักงานมีสิทธิ์และอำนาจอะไรในการค้นตัว และสั่งห้ามไม่ให้ผมลงจากเครื่อง อันนี้ผมไม่ทราบเรื่องกฏหมายการบินอ่ะคับ
- มีคำพูดหนึ่งของผู้หญิงคนนั้นว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้ ให้เอาเงิน หารครึ่งกัน เลย ซึ่งไม่ใช่อาการของคนที่เงินหาย ซึ่งผมถามพนักงานต้อนรับกลับว่าถ้าเป็นคุณ คุณละยอมหรือไม่ ซึ่งเขาบอกว่า เขาก็ไม่ยอม
- บนเครื่องที่นั่งติดกับผู้หญิงคนนั้นยังมีผู้ชายอีกสองคน ทำไมไม่มีการตรวจสอบด้วย
- ในโซนเงียบ Quite Zone มีผู้โดยสายไม่น่าถึง 10 คนทำไมไม่ตรวจสอบให้ครบทุกคน ยกตัวอย่าง ถ้าผมนั่ง 8K พอเครื่องขึ้น ผมย้ายไปนั่ง 10 A แล้วพอเครื่องจะลงผมกลับไปนั่นที่เดิม แล้วถ้าเงิน แถวที่ 9 A หาย แสดงว่าผมก็ไม่เกี่ยวข้องช่ายไหมคับ รายชื่อที่นั่งใกล้ก็จะถูกกล่าวหาว่าขโมยเงิน หรือคับ แล้วอีกอย่าง เวลาการคืน ปิดไฟและมืด ใครจะย้ายไปนั่งตรงไหนก็ไม่มีใครเห็นเพราะทุกคนหลับ
- วันที่ผมเดินทาง ผมแต่งตัวสบาย เพราะขึ้นไปก็คิดว่าจะหลับเลยใส่ขาสั้นรองเท้าแตะใส่หมวก สายตาของพนักงานต้องรับที่กำลังตรวจสอบผม มองตัวจดเท้า นั้นคืออาการของคนที่ดูจากคนภายนอกนะคับ ผมรู้สึกไม่พอใจมาก
หลังจากเกิดข้อสงสัยหลายอย่าง จึงโทรไปเล่าเหตุการณ์ที่ Call Center ฟัง เพื่อจะถามว่าผมต้องทำอย่างไร เพราะตอนนี้ผมถูกตำรวจลงบันทึกว่าเป็นผู้ต้องสงสัยที่คนเอาเงินไป ทางพนักงานบอกว่า ให้ผมเขียนอีเมลส่งกลับ และต้องรอเจ้าหน้าที่ ส่งเรื่อง และจะตอบกลับมาภายใน 14 วัน ซึ่งผมบอกว่า ผมรอไม่ได้ เนื่องจากได้มีการบันทึกประจำวัน และถ่ายหน้า passport ผมไปแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาหรือผม ติด Black list ขึ้นมาจะทำอย่างไร ผมขอร้องให้ช่วยผมเช็คให้หน่อยว่าต้องทำอย่างไร เขาก็บอกว่าจะเช็คให้แล้วก็เงียบไป
วันรุ่งขึ้นผมโทรไปอีกเพื่อจะได้สบายใจ เพราะหลังจากผมส่ง Email ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยไม่มีอะไรตอบกลับจากอีเมลที่ผมส่งไป จนวันศุกร์ผมไปที่สถานีตำรวจใกล้ที่พัก เพื่อสอบถามความคืนหน้าและอย่างรู้ว่าผมต้องทำยังไงต่อก่อนกลับ แต่ตำรวจพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แล้วบอกว่า จะต้องรอตำรวจที่พูดอังกฤษได้เข้ามา ซึ่งเขาจะเข้ามาพรุ่งนี้คือวันเสาร์ซึ่งเป็นวันที่ผมจะบินกลับ หรือให้ผมไปติดต่อตำรวจที่ airport ซึ่งผมเลือกที่จะรอเจอตำรวจที่เขาพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าเนื่องจาก ทราบอยู่แล้วว่าตำรวจที่ สนามบิน ที่ผมเจอมาเลยก็พูดอังกฤษไม่ได้
พอเช้าวันเสาร์ผมกำลังเดี๋ยวตัวไปขึ้นรถไฟไป สนามบิน มีโทรศัพท์ จากสถานีตำรวจ ที่ผมไปถามไว้ บอกว่า ตำรวจที่พูดภาษาอังกฤษได้มาแล้ว ผมรีบไปสถานีตำรวจ เขาสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากเขาไม่รู้เหตุการณ์มาก่อน เลยทำให้ผมเสียเวลาในการเล่าเรื่องใหม่ และแสดงหลักฐานว่าแลกเงินมาจำนวนนี้จริงแล้วเขาก็ลงบันทึกเรียบร้อย ว่าผมมาแสดงหลักฐานการแลกเงิน (เหมือนลงบันทึกประจำวันไว้ให้) เพื่อความสบายใจของผม กว่าผมได้ออกจากสถานีเวลา เกือบ 10 โมง ซึ่งเวลาเครื่องออกคือ 11.05 ผมยอมนั่งแท็กซี่ไปให้เร็วที่สุด ระหว่างทางผมได้มีการโทรหา Call center ที่เมืองไทย ตลอดว่าผมอาจจะไปช้า รบกวนช่วยประสานงานกับเจ้าหน้าที่ ที่สนามบินให้ด้วย เพราะถึงก่อนเครื่องออกแน่นอน เพราะผมเช็คอิน Online ไว้แล้ว พอไปถึงสนามบิน เหลือเวลา อีก 30 นาทีเครื่องออก แต่ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ของสายการบินอยู่ที่เคาน์เตอร์ ผมเลยต้องขึ่นไปที่ออฟฟิศของสายการบินนี้ แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า ยังไงก็ไม่ทัน (แต่ผมเคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ที่ญี่ปุ่น และสายการบินที่หนึ่ง มีพนักงานค่อยให้ความช่วยเหลือ โดยสแกนกระเป๋าด่วนพาไปช่อง ตม ด่วนได้)
ทางสายการบินยื่นยันให้ผมเปลี่ยนไพลท์เป็นพรุ่งนี้แต่เสียเงินค่า เปลี่ยนประมาณ 4500 บาท ซึ่งทำให้ผมคิดว่าจะหาซื้อตั๋วใหม่กลับเพราะเหนื่อยและผมมีประชุมในวันรุ่นขึ้น และไม่อยากเดินทางกลับเข้าไปอีก สายการบินที่เหลือมีแต่การบินไทย ราคาอยู่ที่ 17000 บาทซึ่งผมว่าผมแพงมาก ผมเลยโทรกลับมา ปรึกษา Call Center ที่ไทย ว่า ผมไม่โอเคเลยกับเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าวันนั้น พนักงานบนเครื่องช่วยดูแลให้เรียบร้อยคงไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ผมต้องเสียเวลาที่จะต้องประชุมวันอาทิตย์เช้า และเสียเงินค่าใช้จ่ายที่จะต้องอยู่ต่อ ไม่ว่าจะค่า รร ค่าอาหาร ค่ารถ ทางพนักงาน Call Center คนนี้ก็ถือว่าเป็นคนดีเลย พยายามช่วยผม คุยกับเจ้าหน้า เรื่องเปลี่ยนตั๋วให้โดยไม่ต้องเสีย โทรหาเพื่อจะแจ้งผลตลอด ผมเลยถามพนักงาน Call Center ว่าแล้วผมต้องเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดใช่ไหม ทางพนักงานบอกว่า ให้ลองเอาบิลมาเบิก ผมเลยถามกลับไปว่า จะได้คืนไหม เขาก็บอกว่าไม่สามารถรับปากได้ ผมจึงบอกเขาไปว่า งั้นผมขออัพเกรดเป็นอีก Class ล่ะกัน แล้วผมจะไม่เบิกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ กับสายการบิน ซึ่ง พนักงานก็ขอกับ หัวหน้าแล้วก็ อนุมัติ ให้
พอกลับถึงเมืองไทยผมได้โทรเข้าไปร้องเรียนเรื่องที่เกิดขึ้น ว่ามันป็นอย่างนี้ได้ยังไง ไม่ว่าจะเป็น พนักงานบนเครื่อง พนักงาน Call Center และ พนักงานภาคพื้น ทาง ผ่ายดูและลูกค้าก็โทรเข้ามาหาผมเพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วเขาบอกว่าจะไปคุยกับแต่ละแผนกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างรอคำตอบผมได้รับจดหมาย จากลูกค้าของยกเลิกการจ้างทำงาน เนื่องจากที่ผมไม่สามารถมาประชุมได้ เนื่องจากงานเขารีบ จึงจำเป็นต้องให้เจ้าเข้ามาทำแทน ผมได้แจ้งเรื่องความเสียหายให้กับสายการบิน ทางสายการบิน บอกว่า เดี่ยวทางเขาจะเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ให้ว่าจะชดเชย โดยให้ผมเสนอเข้าไป โดยบอกว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ผู้โดยสารกับผู้โดยสารมีเรื่องกันเอง โดยสิ่งที่ผมของ คืน ตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพ – โซล ชั้น Flatbed 2 ที่เพื่อจะนำไปให้ลูกค้าเพื่อเป็นการขอโทษที่ผมผิดนัด แต่สายการบิน ให้กลับมาแค่ 1 ที่นั่งชั้นประหยัด พร้อมจดหมายขอโทษ โดยไม่มีการโทรกลับมาแต่อย่างไรทำให้ผมรู้สึกว่า ไม่มีความรับผิดชอบ และไม่ยอมให้เบอร์ ติดต่อกลับ แถมโทรกลับไป ก็บอกว่าไม่อยู่ ซึ่งขนาดนี้ ผมยังคงตกลงกันไม่ได้เลย ซึ่งตอนนี้ผมพูดเลยว่าไม่ได้อยากได้อะไรแล้ว แค่ต้องการของความถูกต้องที่เกิดขึ้นกับผมเท่านั้น
เลยอยากจะถามท่านผู้รู้ว่า ผมสามารถเอาผิดกับสายการบินได้หรือไหมในเรื่องบริการ /การหมิ่นประมาทพนักงาน และความเสียหายที่เกิดขึ้น แล้วผมควรจะต้องทำอย่างไรต่อคับ ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้กับ ผู้โดยสารคนอื่น ๆ รบกวนด้วยนะคับ เรื่องอาจจะยาวหน่อยนะคับ สงสัยหรืออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมถามได้คับ